ช่วงนี้คำว่า "บาด้า" เริ่มกลับมาสู่กระแสสังคมอีกครั้งหลังจากมีข่าวซัมซุงจะปล่อย bada 2.0 (ที่เปิดตัวตั้งแต่ต้นปีและสัญญาว่าจะปล่อยภายในปี 2011) พร้อมมือถืออีกสามรุ่นรวด Wave 3, Wave M และ Wave Y ดังนั้นน่าจะถึงเวลาอันสมควรแล้วที่เราจะมาพูดถึงเจ้า bada 2.0 กันว่ามีอะไรใหม่ มีอะไรดีขึ้น และพอจะสู้หุ่นยนต์และผลไม้ได้หรือไม่ ... สู้ไม่ได้หรอก จบบล็อคแต่เพียงเท่านี้ละกัน สวัสดีครับ ... ล้อเล่น -_-
ก็เอาเป็นว่าเริ่มเลยละกัน เริ่มด้วยวีดีโอ Overview จากทางบาด้าเกริ่นนำว่ามีอะไรใหม่ใน bada 2.0 บ้าง
ภาพแรกนี้แสดงถึงสิ่งใหม่ๆรวมถึงสิ่งที่ดีขึ้นใน bada 2.0 ... เอ้า! ผ่างงงง
ก็ถือได้ว่าเยอะเลยหละ เป็นการรื้อ Core ใหม่ไปเยอะมาก ... เยอะไปชักขี้เกียจเขียน หยุดตรงนี้ได้มั้ย -_- ... เอาฟระ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ลุยละ!
Multitasking
bada เป็นระบบปฏิบัติการที่ถือว่ามีประสิทธิภาพด้วยการลอกเอาจุดเด่นต่างๆของระบบปฏิบัติการอื่นๆอย่าง Android, iOS และ Symbian มา แต่ไม่รู้ว่าตอนออกแบบครั้งแรกดันเห็นการที่ iOS รันแอพฯได้เพียงแอพฯเดียวต่อช่วงเวลา (ในขณะนั้น) เป็นจุดเด่นหรืออย่างไร จึงลอกเอาฟีเจอร์ตรงนี้มาด้วย ส่งผลให้บาด้าจึงกลายเป็นระบบปฏิบัติการแบบ Single Task ไปโดยปริยาย โดย Single Task นี้เป็นเฉพาะ 3rd Party Application เท่านั้น ส่วนแอพฯที่เป็นของระบบสามารถทำงานแบบ Multi Tasking ได้ (เช่นเดียวกับ iOS ทุกประการ)
จุดนี้โดนบ่นอุบตอนออกมือถือจริงออกมาเพราะว่ามันไม่เวอร์คอย่างแรง การโหลดแอพฯแต่ละตัวก็ใช้เวลานานเหลือเกิน สุดท้าย Usability ไม่ได้จริงๆ ซึ่งข่าวล่าสุดคือใน bada 2.0 ระบบปฏิบัติการจะสนับสนุนการรันแอพฯแบบหลายตัวพร้อมกัน (Multi Tasking) แล้ว!
คราวนี้โปรแกรมเมอร์ก็จะสามารถนำประโยชน์ของการเป็น Multi Tasking ไปทำโน่นทำนี่ได้อีกมาก เพราะแอพฯสามารถทำงานเป็น Background ได้แล้ว คงจะได้เห็นแอพฯดีๆเยอะขึ้นหลังจาก bada 2.0 ปล่อยออกไปเป็นวงกว้างครับ (โดยมีเงื่อนไขว่า.... รออ่านจนจบละกันครับ หัวข้อสุดท้ายมีทิ้งท้ายไว้)
Enhanced application control
ตอน bada 1.0-1.2 โปรแกรม 3rd Party นี่เป็นโปรแกรมมากๆ ทำให้อย่างหวังจะได้แอพฯเจ๋งๆว้าวๆเพราะมันโซธรรมดา ส่วนตอนนี้ทางผู้ออกแบบได้เพิ่มฟีเจอร์ของการ Register MIME Type ได้ เช่นถ้าเปิดเว็บที่ส่ง MIME Type กลับมาว่า video/mpeg ก็จะไปเปิดโปรแกรมเล่นวีดีโอของเราได้
โปรแกรมที่คาดเดาได้เลยว่าจะมีหลังจากปล่อยระบบนี้ออกไปคือโปรแกรมเล่นวีดีโอแบบ Universal เช่น VLC มาทำงานเป็น Default Player บน bada แน่นอน ซึ่งโอเค User ได้ประโยชน์
Push message
