หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วหรือนี่ที่เราไม่ได้อัพบล็อค ... แต่ก็ถูกแล้วแหละ ตลอด 30 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงแห่งการ "ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้" ... การเผางานนั่นแหละ แต่เป็นงานที่ปกติคงใช้เวลาสัก 2 เดือนในการทำ แต่เผอิญทีมหัวลำโพงต้องทำให้เสร็จภายใน 2 อาทิตย์ ... หะหะ สุดท้ายก็ทำได้ แต่สุขภาพแย่ เหนื่อย หมดแรง โหยหาการพักผ่อน - -
ก็เข้าเรื่องเลยละกัน ตั้งแต่เปิดบริษัทมานี่ชีวิตและความคิดหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือค่าของ "เวลา" และ "เงิน"
เนื่องจากเป็นคนที่เติบโตมาในสภาวะยากจน ต้องอดมื้อกินมื้อมาโดยตลอด ตลอดเวลาที่อยู่มัธยมมีข้าวเที่ยงกินแค่วันเว้นวันเท่านั้น สิ่งที่ฝังลึกในจิตใจมาตั้งแต่เด็กจนจบป.โทคือเรื่อง "เงินมีค่ากว่าทุกสิ่ง จะเสียเวลาหรืออะไรก็ได้ แต่อย่าเสียเงิน" ... คิดมาแบบนี้จริงๆ
แต่ก่อนจำได้เลย ให้เดินยาวเป็นกิโลๆเพื่อประหยัดค่ารถไป 20 บาทเราก็เอา ให้ประหยัดค่ากินข้าวไปได้วันละ 20 บาทโดยการไม่กินข้าวเลยก็เอา ยอมรอรถเมล์สองสามชั่วโมงเพื่อแลกกับการไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่ หรือยอมเดินเข้าซอยเปลี่ยวๆที่ทั้งไกลและอันตรายเพื่อประหยัดเงินค่ามอเตอร์ไซค์ 10 บาท ...
ทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นสิ่งที่ฟังดูเหมือนจะดีเพราะเป็นคนประหยัดมัทยัดและอดออม ... หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่าขี้งก เค็มตัวเป็นเกลือ ซึ่งมันเป็นดาบสองคมแหละ มีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี แต่พอมาถึงชีวิตปัจจุบันที่งานเยอะฉิบและพอมีเงินเดือนแล้ว ความคิดตรงนี้ก็เปลี่ยนไป เพราะ เวลากลายเป็น Assets ที่มีค่ามาก หากคำนวณแล้วมันมีค่ามากกว่าเงินเสียอีก
จริงๆวิธีคำนวณง่ายสุดคือคำนวณเป็น man-hour หรือแปลว่าเงินที่ได้รับจากการที่ทำงานแต่ละชั่วโมง ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าไม่น้อย ทุกนาทีจึงมีค่ามากเพราะนอกจากจะทำให้เสียรายได้ไปแล้ว ยังทำให้เสียโอกาสในการวิ่งไปสู่อนาคตอีกด้วย อย่างที่เนยเคยพูดไว้ว่า
"ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ใช้เวลาทุกนาทีที่ผ่านไปอย่างมีค่าและเกิดประโยชน์"
ความคิด "เวลามีค่ามากกว่าเงิน" นี้เพิ่งเริ่มเข้ามาสองปีให้หลังนี้ หากมัวแต่เสียเวลารอรถเมล์เพื่อประหยัดค่าแท็กซี่ สิ่งที่คุณได้รับคือการประหยัดเงินค่าแท็กซี่ 80 บาท แต่สิ่งที่คุณเสียไปคือเวลารอรถเมล์ 1 ชั่วโมง man-hour มูลค่าอย่างต่ำ 100 บาท รวมถึงความเหนื่อยสะสมที่ส่งผลให้ต้องนั่งพักก่อนจะทำอะไรต่อได้อีก 1 ชั่วโมง สรุปคือคุณเสียไปทั้งหมด 200 บาท ... ขาดทุนนะครับ ... พักหลังเนยเลยนั่งแต่แท็กซี่เลย ค่าใช้จ่ายอาจจะเยอะขึ้น แต่รายได้ก็เยอะขึ้นเช่นกัน
