"ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง เพื่อความฝันและวันข้างหน้า วันนี้เหนื่อยไม่ว่าถ้าหากมันทำให้มีวันหน้าที่สวยงามได้"
รีวิว Nokia E72
19 Nov 2009 04:34   [85351 views]

มาแล้วจ้า รีวิวร้อนๆของโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าที่คาดว่าจะขายดีติดอันดับต้นๆอีกรุ่นนึงอย่าง Nokia E72

เท่าที่รู้มามีคนรอเจ้า E72 อยู่จำนวนมาก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ทั่วโลกเลยทีเดียว เพราะมันเป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก Nokia E71 ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขายดีติดอันดับต้นๆตลอดกาลรองจาก Nokia 3310, Nokia N95 และ Nokia N72 ...ซึ่งแน่นอนเราก็เป็นหนึ่งในนั้น!! ฮ่าๆๆๆ รอมานานมากกกกกกเลยแหละ เพราะส่วนตัวชอบ E71 มากๆ พอรู้ว่า E72 จะมาก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยเลยทีเดียว พอวางขายก็เลยไปสอยมาตั้งแต่ชั่วโมงแรกเลยทีเดียว :p ด้วยค่าตัว 14100 บาทถ้วน! จึงถือโอกาสหยิบยกมารีวิวให้ดูกันว่ามันเป็นรุ่นที่สมควรเสียเงินได้มาหรือไม่อย่างไร


= แกะกล่อง =

กล่อง Nokia E72 ภายนอกไม่มีอะไรแตกต่างจากกล่องมือถือโนเกียมาตรฐานทั่วไป

เช่นเดียวกับภายใน... ~ ~

อ๊ะ ลืมทักทาย สวัสดี E72 ที่ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก >_<


เพื่อความรวดเร็วจึงขอเอาของทุกอย่างในกล่องมาวางเรียงชักภาพโดยถ้วนหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงไปทีเดียวเลยละกันนะ!

อย่างที่เห็น ในกล่องประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่
  • Wall Charge
  • ซองหนังพร้อมสายคล้อง
  • Small Talk
  • ผ้าเช็ดจอ
  • สาย USB สั้นจัดๆราวกับต้องการประหยัดงบ
  • คู่มืออะไรนักหนาไม่รู้ 5 เล่ม

ถ้าใครเปิดมาแล้วสงสัยว่าโดนร้านโกงรึเปล่า ทำไมของน้อยจัง อันนี้ก็บอกได้เลยนะฮะว่าไม่ได้โกงงงง มันมีแค่นี้~~~


= โชว์ตัว =

E72 ออกแบบมาจาก E71 ทำให้หน้าตาโดยรวมค่อนข้างเหมือนกัน จะต่างก็แค่ขนาดเพียงเล็กน้อยเพราะ E72 จะกว้างกว่าเล็กน้อย (ประมาณ 2 มิลลิเมตร) แต่ก็ทำให้มันดูอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยหละ

ในภาพอาจจะดูไม่ชัดนักแต่ตัวเครื่องด้านล่างจะอ้วนกว่าด้านบนทั้งฝั่งกว้างและฝั่งหนา

ตรงนี้ถือเป็นอีกสิ่งที่ต่างจาก E71 เพราะ E71 ด้านล่างจะเล็กกว่า นอกจากนั้นคีย์บอร์ดก็ยังออกแบบต่างกันด้วย ตัว E72 จะออกแบบขนานไปกับขอบทำให้ดูทื่อๆ ในขณะที่ E71 ออกแบบแบบไม่แคร์ขอบ ทำให้ดูมีมิติกว่า การดีไซน์ตรงนี้ทำให้ E72 ดูอ้วนและไม่ค่อยสวยนักถ้าเทียบกับ E71 อีกสิ่งที่ทำให้ E71 ดูมีค่ามากกว่าคือพื้นที่ด้านล่างถูกทำด้วยวัสดุมันวาวสวยงามทั้งหมด แต่ของ E72 กลับมีแค่ขอบ ทำให้ดูทื่อเข้าไปอีก ลองดูเทียบกันเองด้วยตาเลยละกัน

