ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจนะครับ ตอนนี้ออกจากโรงบาลแล้ว อาการดีขึ้นกว่าวันแรกมากแต่ก็ยังไม่ 100% ยังเดินไกลๆไม่ได้ เวียนหัวตลอดเวลา (บ้านหมุน) ปวดหัวมาก ตาพร่า ปวดท้อง เจ็บหัวใจ ใจสั่น อันนี้ไม่รู้ว่าเกิดจากอาการเองหรือเกิดจากฤทธิ์ยา แต่โดยรวมยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ที่ออกจากโรงบาลนี่เพราะอ้อนวอนขอหมอออกมา เราไม่มีประกันหนะ จะนอนต่อก็ไม่มีตังค์จ่ายแล้ว
วันนี้นอนๆกลิ้งๆอยู่บนเตียงคนไข้ตลอดเช้าจนหมอเข้ามาดูอาการแล้วก็บอกว่าออกได้ แต่อาการยังมีอยู่ อาทิตย์หน้าให้มาตรวจใหม่ แล้วแม่ก็ไปจ่ายเงินให้ ส่วนเราก็นอนรอพยาบาลถอดสายน้ำเกลือออก คราวนี้ไม่เจ็บละ เรียกว่าชินเข็มแล้ว โดนไป 5 จึ๊กแล้วหนิ
ตอนระหว่างรอแม่กลับมาจากฝ่ายการเงินก็เดินเล่นในห้องทำตัวเป็นคนสบายดี แต่ปรากฎว่าเดินไปได้ราวๆ 5 เมตรก็วูบ เหอะๆ... ไม่ดีเลยจริงๆ ทำไมมันแย่ได้ขนาดนี้วะเรา สุดท้ายเลยต้องขอรถเข็นนั่งไปขึ้นรถ มาถึงบ้านก็ยังเดินไกลๆไม่ได้อยู่
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เรานอนโรงพยาบาล เกิดมาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด แต่คราวนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าไม่นอนโรงพยาบาลก็คงต้องไปนอนโลงศพแหง๋ๆ
ตลอดสามวันที่ผ่านมาก็เป็นเหมือนนักโทษพิการที่ถูกพันธนาการด้วยสายน้ำเกลือ จะอาบน้ำก็อาบไม่ได้ เช้าเย็นจะมีพยาบาลมาเช็ดตัวให้บนเตียง รู้สึกแปลกๆดี... อย่าทะลึ่งๆ ไม่ได้โป๊ๆ แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือ เหมือนคนกำลังจะตายมากกว่า ตอนเค้ามาเช็ดตัวนี่ลืมตายังไม่ขึ้นเลย (อันเนื่องจากหมดแรงจากอาการป่วย)
การเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้กระทบชีวิตไปหลายอย่างทีเดียว
อย่างแรก งาน! กระทบเต็มๆ หายไปสามวันงานหายไปเยอะเลยนะ (ป่วยหนักยังจะห่วงงาน คนเรา)
อย่างที่สอง... กำลังจะซื้อกล้อง Nikon D90 ก็ล้มเลิกไปเลยทันที เพราะค่า Admit สามวันสองคืนที่ผ่านมานั้น เบ็ดเสร็จรวมไป 23,000 บาท เงินที่กะจะเอาไว้ซื้อกล้องก็เลยหมดไปกับค่ารักษาทันที
อีกอย่าง ตอนนี้...กินปลาดิบไม่ได้แล้ว เกิดอาการเดียวกันกับกุ้งเผา จริงๆเราไม่ได้แพ้กุ้งเผาหรอก แต่ตอนเด็กๆเราเคยกินกุ้งแล้วอาหารเป็นพิษรุนแรง ก็เลยกินกุ้งไม่ได้อีกเลย ครั้งนี้เหมือนกัน... แค่คิดถึงปลาดิบก็อี๋แล้ว... (แล้วคอยดู อาทิตย์หน้าก็จะไปกินอีก ฮ่าๆๆ)
แต่ที่กระทบหนักๆเลยคือจิตใจ ตอนอยู่โรงบาลเหงามากถึงมากที่สุด ถึงจะมีแม่กับพี่สาวคอยสลับกันมานั่งเฝ้า รวมถึงมีเพื่อนซินกับเพื่อนแพมมาเยี่ยม แต่ก็ยังเหงาอยู่ดี รู้สึกเหมือนไม่มีใครจนต้องไปซื้อเนตนั่งเขียน Blog บ่นพึมพัมบนเตียงคนไข้รวมถึงออนไลน์ MSN มาคุยกับคนโน้นคนนี้
เอาจริงๆโลกในสายตาเราเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน อาจจะเพราะว่าเราผ่านช่วงที่เรียกว่าปางตายไปแล้วก็ได้ เพราะอาการตอนนั้นมันแย่มาก ก็เป็นอีกครั้งที่เราคิดได้ว่า "คนเราตายได้" ทุกครั้งจะคิดได้ตอนที่ไปงานศพเพื่อนหรือรุ่นพี่ แต่คราวนี้มาเกิดกับตัวเอง แต่แทนที่จะคิดว่าอยากอยู่แต่กลับรู้สึกอยากตายแฮะ... ดูท่าจะสงบดีจัง ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากเรื่องใดๆในโลกนี้ ไม่ต้องเสียใจกับเรื่องใดๆ (เข้าข่ายโรคซึมเศร้าป่ะ)
บางคนบอกว่าได้นอนโรงบาลก็ดีแล้วเป็นการพักผ่อน ก็จริงอยู่ พักผ่อนได้นิดนึง แต่นอนไม่ค่อยหลับอ่ะ ตื่นมันทุกชั่วโมงเลย ไม่ชินที่มั้ง กลับถึงบ้านนี่พยายามนอนก็นอนไม่หลับ สงสัยยังไม่ถึงเวลา ก็เลยนั่งทำงานต่อตามที่ร่างกายพอทำไหว
Blog วันนี้อาจจะดูงงๆวนไปวนมา อันนี้เป็นผลกระทบโดยตรงมาจากอาการเวียนหัวเลยหละ รู้สึกสมองผิดปกติๆ เสียวว่าเชื้อจะขึ้นสมองนิดๆเพราะเห็นหมอบอกว่ามันเข้ากระแสเลือดแล้ว แต่ดูอาการจากในเนตแล้วคงไม่มั้ง...
โอเค จะไม่อัพ Blog อีก 1-2 อาทิตย์ของจริงละนะ ไว้เจอกันใหม่ถ้าเรายังไม่ตาย