บ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำ Passport เล่มใหม่มาหลายเดือนจนครั้งที่ไปสิงคโปร์ล่าสุดเกือบซวยเพราะ Passport จะหมดอายุใน 2 เดือนแต่กฎเค้าให้ว่าต้อง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ครั้งนั้นรอดเข้าประเทศไปได้เพราะหน้าตาดีแท้ๆ... ว้ายยยยย อายจัง พูดอะไรก็ไม่รู้วววว
(สาบานได้ว่านี่อายแล้ว)
หลังจากกลับสิงคโปร์ก็ยังไม่เข็ด ผลัดไม่ยอมไปทำ Passport เล่มใหม่สักทีทั้งๆที่กงสุลอยู่ห่างจากบ้านไม่ถึงโลแท้ๆ!! อันนี้ไม่มีเหตุอื่นใดนอกจากขี้เกียจ ปิ๊งๆ
นี่ก็ผ่านมาเกือบสองเดือนละจน Passport จะหมดอายุ วันนี้เลยตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ "เอาวะ วันนี้แหละ!" แล้วก็ไปศึกษาในเนตว่าต้องใช้อะไรบ้าง ปรากฎว่า... ไม่มีข้อมูลที่บอกขั้นตอนแบบเป๊ะๆเลย รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายเลยใช้ความเชื่อส่วนตัว... เอาไปแค่บัตรประชาชนกับ Passport เดิม พร้อมเงินอีกพันนึง แค่นั้นละกัน(วะ)! ไปลองผิดลองถูกแล้วกลับมาเขียน Blog เองซะเลย ถ้าพลาดค่อยไปใหม่วันหลัง อยู่โคดใกล้บ้าน ไม่หวั่นๆ
พอรู้ดังนั้น... ก็เลยนอนต่อ.... ก็แย่แล้ว! แสรดดดดดด
รู้ดังนั้นก็อาบน้ำประแป้งแต่งตัวแล้วก็... นอนต่อ... เอ้า! ยังเล่นไม่เลิก!!
ตัดภาพไปตอนเดินทางเลยละกัน! เดินไปโลตัสหน้าบ้าน กระโดดขึ้นรถเมล์ที่ใจดีจอดรับเราทั้งๆที่ไม่อยู่ที่ป้าย (ถึงเราจะสบายแต่ก็ด่าคนขับในใจนะ ไม่ชอบ) นั่งรถไปได้สองป้ายก็กระโดดลงแล้วก็เดินอีก 2 นาทีก็ถึงกงสุล เย้~~~
ดูนาฬิกา โอ้วๆๆ ตอนนั้นก็ปาไปบ่ายสองแล้ว รู้สึกหวาดหวั่น คนต้องเยอะมหาศาลแน่ๆเลยยยยย แต่ๆๆๆๆ ไม่จริงอ่ะ คนก็ไม่ได้เยอะแต่ก็ไม่ได้น้อย ด้วยความมั่นก็เดินเข้าไปรับบัตรคิวที่เคาน์เตอร์รับบัตรคิวในบัดดล โดยสิ่งที่เค้าต้องการใช้ก็มีแค่บัตรประชาชนเท่านั้น (เย้ ได้ใช้แล้ว)
เค้าัรับไปแล้วก็ไปจิ้มคอมพ์นิดหน่อยแล้วก็ยื่นบัตรประชาชนกลับมาพร้อมกระดาษกรอกชื่อรวมถึงบัตรคิว คราวนี้ได้เลขสวยซะด้วย ได้เลข 1111 :D เสร็จก็เดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่เอาไว้ทำ Passport ห้องที่ว่านี่ใหญ่มากมีอยู่ 60 โต๊ะเลยทีเดียว เราเลยไม่ต้องรอคิวเลย ได้รับบัตรคิวก็เข้าห้องไปทำได้ทันที (เย้!! สบายยยยย)
