Office Symdrome เป็นคำที่ได้ยินบ่อยมากถึงมากที่สุดจากคนรอบตัว (ถึงวัยแล้วสินะ)
ชื่อก็บอกตรงตัวแล้วว่ามันเกี่ยวมนุษย์ออฟฟิศโดยตรงแน่นอน เพราะมนุษยออฟฟิศทั้งหลายส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงต่อวันหรือมากกว่านั้น ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ถ้าเป็นโปรแกรมเมอร์หรือคนที่ทำงานสายคอมพ์ ต้องทำงานวันละสิบว่าชั่วโมง บางคนไม่ได้เป็นแค่ Office Symdrome แต่เป็นถึงกับชาครึ่งตัวไปเลยทีเดียว
ตัวเราก็เป็น ชาครึ่งขวาเป็นเดือน จนปีที่แล้วต้องไปนอนทำ MRI เลยทีเดียว แล้วก็ทำให้เห็นสัจธรรมชีวิตหลายๆอย่างในอุโมงค์นั้นหลายๆอย่าง ดีกว่านั่งสมาธิอีก เอิ๊กๆ ผลของการ MRI ครั้งนั้นก็คือ Office Symdrome นี่แหละ กระดูกคอเสื่อมจนปวดคอและมีผลตามมา
วันนี้ไปเจอบทความใน LifeHack น่าสนใจมาก เกี่ยวกับ "อันตรายของการนั่งผิดท่า" โดยยิงไปตรงๆเลยว่า "การนั่งเยอะเกินไปทำให้ตายเร็วกว่าคนอื่น" (โหดมั้ยหละ) และการนำเสนอก็ทำออกมาดี อยากดูในรูปแบบกราฟฟิกมานานแล้วว่าส่วนไหนของร่างกายที่อาจเกิดปัญหาได้ จะได้เห็นภาพไปเลยชัดๆ ภาพประกอบในบทความนี้อธิบายได้ครบเลย เลยเอามาแชร์ให้ดูกันจ๊ะ
จากข้อมูลข้างต้น บอกว่าการนั่งผิดท่าและยาวนานเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาลูกโซ่ตั้งแต่หัวยันติงเลยทีเดียว ย่อยออกมาได้ดังนี้
โรคหัวใจ - การนั่งนานๆทำให้อัตราการเผาผลาญไขมันต่ำ จนไขมันไปเกาะหลอดเลือดและเกิดเส้นเลือดหัวใจอุดตันรวมถึงความดันสูงได้ โดยคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆมีอัตราเสี่ยงจะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจสูงกว่าคนที่นั่งไม่นานมากถึงมากกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว
โรคเบาหวาน - ตับอ่อนผลิตอินซูลินที่เอาไว้ขนกลูโคสไปให้เซลล์ แต่เซลล์กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ขยับจะไม่ตอบรับกับอินซูลินแต่อย่างใด ตับอ่อนจึงสร้างอินซูลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆและเรื่อยๆ จนอาจจะทำให้เกิดโรคเบาหวานและโรคอื่นๆจากตับอ่อนได้ โดยจากการศึกษาในปี 2011 พบว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวเห็นผลได้จากการนั่งทำงานนานๆแค่เพียงวันเดียว
มะเร็งลำไส้ใหญ่ - เหตุผลยังไม่ชัดเจนนัก แต่จากการศึกษาพบว่าการนั่งทำงานนานๆมีอัตราเสี่ยงให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกได้ อาจจะเกิดจากอินซูลินในหัวข้อด้านบน หรืออาจจะเกิดจากการที่การขยับตัวตามธรรมชาติจะสร้างสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ทำให้ลดอัตราการเกิดมะเร็งลง
สมองทำงานช้าลง - การขยับร่างกายทำให้เลือดไหลเวียนผ่านสมองมากขึ้นและทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น คนที่นั่งทำงานนานๆจะทำให้สมองตื้อและทำงานได้ช้าลง
การดูกสันหลังส่วนคอตึง - การขยับหัวไปมาระหว่างนั่งทำงาน จะทำให้เกิดอาการกระดูกคอตึง และถ้าทำต่อเนื่องนานๆอาจทำให้กระดูกคอมีปัญหาถาวรเลย (นี่คือส่วนที่เราเกิดปัญหาจนต้อง MRI ปีที่แล้วนั่นเอง)
ปวดหลังและไหล่ - อาการคลาสสิคของคนรอบกาย(และตัวเอง)เลย จากในภาพ กล้ามเนื้อส่วน Trapezius เป็นกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อระหว่างคอบ่าไหล่สะบัก
เมื่อการทำงานขอคอผิดเพี้ยนจากธรรมชาติ มันก็จะดึงรั้งให้บ่าไหล่หลังและสะบัก ผิดเพี้ยนไปด้วยเป็น Chain Effect ทำให้เป็นบริเวณที่คนทำงานออฟฟิศจะแข็งและปวดมาก บางคนเป็นหนักขนาดที่หมอนวดไม่นวดให้และไล่ให้ไปกายภาพบำบัดเลย
อันนี้ก็เจอกับตัวเองเหมือนกัน ค่อนข้างหนักเสียด้วย บางทีก็ถึงขั้นหายใจไม่ออกจากการปวดกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ตอนเด็กๆไม่เข้าใจหรอกที่คนเตือนๆ แต่ตอนโตมา รู้ตัวอีกทีก็สายไปละ ...
