หลังจากคิดพิจารณาว่าจะซื้อไม่ซื้อดีเป็นเวลาร่วมเดือน ล่าสุดเมื่อวานหลังกลับจากหัวหินเพื่อไปดูคอนโดบ้านเพียงเพลิน ก็ตรงไป Central World เพื่อไปซื้อเครื่อง Lumia 920 สีเหลือง ด้วยสาเหตุว่าต้องทำโปรเจคด่วน และ 8X ที่ยืมมาก็ต้องคืนไปเมื่อวันก่อน ยังทำโปรเจคไม่เสร็จ สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าไม่ยืมแล้วละกัน มันไม่ยั่งยืน ไปซื้อเลย ซึ่งตอนนั้นไม่คิดว่าเครื่องจะเหลือแล้ว เพราะขายไวมาก แต่ก็โชคดี หรือจะเรียกว่าโชคร้ายต่อกระเป๋าตังค์ก็ไม่ทราบ ได้เครื่องมาจนได้เพราะคนที่จองไว้ไม่มาเอาเครื่อง เลยเอามาแกะกล่องให้ดูเบาๆเพลินๆและรีบๆ (เวลามีน้อย ต้องรีบไปทำงานต่อ)
แกะกล่อง
ข้างในกล่องมีตามนี้
ในกล่องประกอบด้วย (1) หูฟัง (2) สาย USB (3) หัว Adapter ชาร์จแบตผ่าน USB (4) คู่มือ/ใบประกัน (5) เข็มจิ้มถาดซิม (6) ตัวเครื่อง ซึ่งแอบผิดหวังและเสียใจที่ไม่มีเคสซิลิโคนมาให้เหมือน Lumia 800 ทำให้ตอนนี้ต้องใช้อย่างระมัดระวังมาก วัสดุมันเป็นรอยง่าย
ยังไงก็ตาม ขอสวัสดี Lumia 920 และยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวจ๊ะ จุ๊บๆ
สำหรับคนที่ซื้อช่วงนี้ เค้ามีคูปองลด 10% เพื่อเอาไปซื้ออุปกรณ์เสริมด้วย
แรกจับ
คำแรกที่ขึ้นมาในหัวคือ "หนักหวะะะะะะ" เพราะอาทิตย์ก่อนเพิ่งใช้ 8X ตัวเบาหวิวไป ยังปรับตัว(มือ)กับของที่หนักขึ้น 1.5 เท่าแบบนี้ไม่ทัน สรุปก็คือหนัก และหนักขึ้นเรื่อยๆตามการใช้งาน
น่าเศร้าที่ก่อนหน้านี้เล่นมันมาเยอะแล้ว แต่ไม่มีบุญได้พรีวิวสักครั้ง ไม่เคยได้จับเกิน 1 นาที นาทีนี้ถ้าจะถามถึง First Impression ก็คงตอบไม่ได้อ่ะ OS ลื่นมั้ย มันก็ลื่นของมันอยู่แล้ว นาทีนี้นึกอย่างอื่นไม่ออกนอกจากเครื่องหนักเลยแฮะ ก็ผ่านประเด็นนี้ไปละกัน เหอะๆ
งานออกแบบ งานประกอบ
ส่วนตัวค่อนข้างชินกับดีไซน์นี้แล้ว เพราะใช้มาตั้งแต่ N9 และ Lumia 800 พอมาตัวนี้ก็เหมือนกับอีกรุ่นนึงที่หน้าตาแบบนี้ แต่ถ้าให้พูดจากมุมมองของการออกแบบและ OS แล้ว ต้องบอกว่า Nokia เข้าใจ OS ตัวนี้พอสมควร ทำออกมาหลายสีสันและมีความเหลี่ยม เข้ากับระบบปฏิบัติการณ์ Windows Phone ที่มีความสดใสและเรียบง่ายดีมากๆ แต่ด้วยตัววัสดุที่พลาสติกมากๆ จึงทำให้รู้สึกว่าใช้แล้วไม่ค่อยมีความสุข ต้องคอยทนุถนอม สวยก็สวยนะ แต่ต้องคอยระวัง เดี๋ยวมันจะไม่สวย
