"ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน" อาจจะเป็นคำถามที่ทำให้เด็กต้องสงสัย แต่สำหรับคนวัยทำงานที่ต้องรับผิดชอบงานมากมาย "คิดหรือทำอันไหนสำคัญกว่ากัน" คงเป็นคำถามที่ยังเวียนวนอยู่ในหัวของใครหลายต่อหลายคน เพราะงานแต่ละงานกว่าจะสำเร็จได้ ต้องมีทั้งคน "คิด" และคน "ลงมือทำ" และส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน ที่น่าตลกคือบ่อยครั้ง คนคิดและคนทำถึงต้องร่วมงานกันแต่ก็เป็นปรปักษ์ต่อกัน มีอันต้องทะเลาะกัน เพราะคนคิดมักจะมีจินตนาการลึกล้ำ คิดมาได้ แต่คนทำทำไม่ได้ ก็จะมองคนทำว่าแค่นี้ไม่มีปัญญาทำหรอ ส่วนคนทำก็จะมองคนคิดว่าคิดมาได้ยังไง มองเห็นความจริงบ้างหรือเปล่า
แล้วทีนี้
"คิด" หรือ "ทำ" อันไหนเล่าที่สำคัญกว่ากัน?
คิดสำคัญกว่าทำ
สมัยครั้งมหาลัย ตัวเราอยู่ในสังคมที่อุดมไปด้วยคนทำ ใครๆก็ทำได้ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นตัวเอง รุ่นน้อง รอบข้างมีแต่เทพ แต่สิ่งที่ขาดคือไอเดียดีๆที่จะส่งมาให้ผู้คนเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเป็นผลงานเจ๋งๆ ประกอบกับโลกในวันนั้นยังไม่เล็กเหมือนทุกวันนี้ เราไม่มีแบบอย่างที่ดีให้ศึกษาเท่าไหร่นัก ไอเดียแต่ละอย่างที่จะผุดออกมาได้ ต้องมาจากสมองและพรสวรรค์จริงๆ วันนั้นผมบอกว่า
"คนคิดสำคัญกว่าคนทำ เพราะใครๆก็ทำได้ แต่คนที่จะคิดไอเดียเจ๋งๆได้หายากนัก"
วันนั้นผมเริ่มเข้าสู่โหมด "นักทำ" อย่างเต็มรูปแบบ และก็ไม่ต้องแปลกใจ ฟาดฟันกับคนคิดจนต้องหงุดหงิด หลายครั้งรู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบ เพราะคนคิดคิดแป๊บเดียว ไม่ต้องออกแรงอะไร ส่วนคนทำอย่างเรารึ ทำแทบตาย ต้องรับผิดชอบทุกสิ่งอย่าง แต่พอแบ่งเงิน คนคิดกลับเอาเงินไปเยอะกว่าเพราะบอกว่า "นี่มันความคิดผม" จนทำให้ผมต้องเลิกคบคนประเภทนี้ไปหลายคนทีเดียว
ทำสำคัญกว่าคิด
แต่พอโตขึ้นมาอีก อินเทอร์เนตทำให้โลกแคบลงอย่างน่าตกใจ มีตัวอย่างดีๆเทพๆของผลงาน มีความสำเร็จมากมายให้เราศึกษา ความคิดและไอเดียเป็นแสนผุดขึ้นมาในหัวของแต่ละคนที่บอกว่าตัวเองเป็นนักคิด ผมได้เข้าสู่สังคมที่รอบตัวมีแต่คนคิด เอาแต่คิด และก็คิด และก็คิด และก็คิด ... แต่หาคนทำไม่ได้ วันนั้นผมบอกว่า
"คนทำสำคัญกว่าคนคิด เพราะใครๆก็คิดได้ แต่คนจะทำให้มันเกิดขึ้นมาได้หายากนัก"
วันนั้นผมเริ่มทำน้อยลงและเริ่ม "คิด" มากขึ้น และแน่นอน ตบตีกับคนทำอย่างเหนื่อยยาก เพราะที่คิดออกมา หาคนทำไม่ได้จริงๆ สุดท้ายก็ต้องทำเอง
ก็เพราะมันสำคัญเท่ากันยังไงหละ
ถึงประโยคก่อนหน้านี้ "สุดท้ายก็ต้องทำเอง" เพราะหลังจากที่คิดมากขึ้น แต่หาคนทำไม่ได้ ก็เลยต้องทำเอง กลายเป็นอยู่ตำแหน่งของคนที่ทั้ง "คิด" ทั้ง "ทำ" ในหลอดเดียวกัน เอ้ย! ในตัวเดียวกัน เอ้ย! ในคนเดียวกัน จึงได้เข้าใจในนาทีนั้นว่า "มันก็สำคัญเท่ากันนั่นแหละ ถ้าไม่มีคนคิดไอเดียดีๆก็ไม่มีวันมี ถ้าไม่มีคนทำงานมันก็ไม่มีวันเป็นชิ้นเป็นอัน"
และหลังจากทั้งสองคำมันงอกงามขึ้นมาก็พบว่าการทำคนเดียวมันเป็นสิ่งที่ลำบากยากเย็นเหลือเกิน จะทำอะไรใหญ่ๆก็ไม่ได้ จึงตระหนักได้ว่า ทั้งคำว่า "คิด" และ "ทำ" ความสำคัญมันเทียบไม่ได้เลยกับคำว่า
"ทีม"
มันไม่มีหรอกว่าคิดหรือทำอันไหนสำคัญกว่ากัน เพราะถ้าคุณเริ่มความคิดนี้ แปลว่าคุณไม่เข้าใจคำว่า "ทีม" แล้ว และนั่นได้อีกอย่างว่าคุณอยู่ผิดที่แล้ว คุณคงเริ่มมองแล้วว่าคุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมั้ยในจุดที่ที่คุณอยู่
สรุป
ประโยคคำถามที่ว่า "คิดหรือทำอันไหนสำคัญกว่ากัน" สุดท้ายมันคือประโยคที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบอกว่าตัวเองเป็นคนถูก ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบ เพื่อโทษว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด แต่ความจริงแล้ว การที่งานใดงานหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ มันต้องไม่มีความคิดเหล่านี้เกิดขึ้น (หรือมีน้อย) เพราะงานมันต้องประกอบด้วยทั้งคนที่คิดและคนที่ทำ ร่วมมือกันอย่างลงตัว
หากคุณยังมีคำถามนี้อยู่ในหัว อาจจะต้องถอยหลังลงมาหนึ่งก้าวและดูว่าที่ที่คุณอยู่ตอนนี้มีอะไรผิดพลาด และพยายามช่วยกันปรับให้ทุกอย่างมันดีขึ้น สร้าง "ทีม" ที่สมบูรณ์ออกมา ลดความขัดแย้งให้น้อยลงที่สุด เอาเวลาที่ปวดหัวกับการมัวทะเลาะคนอื่น มาใช้สร้างผลงานแทนจะดีกว่ามั้ย แต่หากทำอะไรไม่ได้แล้วหละก็ เป็นไปได้ว่าคุณอยู่ผิดที่และเริ่มกังวลในอนาคตด้านอาชีพการงานได้
จำไว้ครับ คำที่สำคัญที่สุด คำสั้นๆคำเดียว ไม่ใช่คำว่าคิด ไม่ใช่คำว่าทำ แต่เป็นคำว่า
"ทีม"