กระดูกสันหลังยืดหยุ่นไม่ได้ หลังขดหลังแข็ง - กระดูกสันหลังที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน จะขาดความยืดหยุ่นและส่งผลให้เจ็บจากการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังได้ เช่นการก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า ทั้งนี้เพราะเวลาเราขยับตัว Disk ที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ (หรือที่ทุกคนคงชินหูกับคำว่า หมอนรองกระดูก) จะขยายตัวและสูบฉีดเลือดเข้าไปเพื่อรักษาความยืดหยุ่น
แต่พอไม่ขยับนานๆ จะทำให้ Disk เหล่านี้เสียความยืดหยุ่นไป และทำให้เวลามีการบิดหรือคดของกระดูกสันหลัง จะทำให้เจ็บปวดรวดร้าวและทรมานได้
หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท - คำนี้ได้ยินบ้อยยยบ่อยอีกเช่นกัน เกิดจากการที่ Disk เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทตามแนวกระดูกสันหลัง ส่งผลให้เกิดการเจ็บปวดอย่างรุนแรงหรือชา แล้วแต่ว่าไปทับเส้นประสาทตรงไหน
และการนั่งทำงานผิดท่าติดต่อกันเป็นเวลานานๆก็สามารถทำให้ Disk นี้เสียหายจนไปทับเส้นประสาทจนเกิดเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนี้ได้ จึงเป็นอีกอาการคลาสสิคของ Office Symdrome
กระดูกสันหลังคด - เวลาเรายืน กล้ามเนื้อหน้าท้องจะช่วยให้เราตัวตรง แต่พอเรานั่ง กล้ามเนื้อหน้าท้องจะไม่ถูกใช้งาน ส่งผลให้กระดูกสันหลังรับกรรมไปเต็มๆ คนที่นั่งทำงานส่วนใหญ่จึงหลังงอและเมื่อทำต่อเนื่องกันไปนานๆก็จะเกิดกระดูกสันหลังคดไปในที่สุด
กล้ามเนื้อต้นขาตึง - กล้ามเนื้อสะโพกต้นขา(หรือที่เรียกว่า Hip Flexor ในรูปด้านบน)จะช่วยในการทรงตัว แต่เมื่อนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อต้นขามัดนี้สั้นลงและตึงขึ้นเรื่อยๆ และจะทำให้การขยับเคลื่อนขาทำได้ยากขึ้น ผลการศึกษาเผยว่าการที่กล้ามเนื้อสะโพกเคลื่อนไหวลำบากนี้เองที่ส่งผลให้คนแก่ล้มบ่อยๆ
กล้ามเนื้อแก้มก้นอ่อนแรง - การนั่งทำให้กล้ามเนื้อแก้มก้นไม่ต้องทำงาน จนมันคุ้นชินกับสภาพนั้น ฟังดูไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันจะส่งผลต่อการเดินและออกตัวด้วย
เส้นเลือดขอด - เมื่อนั่งทำงานนานๆ เลือดก็จะไม่ไหลเวียนลงในที่ขา ทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มและเกิดเป็นเส้นเลือดขอดที่ขาในที่สุด
กระดูกพรุน - การเดินและออกกำลังกาย จะทำให้กระดูกส่วนล่างหนาขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่การนั่งนานๆจะทำให้กระดูกเสื่อมลงจนเกิดกระดูกพรุนได้
และจากการศึกษาเป็นเวลา 8.5 ปี พบว่าคนที่นั่งดูทีวีวันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าคนที่นั่งดูวันละน้อยกว่า 1 ชั่วโมงถึง 61%
รู้ดังนี้แล้ว กันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ เพราะร่างกายไม่มีอะไหล่ (หรือจะบอกว่ามีเป็นบางส่วนก็ได้ พี่เล่นใช้ 3D Printer พิมพ์อวัยวะเทียมกันละ) วิธีรับมือคือ
1) นั่งให้ถูกท่า - นั่งให้หลังตรง ห้ามชะเง้อคอ ตั้งแขนให้ตรง 90 องศา ทำไหล่ให้สบาย หากทำไม่ได้ ให้หาตัวช่วยอย่างเก้าอี้ Ergonomic แพงแต่ชีวิตดี เชื่อเดี๊ยน
2) นั่งบนอะไรนิ่มๆ - การนั่งบนอะไรนิ่มๆเช่น Exercise Ball จะบังคับให้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ทำงานตอนนั่งบนเก้าอี้ธรรมดาทำงาน
3) ยืดกล้ามเนื้อต้นขาทุกวัน - ยืดวันละ 3 นาที ชีวีจะมีสุข (ดูภาพด้านบนประกอบ)
4) เดินเรื่อยๆ - ตามบทความเค้าบอกให้ลุกขึ้นยืนทุกครั้งที่มีโฆษณา ส่วนการทำงานก็คือลุกเดินทุก 30 นาที อย่าขี้เกียจ (แต่ของเนยที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือทุก 15 นาที)
5) โพสโยคะท่าวัวและท่าแมว - จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกระดูกสันหลัง (ดูภาพด้านบนประกอบจ่ะ)
แล้วก็จงทำสิ่งทุกคนรู้ว่าดีแต่น้อยคนนักที่ทำ ...
ออกกำลังกาย
เนยเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ร่างกายเปลืองมาก ตรากตรำทำงานหามรุ่งหามค่ำมาสิบกว่าปี และร่างกายออกอาการเป็นที่เรียบร้อย พูดเลยว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะทำงานหนักๆเพื่อเอาเงินไปใช้ชีวิตในอนาคต เพราะเราอาจจะไม่มีวันนั้น วันที่เราได้อยู่ใช้ชีวิต ...
รักษาสุขภาพครับ
แถมด้วยวีดีโอสองตัวเกี่ยวกับการนั่งที่ถูกต้องและผลเสียของการนั่งผิดท่าครับ
ปล. ผมไม่ได้เป็นแพทย์ หากข้อมูลส่วนไหนผิด รบกวนคุณหมอมาแก้ให้ด้วยนะครับ ผมจะเอามาแก้ในบทความให้ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ =)