"Fly high but don't fly alone"
รวมหมัดเด็ด Android จาก Keynote Google I/O
16 May 2013 03:48   [17645 views]

งาน Developer จัดกี่ปีต่อกี่ปี ผมยอมรับว่าหนีไปหลับก่อนทุกครั้ง แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ กับ Google I/O 2013 ที่ทำให้ผมตื่นเต้นได้ตลอด Keynote ของส่วน Android เลยทีเดียว เพราะครั้งนี้ Google งัดไม้เด็ดออกมาฮุคซ้าย ตีหมัดขวา แทงเข่า จนเรานั่งปรบมือตลอด Keynote เลยทีเดียว


จึงใคร่ขอเขียนสรุป Keynote วันแรกของงาน Google I/O ในส่วนของ Android ให้ฟังกัน โดยคัดมาเฉพาะส่วนที่สำคัญๆและโดนใจ มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูจ๊ะ


Google+ Sign In

ก่อนหน้านี้ Google พยายามผลักเรื่อง Google+ Sign In ให้เข้าสู่ระบบ Web/Mobile หวังจะแบ่งส่วนแบ่งการตลาดการยืนยันตัวตนแบบ Single Sign On ที่ Facebook แทบจะผูกขาดอยู่ตอนนี้ มางานนี้กูเกิ้ลก็ตอกย้ำอีกครั้งว่า Google+ Sign In นี่แหละ เป็นสิ่งที่ชั้นเอาจริงนะ ด้วยการปล่อย SSO แบบ Cross Platform ออกมา


ส่วนตัวไม่คิดว่าจะมาแทน Facebook ได้ แต่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เหมือนที่ Sign in with Facebook และ Sign in with Twitter อยู่ด้วยกันได้ในทุกวันนี้ (เพียงแต่ Sign in with Facebook จะเยอะกว่าอย่างมีนัยสำคัญ)


Google Play Gaming Service

เคยบอกเอาไว้ว่า ใครก็ตามที่ทำ Cross Platform Gaming Service ที่เซฟเกมลง Cloud ได้ ผู้นั้นจะครองโลกได้ ... และ Google ก็ทำแล้วครับ ปล่อย Google Play Gaming Service ระบบ Game Center เต็มรูปแบบ พร้อมให้นักพัฒนาเอาไปใช้ได้ทั้งบน Android, iOS และ Web

ระบบโดยรวมมีเหมือนที่ Game Center มีคือระบบ Multi Player, Leaderboard และ Achivements แต่ที่เด็ดสุดๆก็คงหนีไม่พ้น Cloud Save ที่จะเซฟเกมลง Cloud ได้ เรียกว่าเป็นไม้เด็ดของ Google ในงาน I/O ปีนี้เลย


ปัญหาอย่างเดียวของเจ้า Google Play Gaming Service คือมันใช้ Google+ ในการเชื่อมต่อระหว่างผู้เล่น (ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างงั้นแหละ ไม่งั้นจะทำ Google+ มาทำไม) ก็ต้องดูว่ากูเกิ้ลจะทำให้มันไม่ใช่ปัญหาได้หรือไม่


อ้อ ... ตะกี้ตอนอยู่บนเวที Live Demo มัน Force Close และก็เชื่อมต่อกับระบบไม่ติดด้วยหละ สุดท้ายต้องยกเลิกการ Live Demo แล้วข้ามไปหัวข้อต่อไปแทน เฟลจ้า กรั่กๆๆ


GCM (Google Cloud Messaging) มีฟีเจอร์เพิ่ม

GCM (หรือก่อนหน้านี้คือ C2DM) ระบบ Push ที่ถูกใช้บน Android ตอนนี้ถูกประกาศฟีเจอร์เพิ่มอีกสองอย่างคือ สามารถติดต่อกลับไปยัง Server ผ่าน GCM ได้ ประโยชน์คือมันจะมีระบบ Retry ให้ถ้าติดต่อ Server ไม่สำเร็จ จะช่วยประหยัดแบตลงไปได้กระด๋อยนึง ส่วนอีกฟีเจอร์คือหากเรามีมือถือแอนดรอยด์หลายเครื่อง เราจะสามารถ Sync ข้อความระหว่างเครื่องได้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากๆ เราเปิดอ่าน Push จากเครื่องนึงแล้ว ทำไมต้องไปนั่งไล่เปิดอีกเครื่องนึงด้วยหละ จริงมะ (แต่จะมีกี่คนที่พกแอนดรอยด์สองเครื่องกันนะ)

