อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเปิดตัว Samsung Galaxy Note รุ่นใหม่กันแล้ว ส่วนตัวใช้ Note มาตลอดตั้งแต่ Note 1 ยัน Note 4 แอบตื่นเต้นเล็กๆ เพราะเรียกว่าติดหนึบกับซีรี่ส์นี้มาก มีแค่ Note 5 ที่ไม่ได้เพราะใช้ S7 Edge ก่อนเท่านั้นเอง หงุดหงิดนิดๆที่ไม่มีปากกาใช้ ไว้รอรุ่นใหม่ออกเดี๋ยวค่อยไปสอยมาใช้แทน แหะๆ
มาดูกันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง =)
Samsung Galaxy Note (N7000)
มือถือรุ่นแรกของตระกูลนี้ที่เปิดมาด้วยความท้าทายต่อตลาดปี 2011 ตอนนั้นมาก เพราะมันมาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่มากกกกของตอนนั้นก็คือ 5.3" พร้อมความละเอียดแบบละเอียดมาก(สำหรับตอนนั้น) 800x1280 พิกเซล ซีพียู Samsung Exynos 4 Dual-Core 1.4 GHz แรมก็ให้มาถึง 1GB และที่เจ๋งสุดๆคือแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 2500 mAh แถมยังถอดเปลี่ยนได้
สรุปคือสเปคสูงมากและแบตอึดมาก
และแน่นอน สิ่งที่เรียกว่ารุ่นนี้อินดี้สวนทางตลาดคือการมาพร้อม "ปากกา" เพราะรุ่นอื่นๆก็แค่ออกมือถือที่ใช้นิ้วจิ้มได้ มีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียวนี่แหละที่บอกว่า "กลับมาใช้ปากกากันเถอะ"
แต่แน่นอนหละ ปากกาไม่ใช่ธรรมดา เพราะไปคว้าเทคโนโลยีของ Wacom มาเพื่อทำให้มันเป็นปากกาที่เขียนและวาดได้ละเอียดมาก ซึ่งสุดท้ายทุกคนไม่ได้มองว่ามันเป็น Stylus แบบเดิม ส่วนตัวคิดว่าปรากฏการณ์ที่ Consumer มองปากกาตัวนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้คนลืม Stylus แบบเดิมๆได้และเปิดใจยอมรับแบบใหม่
สเปคและความสามารถแปลกแบบนี้ ไม่ต้องแปลกใจ รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ซัมซุงออกมา "ลองตลาด" คือไม่ได้คาดหวังว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จยังไง ออกมาดูว่าตลาดต้องการมั้ยอะไรงี้ แต่ผลคือ ... สองเดือนแรกขายไปได้ 1 ล้านเครื่อง และพอผ่านไปได้ไม่ถึงปีดีก็ขายไปได้รวม 10 ล้านเครื่องเหนาะๆจ้าาาา ซึ่งถือว่าเยอะมากๆในขวบปีนั้น
ความสำเร็จของรุ่นนี้เองที่เป็นที่มาของมือถือจอใหญ่ๆที่เราเรียกกันว่า Phablet จนหลายๆแบรนด์ทำตามออกมา แต่ก็ยังไม่มีรุ่นไหนใน Landscape เดียวกันที่ประสบความสำเร็จเท่ากับ Note
และนี่เองจึงเป็นจุดกำเนิดของมือถือตระกูลนี้ที่เปิดตัวใหม่ทุกปีและกำลังจะเปิดอีกในปี 2016 นี้เช่นกัน
5 ปีผ่านไปหรือนี่ ... แก่แล้วเหมือนกันนะเรา ...