จริงๆแล้ว Push เค้าโม้ว่าสนับสนุนตั้งแต่ bada 1.0 แต่เอาเข้าจริง 1.1 ก็แล้ว 1.2 ก็แล้ว เค้าก็ยังไม่เปิด Server Push ให้ใช้สักที สุดท้ายตอนนี้ก็ยังใช้งานไม่ได้ขอรับกระผม ทางบาด้าเลยเอาฟีเจอร์นี้มาโฆษณาซ้ำอีกรอบว่า bada 2.0 จะรองรับ Push นะครับเว้ย โดย Push มีหลายท่ามากทั้งขณะที่แอพฯปิดอยู่หรือเปิดอยู่ ดังนี้
1) Push แล้วขึ้นเป็น Message บน Quick Panel ด้านบน ... คล้ายๆกับการได้รับ SMS แหละ
2) Push แล้วขึ้นเป็นตัวเลข Badge บนไอคอนแอพฯ
3) ถ้าเปิดแอพฯอยู่ก็สามารถดักจับ Push Message ในแอพฯแล้วนำไปแสดงผลได้
NFC & WiFi Direct
แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้บาด้าตกยุค มันจึงมี NFC มาด้วย เขียนได้อ่านได้ งาม ... สั้นๆแค่นี้แหละ NFC ไม่รู้จะบรรยายอะไรเยอะแยะ โฮ่ๆ
แต่อีกอันที่น่าสนใจคือระบบ WiFi Direct ที่เปิดให้สามารถเล่นเกมกันแบบ P2P ภายในวง WiFi ได้ ... ซึ่งจริงๆต้องบอกว่าเป็นระบบที่น่าสนใจและเคยเห็นบางเจ้าทำแล้ว แต่ไม่ค่อย Success เท่าไหร่แฮะ
Relative UI layout position & Flash support
ก่อนหน้านี้ทำระบบ UI ให้ Scalable ยากเหลือเกินเพราะซัมซุงได้แต่โฆษณาว่ามันทำ Scalable ได้นะ แต่เอาเข้าจริงมันไม่มี Engine ที่มีประสิทธิภาพใดๆที่ช่วยตรงนี้เลย หากจะทำอะไรต้องคำนวณเองหมด แต่สำหรับ bada 2.0 เค้าได้มีระบบ Relative Layout Manager ที่สามารถเอา Control ไปแปะชิดซ้ายชิดขวาบนล่าง ฯลฯ ได้แล้ว ก็ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ กว่าจะทำได้ นั่งคำนวณเอาตั้งนาน -*-
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ Apple กับ Microsoft จะเซย์โนให้ Flash แล้ว แต่บาด้าไม่หวั่น ขอสนับสนุน Flash เต็มอัตรา สามารถเขียนแอพฯเป็นตัวๆโดยใช้ Flash ได้เลย รวมถึงสามารถเปิดให้ทำ Interactive Lock Screen ด้วย Flash ได้อีกด้วย ... อื้มมม น่าสนใจนะ ถ้าทำ Lock Screen เองได้แบบนี้
OpenAL & STT & TTS
ตัวบาด้าสนับสนุน 3D Graphics Engine อย่างตั้งแต่ตัวแรก ส่วน bada 2.0 แค่กราฟฟิคยังไม่พอ พี่เค้าขอสนับสนุนเรื่องเสียงด้วยด้วยการเอา OpenAL มายัดไว้ในระบบปฏิบัติการซะเลย โดยสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก OpenAL คือระบบการเล่นเสียงแบบสามมิติที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ประมาณว่าถ้าเราหลับตาฟังเสียงเดินที่เล่นจากระบบ OpenAL จะรู้เลยว่าเค้าเดินอยู่ทางซ้ายไกลๆนะ ... เจ๋งกับการเล่นเกมมากเลยหละครับ ... แต่ทั้งนี้ต้องขอรอดูลำโพงก่อนนิดนึงว่าดีพอรึเปล่า
นอกจากนั้น bada 2.0 ยังมีระบบ Text-to-Speech และ Speech-to-Text สมบูรณ์แบบมาด้วย ดังนั้นเชื่อว่าใน bada 2.0 จะได้เห็นฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงเช่น "โทรหาแฟนดิ๊" (แน่นอนต้องพูดภาษาอังกฤษ) แล้วระบบก็โทรหากิ๊กในบัดดล ... #อย่าเชื่อใจเทคโนโลยี แต่ทั้งนี้ระบบนี้คงไม่เกิดถ้าไม่มี Solution ที่เหมาะสม ... โอกาสเป็นของคุณแล้วโปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย คิดอะไรได้ก็เตรียมทำนะจ๊ะ จะทำแบบ Siri ของไอโฟนก็ได้นะ เท่ดี =)