ส่วนตัวไม่รู้สึกหวือหวาอะไรกับ GCM เหมือนเป็น Gimmic เล็กๆมากกว่า


Android Studio

นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เรานั่งตบมือลั่น น้ำตาไหลพรากอยู่บนหน้าคอมพ์เลยทีเดียว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่า Google ใส่ใจนักพัฒนาแอพฯ Android สักที !! โดยตัดสินใจโยน Eclipse + ADT Plugin ทิ้ง แล้วทำ IDE ขึ้นมาใหม่เองเลยในนาม Android Studio จ้าาาา โดย Base บน Intelli-J (ทำไมต้อง Studio ตั้งใจจะสื่ออะไรกับ Visual Studio ป่ะ?)

ความเจ๋งของมันเรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างที่นักพัฒนาแอพฯแอนดรอยด์จำเป็นต้องใช้ ที่เด็ดโคดๆคือ สามารถทำ UI ได้ง่ายขึ้นมาก ทั้งระบบการวาง Component และการ Live Preview บนขนาดหน้าจอต่างๆ จอเล็กจอใหญ่ แนวตั้งแนวนอน มือถือหรือ Tablet มีครบหมด (ตามภาพด้านบน) จะเห็นว่าแค่เราแก้ xml ทุกหน้าจอก็จะพรีวิวให้ดูเลยว่าบนหน้าจอไหนจะแสดงผลยังไง คราวนี้แทบจะตัดปัญหาเรื่อง UI Fragmentation ทิ้งไปได้เลย ไม่ต้องไปนั่งลองทีละเครื่องอีก


แต่ยังไงก็ตาม ถ้าใครคิดว่าปัญหา Fragmentation จะหมดไปอย่างสิ้นเชิงแล้วหละก็ ผิดจ้า เพราะนี่เป็นเครื่องมือที่ช่วยส่วนหนึ่งเท่านั้น มันก็ยังแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมด เพราะ OEM แต่ละยี่ห้อก็มีความสามารถในการทำให้ Android ผิดเพี้ยนไปอยู่ไม่น้อย แม้จะเป็น Android เวอร์ชั่นเดียวกัน ก็ทำงานต่างกันได้ มีทั้งเรื่องรอม เรื่องแรม เรื่อง Internal Memory ฯลฯ การ Deploy จริงก็คงต้องมานั่งเทสต์อยู่ดีว่ามีปัญหากับรุ่นไหนมั้ย แต่ความเหนื่อยลดลง 50% หรือมากกว่า ^ ^


ไปโหลดกันได้แล้วนะ จาก http://developer.android.com/sdk/installing/studio.html แต่ยังเป็นตัวเวอร์ชั่น 0.1 Preview อยู่ อย่าคาดหวังมาก ตินิดนึงว่าจริงๆควรจะทำตั้งนานแล้ว ไม่งั้น Android คงไม่มีปัญหาเรื่องแอพฯอย่างวันนี้ แต่ก็ชมละกันว่าสุดท้ายก็มาสักที


Google Play Developer Console: Auto Translation

เรื่อง Localization ก็เป็นอีกหนึ่ง Key Success ของ Mobile App เพราะมีหลายประเทศไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่ครั้นเราจะมานั่งแปลแอพฯให้เป็นภาษาต่างๆก็คงจะลำบาก แต่มันไม่ยากอีกต่อไป เพราะ Google ไปดึง Service Google Translate มาแปลข้อความทั้งหลายของเราในหน้า Google Play Developer Console ให้ เรียกว่าพิมพ์ภาษาใดภาษาหนึ่งไป ที่เหลือมันจัดการแปลเป็นภาษาต่างๆให้เราเลย ครบ !


ไม่เฉพาะแต่พวก Metadata เท่านั้นที่ถูกแปล แต่ไฟล์ APK ก็ถูกแปลได้ด้วยนะจ๊ะะะะ (หมายถึงพวกภาษาในแอพฯ) แค่อัพโหลดไฟล์ string.xml ไป มันก็จะแปลเป็นภาษาต่างๆให้แล้วเราก็จะได้ string.xml สำหรับภาษาต่างๆมา แค่นี้เราก็จะได้แอพฯภาษาต่างๆแย้ววว มันเท่มาก !!