Samsung Galaxy Note II (N7100)
เป็นรุ่นต่อยอดความสำเร็จของ Galaxy Note ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยขึ้น มีความธรรมชาติ มีความเป็นหยดน้ำ เป็นการอิงการออกแบบตาม Samsung Galaxy S3 ที่เปิดตัวในปีเดียวกันนั้นเอง
สเปคจัดเต็มเช่นเคย จอใหญ่กว่าเดิมอีกคือ 5.5" หน้าจอละเอียดพอๆกับเดิมคือ 720x1280 พิกเซล อาจจะมีความกว้างหายไปหน่อยนึงเพราะหน้าจอถูกปรับอัตราส่วนให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากขึ้น ไม่กว้างเกินไปเหมือนรุ่นแรก
สเปคมาพร้อมซีพียู Samsung Exynos 4412 Quad-Core 1.6 GHz แรม 2GB และแบตเตอรี่ 3,100 mAh !
จะบอกว่าตอนนั้นกรี้ดกับรุ่นนี้กันมาก คือสเปคสูงมากกกกและแบตอึดมากกกกก ตอนนั้นใช้รุ่นนี้แล้วติดใจแบบสุดๆเพราะว่าประสบการณ์การใช้งานมือถือ Smartphone ช่วงปีนั้นจะต้องพก Power Bank ตลอดเวลา แต่รุ่นนี้ใช้ได้จนหมดวันแบตก็ยังไม่หมด กราบจริงอะไรจริง
ส่วนกล้องก็ถือว่าสวยมากเป็นอันดับต้นๆของมือถือช่วงนั้น ปากกา S-Pen ก็พัฒนาขึ้นมาให้วัดน้ำหนักการกดได้ถึง 1,024 ระดับ ทำให้การวาดภาพทำได้ละเอียดขึ้นมากๆ
รุ่นนี้ก็ประสบความสำเร็จล้นหลามอีกเช่นเคยตามรุ่นพี่ ขายไปได้ทั้งหมด 30 ล้านเครื่องอย่างงดงามครับ
Samsung Galaxy Note 3 (N9000/N9005)
ต่อยอดความสำเร็จกันต่อ และดูแล้วเหมือน Note II จะตั้งชื่อผิดนิดหน่อย เลยยกเลิกเลขโรมันซะ เปลี่ยนมาใช้เลขอารบิคแทน มันเลขชื่อว่า Note 3 นั่นเอง
การปรับปรุงในรุ่นนี้มาทั้งแง่ดีไซน์และสเปค
ด้านดีไซน์ก่อน รุ่นนี้เราชอบมากๆแบบว่ารักเลยเพราะฝาหลังมาพร้อมวัสดุหนังเทียม มันดูมีชาติตระกูล มันดูพรีเมี่ยมและได้สัมผัสที่รู้สึกมีมูลค่ามากๆ ใครได้ใช้รุ่นนี้ก็คงจะคิดเหมือนกัน มั่นใจ
ส่วนด้านสเปคก็จัดเต็ม จอ Note II ยังใหญ่ไม่พอ ขอขยายเป็น 5.7" ไปเลย 555 และรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอ Full HD ละเอียดกริ๊บบบ 1080x1920 พิกเซล กล้องหลังบ้าคลั่ง 13 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอ 4K ได้ ซีพียูเป็น Quad-Core 2.3 GHz หรือ 1.9 GHz แล้วแต่รุ่น แรมยัดมา 3GB แบบเอามาทำไมก็ไม่รู้ แบตก็จัดมา 3,200 mAh เหนาะๆ อย่างไรก็ตาม Note 3 กลับบริหารการใช้แบตได้แย่ลงกว่ารุ่น Note II มาก เพราะสเปคสูงกว่าเดิมมากนั่นเอง ไปๆมาๆรุ่นนี้ต้องกลับมาพก Power Bank เหมือนเดิม
ทางด้าน USB Port รุ่นนี้มาพร้อมกับ USB 3.0 เต็มรูปแบบ รูจะแปลกกว่าชาวบ้านหน่อยนึง แต่ก็สามารถใช้ USB 2.0 แบบเดิมได้เช่นกัน
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จล้นหลามแบบบ้ามาก เดือนแรกขายไปได้ 5 ล้านเครื่อง และขายไปได้ 10 ล้านเครื่องภายในสองเดือน ก็เลยมีการซอยย่อยออกมาเป็นหลายรุ่น เช่น Note 3 Neo เป็นต้น และก็ส่งผลให้ขายดีขึ้นไปอีก
โหดจริงอะไรจริง พูดเลอ และรุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่น Flagship ที่หลายๆคนติดใจจนเปลี่ยนมาใช้มือถือแอนดรอยด์เลยก็ว่าได้ และจากที่รู้จักคนรอบๆตัวพบว่า Note 3 เป็นรุ่นที่คนกลุ่มผู้บริหารเริ่มหันมาใช้กัน เพราะอิมเมจของมันดู High Value กว่ามือถือทั่วไปนั่นเอง
โดยรวม Note และ Note II เป็นกลุ่ม Early Adopter แต่ตั้งแต่ Note 3 เป็นต้นมามือถือตระกูลนี้ก็เข้าสู่ Mass แล้วนั่นเอง ทุกคนรู้จัก ทุกคนอยากซื้อ
ผมรู้ คุณก็ใช้
Samsung Galaxy Note 4 (N910)
รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นฝาแฝดกับ Note 3 เพราะดูเผินๆนี่คล้ายกับ Note 3 มาก เพราะยังคงดีไซน์ในสไตล์เดิม ที่เพิ่มเติมคือบอร์ดี้แบบ Metal Frame ที่ทำให้ดูมี Value ขึ้นกว่า Note 3 ที่ดูดีมากๆอยู่แล้วซะอีก
สำหรับสเปคก็มาพร้อมซีพียู Snapdragon 805 Qual-Core 2.7 GHz ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ แบบหวือหวาสุดๆเลยหละตอนนั้น แรมก็ยัดมา 3GB เหมือนเดิมเพราะมันเหลือเฟือแล้ว ส่วนหน้าจอยังคงขนาด 5.7" นิ้วอยู่ (อย่างที่บอก มันเป็นรุ่นแฝดกับ Note 3) แต่ที่พัฒนาไปแบบก้าวกระโดดคือหน้าจอละเอียดกริ๊บ ละเอียดโหด ละเอียดเว่อออออร์ เพราะมันเป็นรุ่นแรกๆที่มาพร้อมหน้าจอ QHD (1440x2560 พิกเซล) คือตอนนั้นหยิบมือถือมาดูนึกว่า Mock Up เพราะหน้าจอละเอียดจนนึกว่ากระดาษ ตาแยกพิกเซลไม่ออกแล้วอ่ะ -_-
ส่วนกล้องที่เป็นจุดแข็งก็จัดเต็มมา 16MP f/2.2 ถ่ายรูปชัดมาก ชัดจนมีคนรู้จักซื้อไปเป็นกล้อง มันบ้า 555 และ Note 4 ก็เป็นรุ่นแรกที่สร้างคำว่า "กล้องหน้าชัดสัด" ให้กับมือถือตระกูลนี้ จากนี้เป็นต้นมามือถือตระกูล S และ Note ทุกรุ่นกล้องหน้าชัดและฟรุ้งฟริ้งมากทุกตัว
ทางด้าน S-Pen ก็พัฒนามาอีกก้าวด้วยความสามารถในการวัดน้ำหนักการกดได้เพิ่มอีกเท่าตัวนึงเป็น 2048 ระดับ วาดกันสนุกไปเลย
และตอนเปิดตัวรุ่นนี้ทางซัมซุงก็โฟกัสกับ S-Pen เยอะมาก ทำให้ฟีเจอร์ต่างๆที่เกี่ยวกับ S-Pen ถูกยัดเข้ามาในนี้เยอะมาก เช่น การลากหน้าจอทำคลิปบอร์ด ซึ่งจากตอนแรกที่ S-Pen ดู Geek รุ่นนี้ทำให้มันดู Consumer ไปเลย เจ๋งดี
ส่วนของเล่นที่ซัมซุงยัดมาเพิ่มในรุ่นนี้คือ Fingerprint Scanner เป็นหนึ่งความพยายามในการสร้าง Security ให้ดีขึ้นและทำให้ฟีเจอร์ทัดเทียมกับคู่แข่งนั่นเอง ซึ่งจากฟีเจอร์เหล่านี้เองซัมซุงก็เอาไปต่อยอดทำระบบ Payment จนยอดการใช้งานเยอะมากอย่างทุกวันนี้
ทางด้าน USB Port ถูกปรับกลับมาให้เป็น microUSB แบบรูเดียวเหมือนเดิมเพราะซัมซุงให้เหตุผลว่าตอน Note 3 ที่ใส่พอร์ต USB 3.0 เต็มรูปแบบไปก็ไม่มีใครใช้ เกะกะ กลับมาเล็กๆเหมือนเดิมดีกว่า ซึ่งตอนแรกอาจจะขัดใจนิดหน่อย แต่พอเวลาผ่านไปก็ทำให้รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครบ่นอะไรเลยแม้แต่แอะเดียว
