"ท้อมีไว้ให้ลิงถือ"
ไข้หวัดหมู
27 Apr 2009 04:36   [4267 views]

เห็นคนพูดถึงกันเยอะ แต่ข้อมูลไม่ค่อยถูกต้องกันสักเท่าไหร่ เราเลยอาสารวมรวมข้อมูลที่คิดว่าสำคัญเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ให้ได้อ่านกัน จะได้เข้าใจและรับมือมันได้ถูก


"ไข้หวัดหมู" จริงๆแล้วไม่ใช่โรคใหม่ มันคือไข้หวัดใหญ่ดีๆนี่เอง มันมีมานานแล้ว แค่เพียงว่าแต่เดิมเป็นโรคที่ติดจากหมูสู่หมู เคยระบาดจนหมูล้มตายไปเป็นจำนวนมากในปี 2005 แต่คราวนี้มันเกิดกลายพันธุ์ในตัวคนและเกิดเป็นไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 หรือให้เรียกกันติดปากว่า "ไข้หวัดหมูกลายพันธุ์" โดยในตัวไวรัสเป็นการผสมกันระหว่างไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดหมู ตรงตามที่สาธารณสุขเคยกล่าวไว้ว่าสักวันไข้หวัดเหล่านี้ต้องกลายพันธุ์มาเป็นไวรัสของมนุษย์ (มีหลายสำนักข่าวบอกว่ามีไข้หวัดนกมาปนด้วย แต่เท่าที่ศึกษาดู เหมือนจะไม่มีนะ ~.~)


จากรายงานคาดว่าไข้หวัดหมูกลายพันธุ์นี้เริ่มกลายพันธุ์มาจากประเทศเม็กซิโก เพราะว่าตั้งแต่เดือนมีนาที่ผ่านมาไข้หวัดใหญ่และปอดบวมระบาดกันมากที่ประเทศนั้น ตัวเลขผู้ที่มีอาการอยู่ที่พันกว่าคน ล่าสุดเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 81 คน โดยรัฐบาลเม็กซิโกยืนยันแล้วว่า 20 รายในนั้นเสียชีวิตเพราะไข้หวัดหมูกลายพันธุ์นี้ ส่วนที่เหลือยังไม่ยืนยันว่าไข้หวัดหมูหรือไม่


อาการ

สำหรับอาการที่จะพบจะคล้ายไข้หวัดใหญ่กล่าวคือมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกายมาก ไอ มีน้ำมูก ปอดอักเสบ และจะมีอาการทางด้านทางเดินหายใจรุนแรงภายใน 5 วัน สำหรับผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคหัวใจ อาจจะเกิดอาการอื่นที่อันตรายกว่านี้ได้


การติดต่อ

หลายคนได้ยินว่าไข้หวัดหมูเลยเลิกกินหมูไป แต่จริงๆแล้วเป็นความเชื่อที่ผิดนะครับเพราะไข้หวัดหมูไม่ได้ติดต่อด้วยการกินหมูนั่นถือเป็นข่าวดี แต่!! ข่าวร้ายคือมันติดต่อจากคนสู่คนได้โดยตรง ต่างกับไข้หวัดนก (H5N1) ที่ระบาดในสัตว์ปีกแต่สามารถติดมาที่คนได้ แต่ไม่อาจจะติดต่อกันระหว่างมนุษย์ได้ ดังนั้นหากเทียบความอันตรายในแง่ของการระบาดก็บอกได้เลยว่าไข้หวัดหมูอันตรายกว่าไข้หวัดนก


สำหรับเชื้อโรคจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย สามารถติดต่อไปสู่อีกคนได้ด้วยการไอหรือจาม หรืออาจจะติดจากการสัมผัสเอาเชื้อที่ติดอยู่ตามร่างกายแล้วเข้าทางจมูกหรือตา โดยรวมก็ติดต่อเหมือนไข้หวัดนั่นเอง


การรักษา

พูดถึงการรักษา นักวิชาการได้วิเคราะห์ไข้หวัดหมูกลายพันธุ์นี้กับเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 พบว่าคล้ายคลึงไม่ถึง 80% ทำให้วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่น่าจะใช้ได้ผล (แต่ยังไม่มีรายงานการทดลองตรงนี้ เป็นแค่การคาดเดาว่าไม่น่าจะได้ผล) แต่มีรายงานเพิ่มเติมว่าไวรัสมีการตอบสนองต่อยา Tamiflu และ Zanamivir จากที่อ่านเหมือนว่าจะมียาที่รักษาหายได้ เป็นยาต้านไวรัสชนิดหนึ่ง และในไทยมีเพียงพอจะรักษาถ้าเกิดมีคนติดเชื้อนี้