เท่าที่ดูเนี่ย ติดอย่างเดียว เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันแปลถูก? เช่นถ้ากดให้แปลเป็นภาษาไทย มั่นใจมากว่าแปลผิดแหงม ... ยังไงก็ติ๊กภาษาไทยออกก่อน จะดีที่สุด ฮ่าๆๆๆ


Google Play Developer Console: Beta Testing and Staged

ระบบหลังบ้านของ Google Play เพิ่มส่วนอำนวยความสะดวกในการทำระบบ Beta Testing และ Alpha Testing รวมถึง Stage ของการพัฒนาเป็นลำดับขั้นตอน ช่วยให้การส่งให้คนทดสอบเป็นระบบมากขึ้นมาก


วิธีการดึงคนเข้า Beta/Alpha Testing นั้น ก็แค่ไป Search หาคนใน Google+ แล้ว Add เข้าได้เลยอย่างง่ายดาย


Google Play Developer Console: Referral Flow

เพิ่มการตรวจสอบ Referral จากหน้าหนึ่งสู่อีกหน้าหนึ่งในระบบ Google Play เพื่อเช็คละเอียด แสดงผลในหน้า Google Analytics

ประโยชน์ก็คือ เราจะตรวจได้ว่าใครมาโหลดแอพฯเรา โหลดจากไหน Conversion Rate เท่าไหร่ ฯลฯ เอาไปวิเคราะห์ Strategy และการตลาดได้เลย ไม่ต้องมานั่ง Track เองให้ลำบาก


Hangouts มาแทน Talk

สงสัยมานานว่าทำไม Google ไม่เอา Talk ให้เป็น Messaging Platform บนมือถือเลย เอา Messenger บน Google+ มาทำให้ซ้ำซ้อนทำไม ล่าสุด Google Talk ก็หมดวาระของมันแล้ว ถูกโยกออก แล้วดึงเอาระบบ Chat + Video Call เข้ามาแทนแบบสมบูรณ์แบบ มันมีชื่อว่า ... Hangout

ใช่ครับ ก็ Hangouts ตัวเดียวกับที่มีอยู่บน Google+ นั่นแหละ แต่กูเกิ้ลเพิ่มฟีเจอร์ให้สามารถแชทกันได้ด้วย ส่งรูป ข้อความ เสียง วีดีโอ ฯลฯ หากันได้ เหมือนโปรแกรมแชทบนมือถือที่เราใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้

ดูแล้ว ดูดีมีคุณภาพ น่าใช้งานมากเลยนะ แต่จุดอ่อนหลักคือ Hangout เป็นการเชื่อมระหว่าง Google+ User (อีกแล้ว) ตะกี้โหลดมาเล่นดูละ เข้าไป Contact List ก็กลายเป็น Circle ใน Google+ เลย จึงเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสจะไปตบตีกับตลาด Chat อย่าง LINE/Whatsapp ได้เลย (พูดอีกอย่างคือ กูเกิ้ลไม่คิดจะไปตบตีด้วยนั่นเอง) เอาจริงๆ ตี Facebook Messenger ก็ยังลำบาก เพราะคนไม่มีเหตุผลดีๆจะต้องเปลี่ยนไปใช้ Hangouts ... หรือมี?

ซึ่งจริงๆแล้ว Hangouts ตัวนี้มาเพื่อแทน Talk โดยสมบูรณ์ แม้แต่ Package บน Google Play ก็ยังเป็นตัวเดียวกับ Talk (นั่นแปลว่ามันจะอัพเดตทับ Talk ไปเลย) ก็ขอลาก่อน Google Talk จ้าาา


สรุป 1: เดินเกมพัฒนา Developer Experience

Strategy ปีนี้ต้องชื่นชม Google อย่างออกนอกหน้าที่เค้าหันมาสนใจ Developer Experience (DX) สักทีนึง หลังจากที่ Google I/O ปีก่อนๆเอาแต่พ่นว่า Android เวอร์ชั่นใหม่มีอะไร ดียังไง แต่นักพัฒนาก็ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปกับการที่มันมีฟีเจอร์ใหม่ แต่การเขียนโปรแกรมให้ดียังยากนรกอยู่เหมือนเดิม


