"มีเพื่อนดี คนเดียว ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา..."
สรุปงาน iPhone 6, 6+, Apple Watch ... เปลี่ยนโลกได้มั้ย?
10 Sep 2014 09:01   [6750 views]

อุตส่าห์ตื่นเต้น รอดูมาตั้งนานสำหรับงานเปิดตัว iPhone 6 และ iWatch ซึ่งภายหลังออกชื่อจริงมาว่า iPhone 6, iPhone 6 Plus และ Apple Watch

หลังจากดูจบก็คงต้องยกให้เป็น Keynote ที่น่าผิดหวังที่สุดครั้งหนึ่งของค่ายนี้ งืมๆ Streaming ก็ไม่ราบรื่น โปรดักส์ก็ไม่มี Wow Factor ที่คิดว่าจะเปลี่ยนโลกได้ก็ไม่ถึงขนาดที่คิดไว้ ลำดับการเล่าเรื่องก็ไม่คมและแข็งแรงเท่าตอนที่ Jobs อยู่ ผิดหวังจนคิดว่าจะไม่เขียน Blog ละ แต่มีคนทวงมา เขียนก็เขียน แต่คงไม่ยาวนะ

Key ของงานนี้มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน (1) iPhone 6, iPhone 6 Plus (2) Apple Pay (3) Apple Watch มาดูทีละตัวเลยละกัน

ความคาดหวัง

สิ่งที่เราคาดหวังไม่ใช่ว่าโปรดักส์ของแอปเปิ้ลดีแค่ไหน แต่มันสามารถเปลี่ยนโลกได้มากแค่ไหน เพราะแอปเปิ้ลเป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลในการเป็น Trendsetter ที่สุดในพรรษานี้

โลกนี้ใครเป็นคนทำคนแรกไม่ใช่ประเด็น แต่คนที่ทำให้สำเร็จเป็นคนแรกต่างหากที่สำคัญ

หากแอปเปิ้ลสามารถ Set Trend ได้ โลกก็จะเปลี่ยนไป ไม่ได้จำกัดแค่โลกของแอปเปิ้ล แต่เป็นโลกทั้งใบ

ดังนั้นมาดูกันว่าโปรดักส์แต่ละตัว สามารถ "เปลี่ยนโลก" ได้มั้ย

iPhone 6, iPhone 6 Plus

แอปเปิ้ลใช้เวลาเพียง 40 นาที เปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus (ชื่อรุ่นเห่ยมาก) ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก

โดยสรุปแล้ว ตรงตามที่หลุดมาทุกประการ สองรุ่น จอ 4.7" และ 5.5" มี Resolution ต่างกันทั้งสองรุ่น 1334x750 และ 1920x1080 พิกเซลตามลำดับ

แต่ไม่ต้องกลัวเรื่อง Fragmentation เพราะ iOS สเกลทุกอย่างให้ทันที (อิจฉา iOS โฟร้ยยยยยยยยยยยยย) แต่ถ้าอยากจะทำกราฟฟิกส์ให้รองรับ ตอนนี้ Xcode ตัวใหม่รับ Resource @x3 แล้วคร้าบผม

อีกอย่างที่น่าสนใจก็คงเป็น OIS แบบจริงๆจังๆบน iPhone 6 Plus และฟีเจอร์กล้องที่ดูดีมากเลยทีเดียว อาจจะมีอยู่บนแอนดรอยด์แล้วก็จริง แต่แอปเปิ้ลพรีเซ็นต์ดีกว่าจ๊ะ ยืนยัน

แล้วก็ ... แบตคงหมดช้าลงเพราะแบตใหญ่ขึ้น ... สุดยอด ...

ที่เหลือก็อัดสเปคกันไปฮะ CPU เร็วขึ้นเท่านี้ GPU เร็วขึ้นเท่านั้น สนับสนุน LTE บลาๆๆๆๆ ซึ่งเข้าหูซ้ายมาก็ทะลุหูขวาออกไปในทันที มันแบบว่า ... แอปเปิ้ลคงหมดมุขแล้วจริงๆ

iPhone 6, iPhone 6 Plus คงไม่อาจเปลี่ยนโลกอะไรได้ เพราะมันไม่มีอะไรใหม่เลย ก็แค่จอใหญ่ขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คงจะขายดีมากอยู่ดี

Apple Pay

ตามข่าวที่หลุดออกมา iPhone 6, iPhone 6 Plus มี NFC แล้วจ้าาา

ก่อนหน้านี้เคยวิเคราะห์ไปว่าถ้า iPhone มี NFC อาจจะเปลี่ยนโลก Mobile Payment ไปได้เลย (ซึ่งแอนดรอยด์ทำไม่ได้ ต้องให้แอปเปิ้ลเป็นคนทำเท่านั้น) ปรากฎว่า iPhone 6 ยัด NFC มาด้วยจริงๆ