Web 'Application'
ดูเหมือนผู้ผลิตบาด้าพยายามสร้างทางเลือกในการพัฒนาแอพฯให้แก่นักพัฒนามากๆ นอกจากจะเขียนด้วย Native C++ และ Flash ได้แล้ว bada 2.0 ยังสนับสนุนการเขียนแอพฯด้วย HTML5 อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย! ซึ่งทางซัมซุงออกมาเผยว่ามี API สำหรับติดต่อกับ Native ถึง 80+ API ด้วยกัน งานนี้เป็นการผลักดันที่ต้องขอชมว่าถูกจุดมาก เพราะจากนี้ Android และ iOS คงจะมีแอพฯที่เขียนด้วย HTML5 ออกมาเรื่อยๆ และแน่นอนมันจะส่งผลให้บาด้ามีแอพฯเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ;)
SDK on Linux / OS X
ที่ไม่อยู่ในสไลด์ก็มีอยู่อีกเยอะ ขอยกเอาที่น่าสนใจๆมาเขียนละกันนะ หนึ่งในนั้นคือการที่ SDK สามารถทำงานบน Linux และ OS X ได้แล้ว
จุดนี้ต้องบอกว่าระบบปฏิบัติการที่นักพัฒนาแต่ละคนใช้อยู่ถือเป็น Barrier ในการคิดจะพัฒนาแอพฯเพื่อแพลตฟอร์มใดๆเลยนะ อย่าง Symbian (Qt) และ Android ก็มองขาด ทำเครื่องมือพัฒนาบนทุกแพลตฟอร์มหลักๆไม่ว่าจะเป็น Windows, Linux และ Mac OS X เรียบร้อย แต่ของบาด้าในเวอร์ชั่น 1.0-1.2 ยังต้องพัฒนาบน Windows เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการปิดโอกาสตัวเองพอสมควร
ซัมซุงคงเล็งเห็นปัญหานี้ ล่าสุดจึงส่ง Development Tools ลง Linux และ OS X เรียบร้อย! ก็ยินดีด้วยสำหรับคนที่อยากพัฒนาแอพฯบาด้าแต่ไม่ได้ใช้ Windows (มีรึเปล่าหว่า)
Operator Billing
จริงๆก็ไม่ใช่ฟีเจอร์ของ bada 2.0 หรอกสำหรับ Operator Billing เพียงแต่จะมาบอกว่าเหมือนซัมซุงจะเดินหน้าดีลกับ Operator เจ้าต่างๆมากขึ้น อย่างไทยก็ใช้การหักเงินผ่าน SMS ได้แล้ว ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าคนจะอยากกดซื้อแอพฯมากขึ้นถ้าสามารถหักเงินจากซิมการ์ดได้ นั่นคือมาถูกทางแล้ว
แต่ปัญหาคือ....... ไว้ไปอ่านหัวข้อสุดท้ายอีกเช่นกัน จะซัดรวมกันไว้อันเดียวเลยละกัน
Advertising
ความงี่เง่าของการทำแอพฯบน bada 1.0 คือ ทาง Certify Team ไม่ยอมให้ส่งแอพฯที่มีโฆษณาเข้า Samsung Apps ด้วยเหตุผลอะไรของเค้าก็ไม่รู้ ซึ่งหลังจากมีการวีนเหวี่ยงราวครึ่งปีทางซัมซุงถึงจะอนุญาตให้แปะ Ads ได้พร้อมกับการออกของ bada 1.2.1 ซึ่งรายได้ทั้งหมด 100% จากการแปะ Ads นี้จะตกลงท้อง Developer โดยไม่มีการแบ่งให้ซัมซุงแต่อย่างใด
ทั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะมันแปะ Ads ได้ตั้งแต่ 1 มกราแล้ว แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่หนะ
ปัญหาใหญ่ SamsungApps ไม่ใช่สถานที่ขายแอพฯดี
เอาหละ หลังจากบรรยายสิ่งใหม่ๆและข้อดีของ bada 2.0 มายาวเหยียด ขอส่งท้ายด้วยคำด่าบ้าง ... สั้นๆเลยก็คือ