ยอดขายหาข้อมูลไม่เจอ แต่จากที่มีการเล่าลือมา เหมือนว่าเดือนแรกจะขายได้ 4.5 ล้านเครื่อง และโดยรวมยอดขายต่ำกว่า Note 3 อยู่ระดับนึงเพราะมันเป็นแฝดของ Note 3 นั่นเอง ถึงสเปคจะดีกว่าและกล้องดีขึ้นมาก แต่หลายคนก็ยังไม่เปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้ รอรุ่นถัดไปแทน
นี่ภูมิใจมาก ถ้า Search หา "Note 4 รีวิว" ใน YouTube วีดีโอเราขึ้นอันดับแรกน้าาา ฮี่ๆ ลองไปดูได้
Samsung Galaxy Note Edge
ในงานเปิดตัวเดียวกันกับ Note 4 ซัมซุงก็ได้ปล่อยมือถือมาลองตลาดพร้อมกันอีกรุ่นนึงด้วยก็คือ Note Edge ซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน้าจอโค้งด้านนึง
สเปคไม่พูดถึงละกันเพราะค่อนข้างคล้ายกับ Note 4 และอย่างที่บอก รุ่นนี้ออกมาเพื่อลองตลาดจริงๆทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะขายแพงและคนไม่รู้ว่าจอโค้งๆมีประโยชน์ยังไง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้จากการขายรุ่นนี้ทำให้ซัมซุงสามารถปรับปรุงและออก Galaxy S6 Edge แบบโค้งทั้งสองด้านเพื่อมาลองตลาดได้อีกรุ่นนึงก่อนจะประสบความสำเร็จล้นหลามในยอดขายของ S7 Edge
Note Edge ถือว่าเป็นรุ่นที่ออกมาเพื่อเก็บข้อมูลจริงๆ และถือว่าซัมซุงทำการบ้านมาดีกับข้อมูลที่ได้เลยหละ
Samsung Galaxy Note 5 (N920)
Note 5 เป็นรุ่นที่เปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดตามคอนเซปต์ของ S6 และนี่เองที่เป็นจุดตัดที่ทำให้ภาพของมือถือซัมซุงหลุดออกจากมือถือสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆและดูสวยกว่ายี่ห้ออื่นๆในตลาดได้ ถือว่าคนออกแบบทำมาได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ จนถึงตอนนี้ S6 และ S7 ก็ยังใช้คอนเซปต์การออกแบบเดียวกันนี้อยู่ และยอดขายก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นงานดีไซน์ที่ดีจริงๆ
ดีไซน์ที่ว่าคือการเปลี่ยนทั้งเครื่องให้ดูเป็นโลหะ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เงาวับ Glossy วิ้งวั้ง ส่วนขอบมุมต่างๆก็ถูกลบด้วยความโค้งจนกลายเป็นมือถือที่ดูงดงามมากจริงๆ นี่ชอบเป็นการส่วนตัวเลย เราว่ามันออกแบบมาดีมาก
สำหรับหน้าจอยังคงขนาดและความละเอียดเท่าเดิม 5.7" QHD แต่สเปคก็อัปเกรดมาจาก Note 4 พอสมควร ซีพียู Quad-Core 1.5 GHz ARM Cortex-A53 หรือ Quad-Core 2.1 GHz ARM Cortex-A57 แล้วแต่รุ่น ซึ่งถือว่าแรงมากๆ
แรมตัวนี้ก็จัดมา 4GB ... เยอะไปป่าวว้า 555 แบตเตอรี่ก็ 3020 mAh แต่นี่เป็นรุ่นแรกที่ถอดแบตไม่ได้เพราะมันเป็นคอนเซปต์ของดีไซน์แบบใหม่ เสียใจด้วยนะ ...