จาก Keynote แอปเปิ้ลเปิดตัว NFC มาในรูปแบบของ Apple Pay (ตามสไตล์แอปเปิ้ลคือคำนึงถึงผู้ใช้ อะไรฟังไม่รู้เรื่องตัดทิ้ง เลยไม่พูดถึง NFC เท่าไหร่) โดย Apple Pay คือระบบ Payment ที่เอามือถือแตะแล้วตัดเงินจากบัตรเครดิตได้เลย (เป็นบัตรที่ผูกไว้ใน iTunes Store Account) สนับสนุนบัตรที่กินโลกเกือบหมดทั้งใบแล้วได้แก่ American Express, Mastercard และ VISA

ซึ่ง Google ทำ Google Wallet มาแล้ว แต่ไปไม่ค่อยได้ ... แต่คาดว่า Apple Pay น่าจะไปได้สวย

เริ่มต้นมีการ Co กับแบรนด์ชั้นนำจำนวนหนึ่ง

แล้วก็ไม่พูดถึงอย่างอื่นอีก ... พูดง่ายๆ มันคือระบบปิดนั่นเอง

จริงอยู่ที่บอกว่าหนทางรอดเดียวของ NFC คือ Apple ต้องยัดเข้าไปใน iPhone

แต่ Key ของการเปลี่ยนโลกไม่ได้อยู่ที่แค่ว่ามีหรือไม่มี แต่ต้องเปิด API ให้นักพัฒนาเอาไปใช้ได้อย่างอิสระด้วย

ตอนนี้ข้อมูลที่ได้มาคือ Apple ยังไม่พร้อมจะเปิดให้ใช้อย่างอิสระ ดังนั้นคงยังเป็นไปไม่ได้ที่จะผูกระบบของ 3rd Party เข้ากับ iPhone 6 ในตอนนี้

ก็จะกลายเป็นว่าระบบนี้ผูกขาดกับ Apple ไป NFC มีไว้เพื่อ Apple Pay เท่านั้น คนอื่นอย่ามายุ่ง ถ้าใครมี Payment Gateway หรือ Virtual Wallet System ของตัวเอง (เช่น Rabbit) ก็ไม่สามารถทำให้มันใช้บน iPhone ได้อยู่ดี

ดังนั้น ประเด็นเรื่อง NFC โลกจะยังไม่เปลี่ยนในตอนนี้ครับ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีในตอนนี้ โลกไม่เปลี่ยน แต่ตลาดเมกาเปลี่ยนแน่นอน และจะเห็นทันทีเลยด้วย ถึงตอนแรกจะมีแบรนด์ที่ Co ด้วยแค่ 30 แบรนด์ แต่ร้านที่ใช้ได้ตอนนี้มีถึง 220,000 ร้านแล้ว ยังไม่พอแค่นั้น หากร้านไหนยังไม่มี เชื่อว่า Apple จะขยาย Apple Pay ออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะทางด้าน Infra แค่ขายตัว Reader ก็พร้อมใช้ได้ทันที การ Scale เป็นเรื่องง่ายมากๆ

ส่วนที่กระทบโดยอ้อมๆคือโลกมี Awareness เรื่อง Mobile Payment แล้ว ตลาดเปิดแล้ว ในอนาคตหากมีอะไรแบบนี้คนก็จะคุ้นเคยและปรับตัวเข้าใช้ง่ายขึ้นมาก

ตอนนี้โลกยังไม่เปลี่ยน แล้วในอนาคตหละจะเป็นยังไงต่อ? ... ที่ได้ยินมา อนาคตแอปเปิ้ลจะเปิดให้สามารถเข้าใช้ NFC ได้ครับ แต่ไม่มั่นใจใน Policy นะว่าอนุญาตเรื่อง Payment รึเปล่า

แต่ถ้าให้เดานะว่าถ้าทับไลน์ Apple Pay ตรงๆ แอปเปิ้ลคงจะไม่อนุญาต (เช่นพวก Google Wallet คงจะหมดหวัง) ถ้าอนุญาตคงจะเป็น Payment ระดับท้องถิ่นเช่นบัตรรถไฟฟ้า ถึงตอนนั้นคนที่พร้อมคงจะ Plug ตัวเองเข้ากับระบบ Payment ได้ทั้ง iOS และ Android และกินตลาดไปอย่างหวานหมูครับ

