""โอกาส" ก็สำคัญพอกับ "อากาศ" นั่นแหละ"
ประสบการณ์ดูหนัง ณ โรง Diplomat Screens by AIS ที่ Central Embassy
27 Jun 2014 02:15   [32217 views]

เมื่อวานนี้มีโอกาสได้ไปดูหนังที่โรงที่ได้ขึ้นชื่อว่าแพงล้ำอย่างโรง Diplomat Screens by AIS ณ ห้างเปิดใหม่ (ที่ไม่เสร็จสักที) Central Embassy นั่นเอง

ไม่ได้รวยจ้า ไม่ได้รวย อย่าเข้าใจผิด ไม่มีปัญญาซื้อบัตรไปดูเองหรอก AIS เชิญไปดูหนะ ไม่ได้อยากไปเลยจริงๆ แค่ตอบรับคำเชิญทันทีอย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้นเอ๊ง

หนังที่ได้ดูก็เป็นหนังเข้าใหม่อย่าง Transformer 4 กำลังอยากดูอยู่พอดีเลย ดีใจ ดีใจ

งานนี้ไม่ได้ไปกันแค่สองคน หากแต่มีผู้คนมากหน้าหลายตาจากหลากหลายวงการมาร่วมดูกันเพียบเลย

แน่นอนว่าไปในฐานะ Blogger ก็เลยขอเอากล้องใหญ่ไปเพื่อถ่ายทุกซอกทุกมุมเท่าที่เวลาและแสงไฟจะอำนวยมาฝากทุกท่านกัน (ถ่ายกันยันหนังฉาย)

โรงหนังมีอยู่ 5 โรง ได้แก่ โรง 1 โรง 2 โรง 3 โรง 4 และ โรง 5 ... (จะบรรยายยาวๆทำไม)

โดยโรง 1 จะเป็นโรงเดียวที่แปลกกว่าชาวบ้าน ส่วนโรง 2-5 ภายในเหมือนกันหมด

แต่ก่อนจะพาไปดูโรง ขอตัดภาพไปที่ Lounge สำหรับนั่งรอก่อน

เรียกว่าจัดมาสถานที่มาได้ดีและรู้สึกพิเศษเป็นอย่างมาก สมราคาบัตร อันนี้ขอชมว่าจัดได้ดี มีที่นั่งเป็นคอกๆให้อยู่กันอย่างเป็นส่วนตัวและมีเยอะพอสมควร

มีอุ่นใจให้กอดเล่นด้วย

ด้านในจะเป็นบาร์ให้เราสั่งน้ำและขนมทานได้ (ความจริงนั่งที่โต๊ะก็จะมีคนมารับออร์เดอร์นะ แต่เหมือนพนักงานไม่พอ)

สำหรับอาหารก็จะมีให้ 1 Set เล็กๆ ต่อตั๋ว 1 ใบ ให้เลือกทานได้

พนักงานก็บริการดีและยิ้มแย้มดีนะ

อย่างไรก็ตาม รู้สึกว่าพนักงานมีไม่พอบริการลูกค้าจริงๆแฮะ ทำให้หลายๆอย่างรู้สึกว่าไม่ทันใจเท่าไหร่เลย คิดว่าคงต้องปรับปรุงและปรับจูนอะไรอีกหลายอย่างเหมือนกัน

รอบนอกหมดแล้ว เราขอพาเข้าไปดูในโรงกันบ้าง เริ่มจากโรง 1 ก่อนละกัน

โรง 1 เป็นโรงที่แพงที่สุด พิเศษที่สุด ดังนั้นจึงมีพื้นที่นั่งรอเป็นของตัวเองอีกด้วย

ที่บอกว่าโรง 1 เป็นโรงที่มีความพิเศษก็เพราะ ที่นั่งแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ... คือบางที่ก็เป็นเบาะนั่ง บางที่ก็เป็นโซฟา บางที่ก็เป็นเตียงนอน ดังนั้นที่นั่งแต่ละที่ในโรงนี้ ราคาจะไม่เท่ากันเลยและเงื่อนไขก็จะต่างกันไปด้วย (บางที่นั่งเดี่ยวได้ บางที่นั่งคู่เท่านั้น บางที่นั่ง 3 ได้เลย) โปรดศึกษาให้ดีก่อนซื้อตั๋ว