"Samsung Apps ไม่ใช่ที่ที่น่าทำแอพฯขายเลยแม้แต่นิดเดียว"
ต้องยอมรับนะว่า Samsung Apps ขณะนี้ยังเป็น Blue Ocean อยู่ ซึ่งน่าตลกมากเพราะผ่านมาปีกว่าแล้วแม่มยังเป็น Blue Ocean อยู่เลยครับ ทั้งๆที่ตลาดอื่นจะ Red กันหมดแล้ว พูดง่ายๆคือไม่มีใครทำแอพฯส่งเข้า Samsung Apps เลย ซึ่งตรงนี้ก็บอกได้เลยว่าไม่แปลกใจเพราะ Policy ต่างๆของมันไม่ได้ใส่ใจและเอื้อให้ Developer ทำแอพฯส่งเข้าไปเลย หลายๆส่วนกลับทำเหมือนไม่อยากให้นักพัฒนาทำแอพฯส่งด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ก็ไม่ใช่อะไร ... เพราะ Samsung Apps ประกอบด้วยทุกสิ่งที่กากมากครับ กากจนผมไม่คิดจะทำแอพฯให้บาด้าอีกเลย รวมถึงไม่แนะนำให้ใครทำแอพฯบนบาด้าอีกด้วย เช่น
- ทีมตรวจแอพฯ "ก้าวก่าย" ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ทำให้การ Certify แอพฯทำได้ยากเกิน โดยทีม Certify ควรจะทำแค่ตรวจว่าแอพฯรันได้มั้ย Crash มั้ยแค่นั้น แต่ที่ผ่านมาเค้ายุ่งกับ Usability มาโดยตลอด เคยได้รับเหตุผลไม่อนุมัติให้ขึ้น Samsung Apps ด้วยเหตุผลประมาณว่า "ใช้แอพฯแล้วไม่มีความสุขที่มี Content หรือปุ่มอยู่ตรงนี้ ย้ายที" ... ผมเคยด่าไปแล้วทีนึง เห็นล่าสุดที่คุยกับคนในซัมซุง เค้าบอกว่าทีม Certify ได้รับการอบรมใหม่และปรับปรุงแล้ว แต่ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าดีขึ้นจริงหรือเปล่า ไม่ได้แตะบาด้าอีกเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว
- การตั้งราคาไม่มีความเข้าใจ Local เลย ยกตัวอย่างเช่นในประเทศไทย แอพฯเมืองนอกขาย 1 เหรียญ เมืองไทยขาย 45 บาท... เกมที่พอเล่นได้ก็โน่นครับ 300 บาท แล้วจ่ายกันไหวมั้ย? สุดท้ายคนก็ไม่ซื้อกันครับ จุดนี้ผ่านมาปีนึงแล้ว ทางซัมซุงก็ยังไม่แก้ไขอะไร นักพัฒนาที่ลงทุนไปก็เจ๊งย่อยยับกันเป็นแถบๆ
- เงินส่วนแบ่งจาก Operator Billing ตกถึง Developer ถึง ... 18.7% ... เอิ่ม!! น้อยแบบนี้ไปขายเต้าฮวยได้เยอะกว่า ชัวร์!
โดยรวมจึงไม่แปลกใจที่ยอดขายจึงไม่ได้ตามเป้าที่บอกว่าจะขายให้ได้ 10 ล้านเครื่องภายใน 1H ปีนี้ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป้าเป็น 10 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี ซึ่งก็ไม่รู้จะทำได้อึกรึเปล่า
ก็หวังแต่เพียงว่าซัมซุงจะมีการเปลี่ยนแปลงและเอาจริงเอาจังกับการแก้ไข มิฉะนั้น bada ก็จะกลายเป็นแค่เพียง End User Phone สำหรับโทรเข้าโทรออกเพราะไม่มีนักพัฒนาสนใจจะทำแอพฯลง ... ขายเครื่องราคาถูกแต่ไม่สนับสนุนให้นักพัฒนาทำแอพฯอย่างจริงจัง ก็คงจะกลายเป็น Low-End Phone สเปคแรงไปโดยปริยาย
ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ละกันครับกับบทความ bada 2.0 ไว้รอเล่นกันอีกทีปลายปี =)
สวัสดีครับ