สำหรับจุดที่รู้สึกผิดหวังในเรื่องการออกแบบของตัวนี้คือ ถาดซิมไม่สามารถใช้เล็บจิกออกมาได้เหมือนรุ่นก่อนๆแล้ว รุ่นนี้ต้องใช้เข็มจิ้ม ซึ่งเกลียดมาก เกลียดตั้งแต่ใช้ One X ละ ตอนนั้นอุตส่าห์ชมว่า Nokia ออกแบบเรื่องตรงนี้ดี แต่รุ่นนี้ดันเอาออกไปซะงั้น
เมื่อวานใช้อยู่ก็นั่งจ้องหน้ามัน รู้สึกว่าด้านหน้ามันออกแบบไม่ค่อยจะสมดุลเท่าไหร่ มันหนักไปข้างบนเกินไปนิดนึง เห็นแล้วรู้สึกอึดอัด อยากเลื่อนจอลงมาจริงๆ (เป็นโรคจิตชนิดหนึ่งของคนออกแบบแอพฯ)
ส่วนด้านหลัง กล้องอยู่ตำแหน่งเดียวกับนิ้วมือเลย ส่งผลให้เกิดข้อเสียสองอย่างคือ นิ้วไปบังกล้องตอนถ่ายรูป และกระจกครอบเลนส์เป็นรอยนิ้วมือตลอดเวลา
ส่วนงานออกแบบอื่นๆค่อนข้างลงตัวนะ ปุ่ม Power/Volume จับได้ถนัดมือ ส่วนปุ่มกล้องก็อยู่ตำแหน่งมาตรฐาน แต่ด้วยความหนักและความใหญ่ของตัวเครื่อง การถ่ายมือเดียวก็กลัวจะหล่น อาจจะต้องประคองสองมือเพื่อไม่ให้มือถือราคา 21,500 บาทลงไปสัมผัสกับพื้นดังตุ๊บ... แต่ถ้าใครมั่น จะถ่ายมือเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร ตัว OIS มันทำให้ภาพออกมาชัดทุกภาพได้ (ลองมาแล้ว ประทับใจ)
ส่วนงานประกอบ แน่นหนาดีมาก เยี่ยมไม่มีที่ติครับ
ครึ่งวันผ่านไป
- จนถึงตอนนี้เครื่อง Reboot ไปแล้ว 5 รอบครับ อยู่ดีๆก็ Reboot โดยไม่มีเหตุผลใดๆ แถมใช้เวลา Reboot ตั้งนาที ไม่พอใจตรงนี้เป็นที่สุด (ตอนใช้ 8X ก็ Reboot เหมือนกัน แต่ไม่เยอะเท่านี้)
- แอพฯดีๆที่พร้อมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันยังหาได้ยากมาก ถึงจะมีแอพฯใน Store เยอะ แต่ก็ยังหาที่มีคุณภาพไม่ค่อยจะได้จริงๆ
- Nokia ทำตลาด Windows Phone อย่างเต็มตัว มีจุดขายและจุดเด่นชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของ Nokia Exclusive Apps ที่ทำมาเพียบพร้อมมากจริงๆ เกือบทุกตัวว้าวและใช้งานได้จริง ตอนนี้กำลังสนุกกับ PhotoBeamer เดี๋ยวไว้มาพรีวิวให้ดูกัน
- กล้องยังไม่ได้ทดสอบเยอะ แต่ต้องบอกว่าคมชัดจริง กันสั่นได้จริงอย่างที่สุด แต่ไม่ประทับใจเรื่องสี ต้องมานั่งแต่งรูปทุกรูปให้มันอิ่ม อาจจะเพราะยังใช้ไม่เป็นเอง ขอปรับตัวอีกสักแป๊บ
- ไม่กล้าเอาออกมาใช้จริงๆแฮะ ถ้ายังหาเคสไม่ได้
รีวิวจะทำมั้ยเดี๋ยวขอคิดอีกทีครับผม ไม่สัญญาว่าจะทำละกัน เผอิญเบื่อๆเหนื่อยๆ อยากนั่ง Dev แอพฯบนนี้ให้เสร็จตามที่คาดหวังไว้ก็คงขายเครื่องทิ้งแล้ว ขายเมื่อไหร่จะบอกอีกทีจ๊ะ