บรรยากาศของโรงนี้คือเหมือนอยู่ในบ้าน แล้วนั่งดูหนังกับเพื่อนบนโซฟาเอย บนเตียงนอนเอย จะไม่ค่อยรู้สึกว่าอยู่ในโรงหนังเท่าไหร่

แถวหน้าสุด (แถว D) ตรงกลางจะเป็นเบาะเดี่ยว (Loft Bed) มีอยู่ 3 ตัว วันจันทร์-พุธ ราคาที่นั่งละ 1,500 บาท ส่วนวันพฤหัส-อาทิตย์จะที่นั่งละ 1,700 บาท

ส่วนด้านซ้ายและขวาของแถวหน้าสุด เป็นโซฟาสีขาวแบบปรับเอนได้ (Couch) ราคา 2,000 บาท (ต่อคู่ หรือคนละ 1,000 บาท) ส่วนพฤหัส-อาทิตย์ เหมือนจะ 2,200 บาท (หรือคนละ 1,100 บาท)

ซึ่งก็เอนได้สุดตามที่เห็นในภาพ ดังนั้นโซฟาตัวนี้มีไว้ "นั่งห้อยขา" นะครับ ไม่ได้มีไว้นอนเหยียดขา ใครชอบนอนก็ไม่เหมาะจะจองตัวนี้เท่าไหร่เพราะจะอึดอัดหงุดหงิด แต่ถ้าชอบนั่งดู ตัวนี้ก็โอเคอยู่ครับ หมอนพร้อม เบาะนิ่ม อากาศเย็น ผ้าห่มอุ่น คนข้างๆน่ารัก ^_^

ทั้งนี้ แถวหน้าสุดค่อนข้างชิดจอมากพอสมควร ถามว่าดูได้มั้ย ก็อยู่ในระดับ "พอดูได้" แต่ส่วนตัวแล้ว ถือว่าใกล้เกินไปมากเลยหละ ชนิดที่ว่าถ้าจะดูแล้วเหลือแต่แถวหน้า ก็เลือกจะไม่ดู

มาแถวที่สองกันบ้าง (แถว C) ด้านข้างจะเป็นโซฟาสีม่วงหรือน้ำตาลก็ไม่รู้ ... พร้อมหมอนมากมายก่ายกอง เอามาก่อร่างสร้างเตียงได้ สามารถเอนเบาะได้แบบเดียวกับเบาะแถวหน้าสุด และราคาเดียวกันด้วย

ตรงกลางเป็นเตียงขนาดใหญ่สุด (Large Day Bed) สองเตียง ราคา 2,600 บาทต่อคู่ หรือตกคนละ 1,300 บาท ส่วนราคาของพฤหัส-อาทิตย์ เหมือนจะเป็น 2,800 บาทครับ

แถวถัดไป แถวที่สาม (แถว B) ฝั่งขวาเป็นเตียงคู่ขนาดปกติ (Day Bed) สามเตียง ราคาเตียงละ 2,000 บาทต่อคู่ หรือคนละ 1,000 บาท

ส่วนฝั่งซ้ายเป็นโซฟาขนาดสามที่นั่ง (Grand Sofa) ราคา 3,000 บาท ต่อ 3 คน หรือตกคนละ 1,000 บาท ส่วนวันพฤหัส-ศุกร์จะราคา 3,300 บาท หรือตกคนละ 1,100 บาทครับ

สุดท้าย แถวบนสุด (แถว A) ด้านซ้ายขวาประกบด้วยเตียงขนาดใหญ่ (Large Day Bed) และตรงกลางเป็นโซฟาสามที่นั่ง (Grand Sofa) ราคาตามด้านบนเลยจ้า

ความพิเศษของโรง 1 คือทุกที่นั่งจะมีตู้เย็นพร้อมน้ำอัดลมและเบียร์เย็นๆเพื่อกินได้เต็มที่ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

