ปัญหา ปัญหา ปัญหา
ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ คำคำนี้ก็จะวนเวียนเข้าออกชีวิตเราอยู่เรื่อยไป ส่งผลให้ทุกวันนี้เลยเห็นคำว่า "จะทำยังไงดี" "กลุ้มใจ" "เครียด" ฯลฯ จากคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา
แต่ความจริงมีอยู่ว่าปัญหามีสองอย่างคือ ปัญหาที่มีทางแก้ และ ปัญหาที่ไม่มีทางแก้
มันไม่จริงหรอกที่เค้าบอกว่าทุกปัญหามีทางออก!! ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามให้ตั้งสติแล้วมองปัญหาให้ทะลุปรุโปร่ง คำถามแรกที่ต้องตอบให้ได้คือ "ปัญหามีทางแก้มั้ย"
ถ้ามันมีทางแก้ เราก็มาวิเคราะห์ว่าปัญหาอย่างเข้าใจและหาทางออกที่ดีที่สุดและมีผลเสียน้อยที่สุด ซึ่งเมื่อเราผ่านปัญหามาสักพักหนึ่งจะรู้ว่าปัญหาจริงๆมันมี Pattern ของมัน พอแก่ตัวขึ้นเมื่อมีปัญหาเข้ามา็ก็จะแก้ได้โดยไว เหมือนได้รับโจทย์ซ้ำๆมา หลังๆก็จะตอบปัญหาได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดนั่นเอง
แต่ถ้ามันไม่มีทางแก้... ก็อย่าไปสนใจมัน!! แค่ทำอะไรให้มันดีขึ้นและลดความเครียดอันเป็นผลของปัญหาลงไป เพราะยังไงเราก็คงหนีไม่ได้อยู่ดี การหนีความจริงไปก็มีแต่พาลจะให้เราเจ็บปวดมากขึ้นเพิ่มพูนทวี
แต่ก็มีบางทีที่ปัญหาที่มีทางแก้ แต่เรามีเวลาแก้ปัญหาแค่เล็กน้อย หรือที่เรียกว่า "ปัญหาเฉพาะหน้า" ซึ่งเป็นปัญหาที่ก้ำกึ่งระหว่างคำว่ามีทางออกกับไม่มีทางออกเลยก็ว่าได้ เพราะมีเวลามาจำกัดไว้นั่นเอง
ครั้งหนึ่งเราเคยเจอปัญหาแฟนคู่หนึ่งทะเลาะกันแล้วมีคนนึงขู่จะโดดตึกพร้อมกับไปนั่งที่ขอบตึกเรียบร้อย ตอนนั้นมีคนนั่งดูจำนวนมากแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเพราะไม่มีใครทำอะไรถูก และดูจากเวลาแล้วน่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น เราก็เลยคิดด้วยเวลาอันสั้นนั่นเอง (หรือเรียกว่าคิดสั้นหรือคิดโง่ๆ) ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะคลี่คลายด้วยการเข้าไป "เสือก" (พูดกันชัดๆ ไม่มีเซ็นเซอร์เบลอนมให้หงุดหงิด) ตอนนั้นคิดว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการเข้าไปคุยหรือตกลงกันให้เข้าใจได้หรอก และเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยว่าทะเลาะอะไรกัน แต่คิดว่าอยู่เฉยๆก็ไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น การเข้าไปเสือกนี่แหละน่าจะทำให้เกิดนาทีแห่งการงุนงงและสติของคู่นั้นจะกลับมาได้
ซึ่งผลก็เป็นไปตามที่คิด เราจับแยกทั้งคู่มาคุยคนละ 30 วิ แล้วทั้งคู่ก็เกิดช่วงเวลาที่ไม่ได้ทะเลาะกันพร้อมงุนงงว่าเมิงเกี่ยวอะไรด้วยวะ และสติก็กลับมา แล้วจากนั้นคู่กรณีก็มองหน้ากัน คุยกันสามสี่คำแล้วก็แยกย้าย แต่ผลของการกระทำคือเรากลายเป็นตัวเสือกและมองหน้าสองคนนั้นไม่ติดอีกเลย ฮ่าๆๆๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะนั่นคือ "ผลของการกระทำที่เราตัดสินใจแล้ว"
พอปัญหานั้นผ่านไป เราย้อนกลับมาคิดว่า ถ้าเกิดสิ่งที่เราทำกลับได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันคือคนนั้นตัดสินใจกระโดดตึกทันทีเล่า? เราจะรู้สึกยังไง
จึงได้คำตอบที่กลายเป็นคติประจำใจที่เรายึดถือมาจนถึงทุกวันนี้
"ถ้าตัดสินใจไปแล้ว ทำไปแล้ว จงเคารพในการตัดสินใจตัวเอง
และอย่าเสียใจในสิ่งที่ตัวเองกระทำเป็นอันขาด"
จำไว้ว่า
"จงเรียนรู้เพื่อเติบใหญ่ จงตัดสินใจเพื่อเติบโต"
สวัสดีครับ ^_^