ในขณะเดียวกัน เชื่อว่า Apple จะขยายตลาด Apple Pay ออกไปยังประเทศอื่นๆด้วยตัวเองด้วยเช่นกัน แต่อีกเป็นปีหละ รอไป เพราะ Apple ต้องรอเวลาเพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยเสียก่อน (เมืองไทยก็คงอีก ...... ไม่พูดถึงละกัน ประเทศแห่งความไม่ปลอดภัยทางบัตรเครดิต)

นอกจากเรื่อง Payment แล้ว ตลาดของการไปผูกกับระบบอื่นๆเช่น Home Automation ก็เปิดเรียบร้อย โลกใหม่อยู่ตรงหน้าแล้ว

แน่นอนว่าปัจจัยของเรื่องนี้อยู่ที่ "Apple จะเปิดให้ใช้ NFC อย่างอิสระได้เมื่อไหร่"

สรุปอีกที ... โลกยังไม่เปลี่ยน จะเปลี่ยนเมื่อไหร่รอแอปเปิ้ลดีดนิ้วอีกที ...

Apple Watch

นาฬิกาเรือนน้อยๆตัวนี้ถือเป็นพระเอกของงานในค่ำคืนนี้เลย

แอปเปิ้ลใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการพูดถึงเจ้า One More Thing ตัวนี้ เขี่ยกันจนกุเบื่อ ชูการใช้งานด้วยการหมุนเม็ดมะยมเอา (เท่นะ แต่จะใช้เวอร์คมั้ยไม่รู้)

ทางด้านฟีเจอร์ก็ค่อนข้างจะคล้ายกับ Android Wear เป็น Fitness Tracker ในตัวและต้องทำงานคู่กับโทรศัพท์ (ในที่นี้ต้องคู่กับ iPhone เท่านั้น ลงไปได้ถึง iPhone 5)

การออกแบบทำมาได้ปราณีต UI/UX ทำมาได้ดีพอสมควร ดูดีกว่า Android Wear พอตัว แต่ขอเหอะ เกลียด UI รูๆแบบนี้มาก ...

ทางด้านแอพฯ Apple Watch สามารถรันแอพฯได้แบบ Standalone เท่ๆ ใช้งานได้ดีเหมาะกับเป็นนาฬิกา

นอกจากนั้น Apple Watch ยังมี NFC ฝังไว้เพื่อทำงานร่วมกับ Apple Pay ได้อีกด้วย สำหรับคนที่ใช้ iPhone 5/5S ก็สามารถใช้ Apple Pay ได้ผ่าน Watch นี้จ้าาา

โดยรวมแล้วต้องบอกว่ามันก็ Android Wear ดีๆนี่แหละ ก็อป Concept มาทุกอย่างเป๊ะๆ แต่ทำมาเพื่อ Ecosystem ของตัวเอง ดังนั้นตื่นเต้นมั้ย? ... พูดเลยว่าไม่ตื่นเต้น แต่อยากได้มั้ย ... ก็อยากอยู่นะ Present ซะสวยขนาดนั้น

มีสองขนาด สนนราคาเริ่มต้นที่ $359 กว่าจะขายก็ปีหน้า ... เอ่อ ................ ไม่อยากได้ละ

มาถึงประเด็นของเรา "Apple Watch เปลี่ยนโลกได้หรือไม่?"

สำหรับเรื่องนี้ต้องบอกว่า Apple Watch สามารถเปลี่ยนโลกได้มากสุดของค่ำคืนนี้ ประเด็นเดียวเลยคือ "สร้าง Awareness เรื่อง Wearable ได้เต็มๆ" จากนี้คงจะมี Device ออกมาให้พรึบ และ Device เหล่านั้นจะใช้ได้ทั้ง iOS และ Android ผมว่าตลาด Wearable Gadget น่าจะเปิดและโตขึ้นเยอะ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกตัวที่จะสำเร็จ จะมีแค่บางตัวเท่านั้นเพราะตลาดนี้เป็นตลาดเฉพาะทาง อย่างทำเป็นนาฬิกามาเนี่ย เตรียมเจ๊ง แต่ถ้าเป็น Fitness Tracker ก็รอด เป็นต้น

ส่วน Apple Watch จะขายดีมั้ย อันนี้ตอบไม่ถูกเหมือนกัน ราคาแรงไปอ่ะ ก็ดูๆกันไป

สรุป

เสียเวลานอน

จบจ๊ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Sep 17, 2014, 12:05
7516 views
พรีวิว Galaxy Note 4 กับสัมผัสแรกของอีกหนึ่งมือถือชั้นยอดในพรรษานี้
Sep 24, 2014, 04:16
4646 views
ประมวลภาพเท่ๆนักกีฬาตะกร้อ/วอลเลย์บอลในเอเชี่ยนเกมส์​ ซูมๆด้วย Galaxy K Zoom
0 Comment(s)
Loading