"Fly high but don't fly alone"
ชีวิตลิขิตเอง ... ที่ผมมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะผมไม่เรียนหมอ
23 Jul 2014 20:31   [12615 views]

ตั้งชื่อ Blog ดราม่าอีกแล้ว เก่งมะ ก็ตามหลักการเลย ตั้งชื่อดราม่าแล้วคนจะเข้ามาอ่านเยอะ เหะๆ =)

แต่อย่าเพิ่งด่าฮะ อย่าเพิ่งด่า อ่านจนจบก่อนแล้วจะเข้าใจว่าไม่ได้ดูถูกวิชาชีพอะไรใคร แต่เป็นเรื่องของ "ชีวิตที่เลือกเอง"

Blog นี้ความจริงเขียน Draft ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วเห็นจะได้ จากการที่มีโอกาสได้ไปแนะแนวเด็กม.ปลายและเด็กมหาวิทยาลัยในเรื่องของชีวิตการทำงาน แล้วก็มีอยู่ช่วงนึงที่พูดถึงการเลือกคณะเรียนที่ทำให้ชีวิตมีแนวทางของตัวเองชัดเจนและเดินทางมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้

แต่ก็ยังไม่ได้เขียนจนกระทั่งช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่มากของชีวิต น่าจะใหญ่สุดตั้งแต่เกิดมาจะ 30 ปีเลยมั้ง มีโอกาสได้ซึมเศร้าและเกิดเป็นช่วงที่จิตใจว่าง จนได้นั่งทบทวนว่าชีวิตเจออะไรมาบ้าง แล้ววันนี้เราเป็นใคร ทำอะไรอยู่ เลยเอาทุกอย่างมารวมกันแล้วเขียนออกมาเป็น Blog ให้ได้อ่านกัน เผื่อจะมีประโยชน์

ชีวิตเราเป็นชีวิตที่ลำบาก ทุกทางเดินมีอุปสรรค (ก็มีกันทุกคนแหละ) เหนื่อยตลอดทุกวัน แต่ก็มีความสุขกับมันและหวังว่าสักวันมันจะดีขึ้น รู้สึกเสมอว่าแฮปปี้มากที่ตัวเองเลือกทางนี้ "ทางที่เราเลือกเอง"

ค้นพบตัวเอง

ย้อนไปสมัยยังเด็ก ตอนนั้นว่ายน้ำแข่งกับเพื่อนหลายร้อยล้านตัว เพื่อไปหาเส้นชัยก้อนกลมๆ ...

... เด็กไป ...

เอาโตมาหน่อยละกัน

เราถือว่าเป็นคนโชคดีมากนะที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่เด็ก เด็กคือแบบ 10 ขวบไรเงี้ย (ตอนเริ่มจำความได้พอดี) รู้เลยว่าชีวิตต้องการอะไร อยากโตไปเป็นอะไร บลาๆๆๆๆ

แน่นอนว่าที่อยากเป็นมาตลอดคือ ... นายแบบ ดารา นักร้อง นักแสดง

แต่หน้าตาแม่มไม่ให้งะ โอเคนะ ก็เลยยอมรับชะตากรรม ผันตัวเอง เปลี่ยนความฝัน อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ได้ฟระ !

วันเวลาผ่านไป ฝึกฝนตัวเอง ทำโน่นทำนี่ ทำบ้าทำบอ ทำอะไรนักหนาก็ไม่รู้ สุดท้าย ... วันเปลี่ยนชีวิตที่เด็กนักเรียนทุกคนต้องพานพบชื่อว่า "เอ็นทรานซ์" ก็มาถึง

ชีวิตของตัวเอง เลือกทางเดินของตัวเอง

ตอนนั้นที่บ้านก็เป็นเหมือนทั่วไปหละมั้ง อยากให้ลูกเป็นหมอ ก็เข้าใจนะว่าลูกที่ส่งเรียนมาตั้ง 11 ปี(ไม่รวมอนุบาล) ก็ต้องอยากให้มีอนาคตที่ดีเป็นธรรมดา ซึ่งค่านิยมตอนนั้นก็คือ ต้องเป็นหมอ ชีวิตจะดี มีฐานะทั้งทางการเงินและสังคม ฯลฯ (จุดนี้เข้าใจพ่อแม่นะ)

ส่วนเราก็หัวอ่อนมากในตอนนั้น และคะแนนเอนท์ก็พอจะติดหมออยู่ แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ขัดในใจอยู่คือ รู้นะว่าเรียนหมอได้ คงเรียนจบด้วย แต่ ... มันไม่ใช่ตัวเราหวะ มันไม่ใช่อ่ะ

เครียดมาก ตอนนั้นเครียดมาก จะทำยังไงดี จะเลือกทางที่พ่อแม่อยากให้เป็น หรือจะเลือกทางเดินของตัวเองดีนะ

สุดท้าย ... ในวันที่ฝนคณะ (เดี๋ยวนี้ยังใช้ฝนกันอยู่ป๊ะ?) ตัดสินใจวินาทีสุดท้ายก่อนเดินเข้าไปส่งใบ (วินาทีสุดท้ายจริงๆ คือจะหมดเวลาแล้ว ต้องฝนแล้ว) ... เลือกหมอครับ ... แต่เลือกเป็นอันดับสาม ส่วนอันดับแรกเลือกเป็นวิศวฯคอมพ์จุฬาฯ อันดับสองเป็นวิศวฯจุฬาฯ จ้าาาา

แน่นอน ไม่ได้บอกที่บ้าน บอกแค่ว่ากาเลือกหมอให้แล้วนะ แฮ่~~~~

จากนั้นก็รอผล

แหม ช่วงนั้นยังต้องดูผลผ่านทีวีไม่ก็โทรเช็คกันอยู่เลย พ่อแม่ตื่นเต้นกันมาก แต่เรา ... ไม่ตื่นเต้น นั่งเล่นเกม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเซ่

ผลสุดท้าย ผลการเลือกคณะออกมาว่า เนยติดวิศวฯจุฬาฯ(ที่เลือกไว้เป็นอันดับสอง) ส่วนวิศวฯคอมพ์คะแนนไม่ถึง ขาดไปนิดนึง เราก็ทำหน้าเสียดาย ว้าาาา ไม่ติดหมอหรอนี่ ว้าๆๆๆๆ ปริบๆๆๆๆ

แหะๆ (แต่ถามว่าคะแนนติดแพทย์จุฬาฯมั้ย ตอบว่าไม่ติดอยู่ดี แฮ่~)

จากนั้นทางเดินชีวิตในสายคอมพิวเตอร์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ...

เติบโตจนเป็นผู้ใหญ่

จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบ 14 ปี (เข้าปี 1 ตอนอายุ 16 อะไรก๊านนนน นี่ชั้นจะ 30 แล้วหรอ ม่ายยยยยยยยยยย ToT) ชีวิตผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย

จากตอนปี 1 ... กลัวผู้หญิง จากการที่เรียนชายล้วนมาตลอดและไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง ก็ค่อยๆปรับตัวได้ จนตอนนี้เริ่มทำตัวเหมือนผู้หญิง (เอ๊ะ)

จากที่เคยเงียบๆ ก็ค่อยๆพูดเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นพูดมาก (เอ่อ) (ขอบคุณบ้านอะอึ๋มที่มีส่วนตรงนี้มาก)

จากที่เคยพูดครับคุณผม ก็เปลี่ยนเป็นวะมึงกู (ขอบคุณเพื่อนๆตอนเรียนมหาลัยที่ช่วยผลักดัน -_-)

จากที่เคยเขียนโปรแกรมเป็นแค่งูๆปลาๆก็เขียนโหดขึ้นเรื่อยๆจากการฝึกฝน (ขอบคุณชมรมโรบอท ไม่มีเธอวันนั้น ไม่มีฉันวันนี้)

จากที่เคยกลัวและอยู่กับอะไรเดิมๆ ก็กลับกล้าทำอะไรแปลกๆใหม่ๆ (โรบอทอีกเช่นกัน)

จากที่เคยพูดไม่รู้เรื่อง ก็เริ่ม Present งานเอง Pitch งานเอง จนสามารถ Present งานอะไรก็ได้ได้อย่างสบายในตอนนี้ (ขอบคุณงานแข่งต่างๆที่เราเข้าร่วม)

จากที่เคยจับไมค์แล้วสั่น ตอนนี้ก็สามารถพูดในงานที่มีคนฟังเป็นพันคนได้โดยไม่รู้สึกอะไร สามารถ Entertain คนได้ เอาคนฟังอยู่ (ขอบคุณเวทีต่างๆและรายการต่างๆที่ให้เกียรติเชิญเราไป)

จากเด็กนักเรียนที่โง่ๆงงๆ วันนี้กำลังจะผันตัวไปเป็นอาจารย์เป็นอาชีพหลักเพื่อส่งต่อสิ่งที่เรียนรู้มาให้รุ่นถัดไป (ขอบคุณทุกคนที่ไว้ใจและติดต่อมาอยากให้เราสอน)

จนสุดท้าย ... ตอนนี้ กลายเป็นนู๋เนยคนนี้ ถึงจะห่างไกลคำว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็รู้สึกว่าเดินมาได้ไกลมากอย่างมี Passion ล้มกี่ครั้งก็ลุกขึ้นใหม่ได้โดยไม่ยอมแพ้ ผมพอใจระดับหนึ่งแล้วหละ =)

และจากที่มีโอกาสได้มองย้อนกลับไป เลยอยากพูดประโยคนึงว่า

"ที่ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะผมไม่เลือกเรียนหมอในวันนั้น"

แต่

"ตัดสินใจเลือกทางที่รัก จนเดินมาถึงตรงนี้"

วันนี้ถึงจะไม่ใช่วันที่เราเป็นบุคคลที่มีความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันให้จับต้องได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าตัวเองได้ผ่านพ้นอะไรมามากมาย และสิ่งที่พ้นผ่านเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบและอยากทำ ชนิดที่ว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องตายไป จะไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมาเลย (แต่ก็ยังตายไม่ได้ ยังใช้หนี้ให้ที่บ้านไม่หมด ไม่ว่างตายจริงๆ ขอโทษด้วยนะ)

ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้าผมเรียนหมอ ชีวิตผมจะเป็นยังไงในตอนนี้ ถึงจะจบมาได้แล้วเปลี่ยนอาชีพ แต่ก็เสียเวลาชีวิตไปเลย 6 ปีฟรีๆ เพื่อรู้ว่าตัวเองไม่ชอบอ่ะหรอ

มันไม่คุ้มหรอก ...

อยากจะบอกอะไร

อยากจะบอกคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถึงแม้จะเป็นนักเรียนอยู่หรือทำงานแล้วก็ตาม รีบหาว่าตัวเองชอบอะไร เหมาะกับอะไร ยิ่งใครหาได้ไวก็ยิ่งเริ่มทางเดินของตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น ก็ยิ่งประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น

อยากจะบอกรุ่นน้องที่ยังไม่เอ็นทรานซ์ว่า จงเลือกทางเดินของตัวเอง เพราะสุดท้ายคนที่อยู่กับเราตลอดไปก็คือตัวเรานะ

อยากจะบอกคนที่เลือกคณะเพราะพ่อแม่สั่งว่า ... คิดใหม่มั้ย?

อยากบอกพ่อแม่คนว่า เชียร์ให้ลูกหาตัวเองให้เจอแล้วให้เค้าเลือกทางของตัวเองดีกว่าบังคับลูกให้เป็นตามที่ตัวเองอยาก

อยากจะบอกทุกคนว่า สิ่งที่รักหนะ ไม่ว่าจะมันจะต่ำต้อยแค่ไหน มันก็ยิ่งใหญ่ได้ถ้าเรารักที่จะทำมัน

หาตัวเองให้เจอและเลือกทางเดินของชีวิตด้วยเองกันนะครับทุกคน =)


Do What You Love and You'll Never Work a Day in Your life

ทำงานที่รัก แล้วคุณจะไม่ต้องทำงานอีกเลย


ประโยคนี้จริง ยืนยัน =)

ทิ้งไว้ด้วยคำถามสั้นๆ ...

ถ้าผมเป็นหมอ ท่านจะกล้ามารักษากับผมมั้ย?

..... ไม่ต้องตอบ ..... ก็บอกว่าไม่ต้องตอบไง เอ๊ะ ! ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

จบ T_T


ก็เอาเป็นว่าจากนี้ขอทำงานด้านนี้ต่อไป หาเงินได้เท่าไหร่ ... ค่อยเอาไปหาหมอรักษาร่างกายละกัน T_T

สวัสดีฮับ บูยยยย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jun 11, 2014, 05:13
4437 views
ใครไม่ฟิต Gear Fit ... เมื่อคืนแอบไปสนุกในปาร์ตี้ #GearItUp มา ^_^
Jul 23, 2014, 20:31
12615 views
ชีวิตลิขิตเอง ... ที่ผมมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะผมไม่เรียนหมอ
0 Comment(s)
Loading