วันก่อนมีโอกาสไปงาน Media Global Launch ของโนเกียที่จัดขึ้นในไทย ตอนแรกก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร งานทำไมชื่อดูยิ่งใหญ่อย่างนี้ พอได้ไปก็ยิ่งใหญ่จริง เพราะทั้งงานเป็นชาวต่างชาติมาพูด แล้วระหว่างนั้นก็มีข่าวจากเมืองนอก พูดถึงการเปิดตัวมือถือตระกูล Asha รุ่นใหม่แบบเดียวกับที่ประกาศในตอนเช้าเลย สรุปงาน Global Launch คืองานที่เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกนั่นเอง ดูดีและยิ่งใหญ่มาก
สำหรับมือถือที่เปิดตัวในงานนี้เป็นมือถือตระกูล Asha Touch สามตัวด้วยกันได้แก่ Asha 305, Asha 306 และ Asha 311 ถามว่า Asha Touch คืออะไร? ก่อนอื่นรู้จักมือถือตระกูล Asha ก่อน มันคือมือถือ S40 ที๋โฟกัสไปยังตลาด Mass ก่อนหน้านี้ออกมาเป็น Asha พร้อมคีย์บอร์ดทั้งแบบ QWERTY และแบบ Keypad ขายดิบขายดีในตลาดล่างไปแล้ว แต่ตอนนี้โนเกียตัดสินใจตัดคีย์บอร์ดออกทั้งหมดแล้วออกเป็น Asha Touch รันด้วยระบบปฎิบัติการ S40 Touch
(ภาพจาก MyNokiaBlog)
ก็มาดูวีดีโอพรีวิวแต่ละตัวกันเลยละกัน เริ่มจาก Nokia Asha 305 มือถือ Dual SIM จอ 3 นิ้ว ละเอียด WQVGA (240x400 พิกเซล) กล้อง 2 ล้าน ฟังวิทยุ FM ได้ ต่อ GPRS/EDGE ได้ แต่ไม่มี WiFi ให้ใช้
ต่อด้วย Nokia Asha 306 ที่เกือบเหมือน Asha 305 ต่างกันตรงที่ตัวนี้ใส่ได้ซิมเดียวแต่มี WiFi ให้ใช้ครับ
สุดท้าย Nokia Asha 311 ตัวท็อปสุดของตระกูล Asha Touch มาพร้อมซีพียู 1GHz ต่อ 3.5G (HSPA) และ WiFi ได้ กล้อง 3.2 ล้านพิกเซล จอ WQVGA เท่ากัน (แต่ในเว็บโนเกียให้ข้อมูลผิดว่าเป็น QVGA) แต่ความพิเศษของจอคือมันมาพร้อม Gorilla Glass ทนๆถึกๆด้วย
อาจจะสงสัยว่าทำไมสเปคมันดูง่อยๆแปลกๆ WiFi ก็ไม่มีให้ใช้ ต่อ 3G ก็ไม่ได้ ถ้าคุณคิดเช่นนั้นก็เพราะคุณอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟนแล้วนั่นเอง แต่ตัว Asha Touch มันไม่ได้โฟกัสตลาดนั้นเลย แต่โฟกัสไปที่ตลาดล่างล้วนๆ สนนราคาอยู่ต่ำกว่า 5000 บาททุกตัว บางตัวต่ำกว่า 3000 บาทด้วยซ้ำ (ราคาเมืองนอก)
แต่สิ่งที่เห็นแล้วรู้สึกสนใจเป็นพิเศษสำหรับตัว Asha Touch ก็คือ รู้สึกได้เลยว่ามันคือ "หมากสำคัญ" ของโนเกียในนาทีนี้ หลังจากที่ตลาดบนตอนนี้เรียกได้ว่าล้มเหลวไปเรียบร้อย Symbian ก็ตายแล้ว MeeGo ก็เงียบไป ส่วน Windows Phone ความหวังเดียวของโนเกียในตลาดบนก็ "กำลังจะ" ล้มเหลว อย่างที่เห็นกัน ดูจาก Market Share ของ Windows Phone / Windows Mobile ยังคงร่วงลงเรื่อยๆ ถึงแม้ว่า Lumia 900 จะวางขายแล้ว จึงพอสรุปในใจได้แล้วว่า Windows Phone คงเข็นไม่ขึ้นแล้ว (อันนี้พูดถึง Global นะครับ ไม่ใช่ในไทย) คงต้องตัดสินครั้งสุดท้ายกับ Apollo แหละ ถ้าออกมาแล้วยังงืดอยู่ ก็เตรียมปิดโปรเจคไปได้เลย
ดังนั้นตอนนี้หนทางเดียวที่โนเกียจะเดินต่อได้ก็คือตลาดล่าง ซึ่งถือว่าทำได้ดีพอสมควรกับ Asha ทั้ง 7 รุ่นที่ผ่านมา และคราวนี้ก็เดินเกมต่อกับ Asha Touch ที่ตอบโจทย์คนอยากได้มือถือ Touch Screen ราคาถูก ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ค่อนข้างครบครันสำหรับคนไม่ใช้อะไรมากมาย มีแม้กระทั่ง Badge Notification ส่วนโปรแกรมตอนเริ่มแรกน่าจะยังมาไม่มากมายอะไร แต่น่าจะกำลังพยายามดันอยู่ เพราะคงขายไลน์นี้อีกยาว
แต่หลังจากดูสเปคแล้วก็ต้องบอกว่ามันเป็นฟีเจอร์โฟนจริงๆ หน้าจอละเอียดเท่า Bada จอเล็ก (ที่ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว) คงจะหวังให้มันทำอะไรหวือหวาๆคงไม่ได้ เพราะสเปคทางด้านฮาร์ดแวร์ก็ไม่ได้สูงอะไร หน้าจอก็ไม่ละเอียด เท่าที่เคยลองใช้ Bada จอเล็กมา ตอนนั้นใช้ไปวันเดียวก็เลิกใช้เลย ปวดตามาก พิกเซลใหญ่เป้งๆ แต่สิ่งที่เจ้าตัวนี้เหนือกว่าบาด้าคือ มันออกแบบมาอย่างเข้าใจความไม่ละเอียดของจอ ทำให้ UI ที่ออกมาดูน่าใช้และไม่ทำให้ปวดตาเลย
จึงฟันธงได้ว่า Asha Touch เป็นอีกหนึ่งความหวังที่โนเกียจะกู้สถานการณ์ของตนกลับมาได้ หลังจาก Windows Phone หมดหวังไปแล้ว ถ้าอันนี้ยังเข็นไปได้ ก็อาจจะพอทำให้บริษัทไปต่อได้ แต่ถามว่าเยอะมั้ย? ก็คงไม่ได้เยอะมาก เพราะมือถือตลาดล่าง Margin ต่ำกว่ามือถือ Smart Phone เยอะ เรียกว่าขายได้ 10 เครื่องยังไม่ได้ Margin เท่าขาย Smart Phone เครื่องเดียวเลย
ก็มองว่า Asha Touch คือการต่อชีวิตที่คงได้ไม่ยาวมาก เพราะแอนดรอยด์กำลังจะลงมาเบียดตลาดล่างแล้ว อีกไม่นานมือถือแอนดรอยด์ราคาต่ำกว่า 3000 จะเต็มตลาด และมีแอพฯให้ลงเป็นแสนแอพฯ ยังไม่เห็นว่า Asha Touch จะสู้ได้ตรงไหน แต่กว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นคงต้องรออีก 1-2 ปี ถ้าจนถึงตอนนั้นสมาร์ทโฟนของโนเกียยังดันไม่ขึ้น ชีวิตโนเกียคงจะเหนื่อยอย่างถาวรสืบไปแน่นอน