กล้องตัดนี้แจ่มมากๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อยากได้เลยคือเป็นกล้องละเอียด 16MP f/1.9 สเปคบอกอะไรไม่ได้มาก แต่พอไปลองถ่ายเองเท่านั้นแหละ อื้อหือออออออ ยอม ฟีเจอร์ที่ชอบมากคือ Realtime HDR เป็นการพัฒนาการใช้งานกล้องอย่างก้าวกระโดดไปพอสมควรเลย
สำหรับ Fingerprint Scanner ถูกย้ายจากที่เดิมถูกวางไว้เดี่ยวๆกลายเป็นมารวมกับปุ่ม Home เรียบร้อย สะดวกขึ้นไปอีก
ฟีเจอร์ S-Pen ไม่ได้มีอะไรมากกว่าเดิมมาก แต่ที่หลายๆคนชอบและใช้งานได้จริงคือฟีเจอร์ "Screen off memo" ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้สามารถจดของลงบนหน้าจอโดยไม่ต้องเปิดหน้าจอขึ้นมาได้ อันนี้เจ๋งดี คนคิดถือว่าเก่ง
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่รุ่นนี้ใส่ External Storage เพิ่มไม่ได้ ทำให้ซื้อมาเท่าไหร่ก็ใช้ได้เท่านั้น ถือว่าเป็นปัญหาอยู่พอสมควรเลย
ยอดขายไม่รู้เพราะเพิ่งออกไม่นาน แต่จาก Stat ของแอปต่างๆบอกว่า Note 5 เป็นมือถือที่มีคนใช้เยอะมาก ส่วนตัวแล้วเป็นรุ่นเดียวในตระกูลนี้ที่ไม่ได้ใช้ แต่เป็นรุ่นที่อยากได้มากที่สุด ก็เสียดายเล็กๆ ไม่เป็นไร ไว้ใช้รุ่นถัดไปเลยละกัน แหะๆ
Samsung Galaxy Note 7 (?)
และที่กำลังจะเปิดตัวตอน 4 ทุ่มวันนี้ แท่แด๊นนนนนน Samsung Galaxy Note รุ่นใหม่จ้าาา ยังไม่รู้ว่าเลขรุ่นอะไร แต่ที่หลุดมาจาก Leak และจากหน้าเว็บของ Samsung เองที่ขึ้นว่า "7 Unpacked" ก็น่าจะเป็น Note 7 แหละ ถ้าไม่มีอะไรผิดนะ (นี่ถึงจะมางานเปิดตัวแต่ก็ไม่รู้ข้อมูลพวกนี้ก่อนเลย ย้ำว่าชื่อ Note 7 นี่เอามาจากข้อมูล Public ล้วนๆ มิใช่จากคนในซัมซุง)
แล้วถามว่าทำไมถึงข้ามมา 7 เลย 6 ไปไหนหละ?
ถ้ามันเป็น Note 7 จริงๆ ในงานก็คงจะรู้กันว่าทำไม ยังไงติดตามกันได้ที่ http://live.nuuneoi.com ครับ นี่ทำมาเพื่อ Live Blog สดจากในงานโดยเฉพาะเลย บล็อกเบื้องหลังการพัฒนาจะตามมาอีกที ยังไงลองใช้งานกันก่อน แฮ่ๆ
และเนื่องจากซัมซุงสปอนเซอร์การมาครั้งนี้ "เราอนุญาตให้ใช้ทุกข้อมูลและทุกภาพใน Live Blog เพื่อเอาไปโพสต์หรือเขียนข่าวได้โดยไม่ต้องขออนุญาตครับ"
ยังไงก็มาติดตามกันได้น้าาา เอนจอยยย =D