หรือแม้กระทั่งรถเมล์ฟรี หลายคนยืนรอรถเมล์ฟรีโดยใช้เวลารอ 30-40 นาที ทั้งๆที่ถ้านั่งรถเมล์แบบเสียตังค์ก็เสียเงินแค่ 7-8 บาทเท่านั้น ... สรุปแล้วชีวิตคุณมีค่าแค่ 8 บาทต่อครึ่งชั่วโมงเองหรือ? ... ถ้าไม่ใช่ ถ้ามันมากกว่านั้น ก็อย่ายืนรอให้เสียเวลาเลย เวลามีค่านะ
ในการซื้อตั๋วดูหนังก็เช่นกัน ทุกวันนี้เนยเลือกที่จะซื้อตั๋วทางอินเทอร์เนตแล้วไปกดตู้เอาเพื่อประหยัดเวลา รวมถึงไม่เคยคิดจะไปดูหนังในวันลดราคาเหลือ 60 บาทเลย ซื้อราคาเต็มตลอด เพราะการที่ต้องไปแย่งตั๋วกับคนอื่นแล้วไปนั่งอัดๆดูกันในโรง เสียงอึกทึกคึกโครมของคนในโรงอาจทำให้เงิน 60 บาทกลายเป็นการซื้อ "อารมณ์เสีย" ไปอีกหลายวัน ... ขาดทุนอีกแล้วนะครับ
หรืออีกเรื่องที่ทำให้เรื่องนี้แว้บเข้ามาในหัวอีกครั้งคือ ข่าวในวงการมือถือช่วงเดือนที่ผ่านมาที่ร้อนแรงที่สุด ... ใช่แล้ว การต่อแถวซื้อของ 1 แถม 1 และของราคาลด 50% โดย TRUE, DTAC และ Blackberry Shop นั่นเอง ... อันนี้ต้องยอมรับว่าอยากไปซื้อด้วยเหลือเกิน แต่ผมคำนวณแล้ว เวลาที่ต้องสูญเสียไปเพื่อไปต่อแถว รวมถึงสุขภาพจิตที่ต้องเสียไปจากการไปแย่งกัน ฯลฯ แถมยังมีอัตราเสี่ยงที่จะไม่ได้ของ ในมุมมองผมมันเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แต่มันก็สนุกที่จะเสี่ยงสำหรับบางคนเหมือนกัน เร้าใจดีทำนองนั้น
จริงๆเรื่องเวลามีค่ามากกว่าเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย มีอยู่ประเด็นนึงนะที่ใกล้ตัวทุกคนเลยหละคือ เรื่องเวลาที่ใช้ในการเดินทาง หลายคนเลือกที่จะเช่าหออยู่ใกล้ๆที่ทำงานเพียงเพราะสาเหตุสั้นๆว่าเดินทางสะดวกขึ้น ... จริงๆนี่คือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจแล้วระดับหนึ่งว่าเวลามีค่ามากกว่าเงินเพียงใด ยอมจ่ายเงินหลายพันหรืออาจจะเป็นหมื่นเพื่อเช่าหออยู่ใกล้ๆที่ทำงาน แต่แลกกับการไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องล้าและมีสุขภาพจิตดี ... จริงมั้ยหละ? =)
สรุปแล้วตอนนี้อะไรที่ดูแล้วน่าเสียเวลา ถ้าใช้เงินได้ก็จะไม่ลังเลที่จะใช้ จริงๆมันคือการ "ซื้อเวลาด้วยเงิน" นั่นแหละ การประหยัดเป็นเรื่องดี แต่ทุกครั้งที่ประหยัดอย่าลืมคิดด้วยว่าเราจะต้องเสียอะไรไปจากการประหยัดนี้ และมันคุ้มค่ามั้ย?
ที่เขียน Blog นี้ขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาแทบทุกนาทีในชีวิตเพื่ออะไรสักอย่างเสมอ ไม่เคยปล่อยเวลาให้ว่าง ซึ่งนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีผลงานออกมาเรื่อยๆ เคยมีคนถามหลายครั้งว่า "ชอบทำอะไรตอนมีเวลาว่าง" ... เกือบทุกครั้งได้แต่ยิ้มๆเพราะเราไม่มีเวลาที่เรียกว่า "ว่าง" นานแล้ว ..
แต่พักหลังก็มีบ้างแหละเอาจริงๆแล้ว เพราะชีวิตตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว มีคนที่เดินข้างๆอยู่ด้วย หากทำแต่งานงานงานงาน ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร ... จริงมั้ย ^_^
เวลามีค่ามากกว่าเงิน
แต่ชีวิตมีค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งปวง
ทำอะไรคิดให้ดี ทุกนาทีมีค่า ทุกเวลามีความหมาย จ๊วบส์