ส่วนป็อบคอร์นกับน้ำต้องซื้อเพิ่ม ราคา 200 บาทจ้า

ที่นั่งของโรง 1 ไม่ได้เป็นคอก แต่จะกั้นด้วยไฟ แต่ถามว่าเป็นส่วนตัวมั้ย ตอนดูหนังก็แฮปปี้ดีมากเลยนะ รู้สึกเหมือนทั้งโรงมีอยู่สองคน (กับพนักงานที่เดินไปเดินมาตลอดเวลา ไว้บ่นให้ฟังตอนหลัง) กดมือถือก็ไม่มีใครเห็น สบายมาก ดูหนังไปเล่นมือถือไปได้เลย (แต่ปรับไฟจอให้ต่ำสุดนะ ไม่งั้นก็สว่างอยู่ดี)

ส่วนรู USB ... โรง 1 ไม่มีนะจ๊ะ หะหะ

จุดเด่นอีกจุดนึงของโรง 1 คือมีพื้นที่บาร์ด้านหลังเป็นห้องเก็บเสียง เอาไว้คุยโทรศัพท์หรือทำอะไรที่ต้องใช้เสียงแต่ก็ยังไม่พลาดดูหนังอีก

คราวนี้มาดูโรง 2-5 กันบ้าง

โรง 2-5 เป็นที่นั่งเหมือนกันหมด คือที่นั่งคู่ในคอก (Cocoon Seat) ราคาคู่ละ 1,800 บาทสำหรับวันจันทร์-พุธ ส่วนวันพฤหัส-อาทิตย์ราคาคู่ละ 2,000 บาทครับ

เบาะสามารถเอนกลายเป็นเบาะนอนได้เลย ตอนปรับสุด ด้านล่างจะถูกยกเป็นที่วางขาและเบาะก็จะเอนลงเกือบสุด นอนดูได้สบายมาก อันนี้พูดเลย

ส่วนใครแบตหมดก็มีช่องมหัศจรรย์ ... USB Port ให้เราเสียบได้ด้วย แต่ ... ไม่มีสายให้นะ เตรียมไปเองเน้อ

ส่วนตู้เย็น ... ไม่มีจ๊ะ

โรงหนังก็จะประมาณนี้ครับผม น่าจะพอเห็นภาพแล้ว ^_^

จากนั้นตัดมาตอนดูหนังเลยละกันโนะ

Surprise แรกคือ พนักงานไม่รู้ว่าที่นั่งไหนเป็นเบอร์อะไร ... ต้องช่วยกันหาเป็นนาทีกว่าจะนั่งได้ เดาว่าน่าจะเป็นพนักงานใหม่

ซึ่งเราได้ที่นั่งเป็นโซฟา Couch ปรับเอนได้นิดๆ เป็นเก้าอี้แบบนั่ง

ซึ่งก็เสียใจเล็กๆ เพราะอยากได้แบบนอนมากกว่า T_T (แต่ของฟรี อย่าบ่น !)

ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่านั่งไม่สบายเลย อยากนอนเอนมากกว่า ขยับตัวทุก 3 นาทีเลยอ่ะ กลิ้งไปกลิ้งมา เดี๋ยวก็นอน เดี๋ยวก็นั่ง สุดท้ายค้นพบว่าท่าที่นั่งสบายสุดคือท่าแบบด้านบนที่ณิชนั่งนั่นแหละ แต่ก็รู้สึกปวดหลังปวดคออยู่ดี

ส่วนเรื่องอื่นก็แฮปปี้ดี ภาพชัด เสียงดี รู้สึกเป็นส่วนตัวถึงแม้จะไม่มีคอกกั้น (แต่กั้นด้วยไฟ)

ที่จะรู้สึกแปลกๆก็คือมีพนักงานเดินไปเดินมาตลอดเวลาเลย จนรู้สึก Distract นิดหน่อย แล้วก็มีเดินมาถามว่ากดกริ่งเรียกหรอคะด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้กดและไม่มีอะไรไปวางใกล้ปุ่มกดเลยด้วย

โดยรวมอยู่ในระดับที่ดีและเข้าใจว่าทำไมถึงแพง แต่ในตลาด Segment นี้ก็มีคู่แข่งเยอะอยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Bangkok Airways Blue Ribbon, Enigma หรือ SF First Class ซึ่งราคาก็ถูกกว่าจนถึงไล่เลี่ยกับ Diplomat Screens ทั้งสิ้น