เดินเข้าไปในห้องก็มีพนักงานให้เอาเจลล้างมือก่อน (หุหุ) เสร็จก็เดินไปโต๊ะที่เขียนไว้ในบัตรคิว ไปถึงก็วัดความสูง (ถือเป็นการวัดความสูงครั้งแรกในรอบ 4-5 ปีเห็นจะได้ เพิ่งรู้ว่าตัวเองสูง 170 ก็คราวนี้แหละ) วัดเสร็จก็นั่งจ๋องงงแล้วพนักงานจะให้เขียนรายละเอียดตัวเองลงในกระดาษใบเล็กๆที่ได้มาจากเคาน์เตอร์รับบัตรคิว เขียนเสร็จเค้าก็เอาไปกรอกลงคอมพ์แล้วก็เอาบัตรประชาชนไปสแกนพร้อมกับให้เราไปนั่งในคอกเล็กๆที่สร้างไว้ตรงโต๊ะทำบัตรเพื่อถ่ายรูปลง Passport (ดังนั้นไม่ต้องไปถ่ายรูปสองนิ้วมาจากไหนนะจ๊ะเค้าให้ถ่ายสด) อันนี้ถ่ายหลายเทคได้ไม่มีปัญหาจนกว่าจะพอใจ (หรือจนกว่าพนักงานจะไม่พอใจ)
เสร็จเค้าก็จะพิมพ์ใบรับ Passport ออกมาเพื่อให้มารับในอีก 4 วันทำการให้หลัง อ้อ! สำหรับคนไม่สะดวกเค้ามีบริการส่ง EMS ถึงบ้านด้วยนะๆ เสียเพิ่มอีก 35 บาทเท่าน้านนนน แล้วเราก็เอาใบนั้นไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ที่รออยู่ตรงทางออก เอาแบงค์เทาๆที่เขียนตัวเลขไว้ว่า 1000 อ่ะยื่นไปใบนึงแล้วก็รับใบเสร็จแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี (วันนี้จ่ายเงินพร้อมอาหนิง นิรุตต์เลย เสียงนุ่มดีจริงๆอาหนิง)
มีเรื่องฮาๆตอนทำ Passport คือเลขใบบัตรประชาชนของเรามันหายไปเสี้ยวนึง คือมองออกว่าเป็นเลขอะไรแต่ว่ามันก็โดนขูดหายไปนิดหน่อย (น่าจะจาก) เค้าก็บอกว่าอย่างงี้มันทำไม่ได้นะ มันถือว่าบัตรไม่สมบูรณ์ เค้าเลยเดินไปโต๊ะข้างๆแล้วก็... เอาดินสอมาขีดๆๆๆๆเติมให้เป็นเลขที่สมบูรณ์ อ๊ะ ใช้ได้ละ!! เทพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพพ! ประทับใจจริงๆ ให้ตายเหอะ
สรุป: หลักฐานที่ต้องใช้ในการทำ Passport ใหม่มีแค่...
- บัตรประชาชน
- Passport เก่า (ถ้ามี)
- เงิน 1000 บาท
หลักฐานที่ต้องใช้ในการรับ Passport
- บัตรประชาชน
- Passport เก่า (ถ้ามีและต้องเอามาเพื่อยกเลิก)
- ใบรับ
ข้อแนะนำ:
- วันก่อนไปทำ Passport กรุณานอนไปเยอะๆไม่งั้นรูปใน Passport จะเป็นศพ...
- แต่งหน้าและจัดแต่งทรงผมก่อนไปทำ Passport ด้วย
- บอกไม่ได้ว่ากี่โมงคนเยอะกี่โมงคนน้อย แต่เราไปตอนบ่ายสองก็เข้าไปทำได้เลยไม่ต้องรอ
- มันทำ Passport ได้หลายที่ แต่ที่กงสุลน่าจะเวอร์คสุดละ
~~~ จบ ~~~