สถานการณ์ล่าสุด (27 เมษายน 2552)

ความน่ากลัวในการระบาดดังกล่าวทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับออกมาชี้ว่าเป็นการระบาดที่น่าเป็นห่วงเพราะอาจจะเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปีที่ไข้หวัดอาจจะแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งถ้าเป็นจริงอาจจะทำให้เป็นโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนนับล้านเลยก็เป็นไปได้


ตอนนี้มีรายงานอย่างเป็นทางการแล้วว่าไข้หวัดหมูกลายพันธุ์ได้ถูกแพร่ไปยังสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยติดมากับกลุ่มนักเรียนที่ไปทัศนศึกษาที่เม็กซิโก ส่งผลให้มีเด็กต้องลาป่วยถึง 200 คนในอาทิตย์ที่ผ่านมา


สถานการณ์ล่าสุดตอนนี้ WHO ปรับระดับความร้ายแรงอยู่ที่ระดับ 3 จากทั้งหมด 6 ระดับ โดยระดับ 3 นี้เค้าให้ชื่อว่า "ขั้นวิกฤติร้ายแรง" ฟังดูน่ากลัว มาดูความหมายในภาษาอังกฤษของระดับ 3 คือ "There is no or limited human to human transmission of a flu virus" หรือ "ยังอยู่ในวงจำกัด" เพียงแต่มีข่าวแว่วว่า WHO จะยกระดับเป็นระดับ 4 ในเร็วๆวันนี้ เพราะจากการวิเคราะห์สภาพการระบาดแล้วมันอยู่ในระดับ 4 แล้ว ซึ่งระดับ 4 มีความหมายว่า "Increased human to human spread" หรือมีการระบาดจากคนสู่คนมากขึ้น... แต่อย่างไรก็ตาม เค้ายังไม่ยกระดับก็อย่าเพิ่งไปสนใจมัน


สำหรับในประเทศไทยมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) ว่ามีการแพร่ระบาดมาสู่ไทยแล้ว แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ยังไงก็ตามไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่เพราะเป็นแค่แหล่งข่าวเดียวที่เขียนอย่างนี้ ฟังหูไว้หูก่อนละกันนะ


การรับมือในระดับประเทศ

ตอนนี้สนามบินสุวรรณภูมิได้ติดตั้งเครื่อง Thermo Scanner ที่เอาไว้ตรวจจับอุณหภูมิร่างกายคน หากเกิน 35 องศาจะถูกเรียกมาสอบประวัติและตรวจเบื้องต้น



การรับมือในระดับบุคคล

ถึงจะเป็นโรคที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ก็ไม่อยากให้ตื่นตระหนกหรือพารานอยด์กัน ยังไงก็ให้คอยดูอาการตัวเองและคนรอบข้างด้วยว่ามีใครมีอาการเข้าข่ายหรือไม่ ทั้งนี้อาจจะแยกลำบากระหว่างไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดหมูกลายพันธุ์ เพราะอาการโดยรวมเหมือนกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดหมู ยังไงก็ต้องไปหาหมอ ดังนั้นถ้าเจออาการผิดปกติก็กระโดดขึ้นรถแล้วพุ่งตรงไปยังโรงบาลทันที


หมายเหตุ:
- อยากให้อ่านละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะนำไปเผยแพร่หรือถกเถียง เพราะหลายคำอาจจะอ่านแล้วกำกวมถ้าอ่านไม่ครบรูปประโยคเช่น "ไข้หวัดหมูอันตรายกว่าไข้หวัดนก" จริงๆแล้วผมเขียนไว้ว่า "ในแง่ของการระบาด ไข้หวัดหมูอันตรายกว่าไข้หวัดนก" ไม่ได้พูดถึงอาการแต่อย่างใด
- รบกวนช่วยเผยแพร่บทความนี้หน่อยละกันนะครับ จะได้มีความรู้และรับมือกันได้


Source: รู้จัก "ไวรัสไข้หวัดหมู" มฤตยูสายพันธุ์ล่าสุด!, Manager, HubDub, ryt9

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jul 13, 2009, 02:03
6350 views
เมื่อชีวิตติดหวัด 2009
May 1, 2009, 07:45
5070 views
Mr. Different
0 Comment(s)
Loading