ส่วนตัวเป็นคนดูที่ Bangkok Airways Blue Ribbon ที่พารากอนในโอกาสพิเศษอยู่แล้ว (ดูตั้งแต่สมัยยังเป็น Nokia Ultra Screen) ก็เลยพอเห็นความแตกต่างในหลายๆมิติ

ปัญหาของ Diplomat Screens ที่ต้องเร่งพัฒนาคือ ราคาแพงกว่าที่อื่น (น่าจะอยู่อันดับ 1-2 เทียบกับ Enigma ด้วยซ้ำไป) แต่สิ่งที่ได้มาไม่ได้รู้สึกว่าแพงกว่าที่อื่นเท่าไหร่นัก

ไม่ว่าจะเป็นการบริการที่ดูสับสนวุ่นวายมากๆ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสดีแต่รู้สึกว่าบริการไม่ทั่วถึงและเหมือนยังไม่รู้ข้อมูลของโรงหนังเท่าไหร่

เรื่องอาหารที่ดูด้อยกว่า SF First Class มากๆ (ทั้งๆที่ SF First Class ราคาแค่ 690 บาทต่อที่นั่ง แต่ได้ All You Can Eat)

เรื่องเว็บไซต์และแอพฯที่เข้าไปจองไม่ได้ ข้อมูลก็น้อย หาราคาค่าตั๋วไม่ได้เลย ต้องไปอ่านรีวิวแทน (ซะอย่างงั้นอ่ะ) จะจองก็ต้องโทรเอา (ย้อนยุคซะงั้น)

Facebook Fan Page ที่ดูไม่ค่อยโปรเท่าไหร่ การตอบก็รู้สึกไม่ค่อย Friendly เท่าไหร่เลย หรือบางทีก็ไม่ตอบไปดื้อๆ

ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงครับ เข้าใจว่ายังเริ่มให้บริการไม่นาน อารมณ์รัน MVP อยู่เลย อาจจะยังไม่ลงตัว แถมโรงพิเศษที่นี่ก็เยอะกว่าที่อื่น คงบริการกันไม่ทั่วถึง แต่นั่นแหละ คงต้องรีบปรับปรุงนิดนึง ติเพื่อก่อๆ ทุกอย่างดีหมดละ เหลือแค่ทำให้สมบูรณ์ =)

สุดท้าย ถึงจะพูดข้อเสียมาหลายข้อ แต่ Feedback ผม Positive กับโรงนี้เลยนะ ไม่รู้สึกติดขัดอะไร ถ้ามีโอกาสก็อยากไปดูอีก แต่คงเป็นที่นั่งอื่นอะไรงี้ อันนี้ไม่ไหว ปวดหลังเหลือเกิน ^^"

จบไปอีก Blog ขอบคุณ AIS มากๆครับที่เชิญไป =)

ตอนนี้มีโปรโมชั่นว่าถ้าเป็นลูกค้า AIS ลด 20% หรือถ้าเป็น Serenade Platinum จะลด 25% ลองไปใช้บริการกันดูได้จ้า ^_^

ส่วนตัวหนัง ... มันส์ดีนะ แต่ ... มันดูน่าเบื่อๆ ขาดสีสันและมิติยังไงก็ไม่รู้ ดำเนินเรื่องแบบเหมือนดูการ์ตูน ถ้าไม่คิดอะไรก็สนุก ถ้าคิดอะไรก็คงเซ็งๆอยู่ไม่น้อย หะหะ

ไปหละครับ สวัสดีครับ =)

บทความที่เกี่ยวข้อง

Mar 5, 2014, 16:31
10732 views
HUVR แผ่นสเก็ตบอร์ดลอยได้สุดล้ำ สุดยอด Hoax ที่อดใจไม่เอามาเขียนไม่ได้
Aug 7, 2014, 01:37
49700 views
เยี่ยมชมร้านแบรนด์รองเท้าระดับโลก TOMS เจ้าของ Concept "ซื้อหนึ่งคืนให้สังคมหนึ่ง" @ Central Embassy
0 Comment(s)
Loading