แต่ปีนี้แค่ Android Studio ตัวเดียวก็ทำให้ทุกคน(รวมทั้งเรา)ฮือฮาแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่รอมานาน จริงๆควรจะมีมาตั้งแต่แอนดรอยด์เริ่มทำแล้วด้วยซ็ำ ไม่รู้ทำไมไปฝากชีวิตไว้กับ Eclipse นานขนาดนี้


ส่วนเรื่องอื่นๆก็ช่วยให้การพัฒนาทำไปได้ดี เร็วและถูกจุดขึ้นมาก เช่น การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมของ Google Play Developer Console ตัว Referral Flow, Beta Testing และ Auto Translation ช่วยให้ชีวิตนักพัฒนาดีขึ้นมาก มาก มาก มาก มาก มากกกกกกกกก


เชื่อว่าสุดท้ายนักพัฒนาก็จะยังชอบพัฒนาแอพฯบน iOS มากกว่า Android อยู่ดี (เพราะโครงสร้างโค้ดที่มันแย่ๆไม่มีอะไรเปลี่ยน แค่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากขึ้น) แต่รับรองว่าแนวโน้มดีขึ้นแน่นอนครับ


สรุป 2: กูเกิ้ลเลือกใช้ Google+ เป็นแกนกลาง

ถึงกูเกิ้ลจะไม่ได้พูดว่า Google+ นี่แหละเป็นแกนหลักของทุก Service ที่เปิดตัวเพิ่มมาวันนี้ แต่ถ้าสังเกตให้ดี แทบในทุก Demonstration ในช่วง Keynote เราจเห็นว่า มี Google+ ปรากฎตัวออกมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Gaming Service ที่ต้องเชื่อมระหว่างผู้ใช้ใน Google+ ระบบ Google Play Developer Console ที่คนจะเข้าร่วม Beta Program ต้องอยู่ใน Google+ ระบบ Chat ก็เป็นของ Google+ ฯลฯ


ตรงนี้พูดได้ว่ากูเกิ้ลเอาจริงกับ Google+ มาก โดยให้สิ่งที่เติบโตแล้วอย่าง Android เป็นตัวดึงให้เมืองร้างอย่าง Google+ เติบโตขึ้นมา คาดว่าปีหน้าจะมีตัวเลขก้าวกระโดดของผู้ใช้ Google+ เพิ่มขึ้นมาจาก Strategy ตรงนี้แน่ๆ คาดว่าจะเพิ่มจาก Gaming Service มากที่สุด เรียกได้ว่ามองเกมขาดจริงๆ อย่างที่บอก ใครทำ Cross Platform Game Center ขนาดใหญ่ได้ คนนั้นครองโลกกกกก


แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้การเปิดตัวหลายอย่างดูเลิศหรู แต่เอาเข้าจริง Google ยังมีการบ้านต้องทำอีกเยอะในการจะปั้น Google+ มาเป็นแกนกลางให้แก่ End User ได้ ไม่ได้บอกว่า Google จะทำไม่ได้ แต่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจใน End User มากกว่านี้ เดินมาทางนี้อ่ะถูกทางมากๆแล้ว แต่คงต้องชัดเจนและดึงดูดกว่านี้นิดนึง เริ่มจากให้คำตอบแก่นักพัฒนาว่าทำไมต้องไปใช้ Service ของ Google+ และ End User ก็จะตามมาเอง พอคนทำเกมที่ใช้ Google+ เยอะๆ สุดท้ายคนก็ไปใช้ Google+ เองแหละ (ถึงจะเอาไว้ใช้แค่เล่นเกมก็ตามเถอะ) แล้วรับรองว่าเกิดได้ไม่ยากแน่ๆครับ


เอาใจช่วย =)


จบครับ เย้ นอนๆๆๆ สวัสดี ฝันดี คร่อกกกกกกกกกก

บทความที่เกี่ยวข้อง

Aug 9, 2013, 09:23
22803 views
เมื่อ Facebook ทำ namespace แอพฯหาย ...
May 13, 2013, 17:27
6442 views
แอบดู Lumia ตัวใหม่สักนิดสักหน่อย ก่อนเปิดตัว
0 Comment(s)
Loading