คราวนี้แว้บมาดูด้านหลังของเจ้า E72 กันบ้าง

ด้านหลังประกอบด้วยกล้อง ลำโพงและฝาหลัง กล้องด้านหลังของ E72 ทำออกมาได้นูนออกมาพอสมควร แต่ก็ให้อภัยเพราะกล้องดี ส่วนฝาหลังยังคงความมันวาวสวยงามเพียงแต่ของ E72 ดูธรรมดาไปนิดเพราะเป็นเส้นๆ ในขณะที่ของ E71 เป็นจุดๆทำให้ดูดีกว่า

ฟังๆดูแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรดีเลย แต่จริงๆแล้วถ้าไม่ไปเทียบกับ E71 มันก็ถือว่าทำได้ผ่านเกณฑ์มาเยอะเลยนะ สวยทีเดียวเชียวแหละ!

แต่ถึงมันจะอ้วนแต่มันก็มีข้อดี ด้วยความโค้งตรงส่วนล่างของฝาหลังของมันทำให้มันรับกับนิ้วมื้อได้ดี กอปรกับน้ำหนักที่หนักกำลังพอดี รวมถึงขนาดที่กำลังพอดีมือ ทำให้ E72 ถือง่ายกว่ามือถือ Bar Type รุ่นอื่นๆ

มาดูช่อง USB และ microSD Card Slot กันบ้าง

เบื้องต้นต้องบอกว่าทำมาได้แน่นหนาและสวยดีทีเดียว ช่องทำได้เนียนเรียบไปกับ Body เลย เยี่ยมๆ ซึ่งพอแกะแล้วก็โอเค ไม่รู้สึกว่าเสียวหักแต่อย่างใด

ส่วนฝั่งอื่นๆก็อาจจะเห็นกันบ้างแล้วคือด้านบนจะมีปุ่มเปิดปิดและช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 mm ส่วนฝั่งขวาเป็นปุ่ม Volume และ Voice Command

คราวนี้มาเปิดฝาหลังให้ดูดีกว่า ฝาหลังทำออกมาได้เปิดง่าย เพียงแค่ใช้นิ้วดันล็อคมันก็เด้งออกมาแล้ว

ถาดใส่ซิมทำออกมาเป็นถาดเลื่อน สังเกตได้ไม่ยาก แต่ถ้าคนไม่รู้ก็อาจจะงงได้เหมือนกันว่าใส่ซิมยังไง(วะ)

พูดเรื่องตัวเครื่องมานานละ ขอพูดเรื่องวัสดุบ้างละกัน


= วัสดุ =

วัสดุของ E72 ประกอบด้วยพลาสติกชุบด้านเป็นส่วนใหญ่ทั้งตัวเครื่องและคีย์บอร์ด ส่วนรอบๆเครื่องเป็นวัสดุชุบมันวาว สุดท้ายคือตัว I ตรง Softkey น่าจะทำจากอลูมิเนียมซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับใน Nokia E52 โดยรวมแล้วการที่มันเป็นพลาสติกชุบด้านเสียส่วนมากนี้เองทำให้มันดูมีค่าน้อยลงถ้าเทียบกับ E71 ที่เป็นมันวาวทั้งตัว


ต่อไปก็เรื่องงานประกอบ


= งานประกอบ =

หลังจากได้จับมา 1 วันเต็มๆก็พบว่า Nokia E72 วัสดุและความแน่นหนาอยู่ในระดับ"ดีค่อนข้างมาก" ให้ 4 ดาวเต็ม 5 ละกัน แต่ก็ไม่ถึงกับระดับดีมากเพราะถ้าให้เทียบนั้นมันถือว่าแย่กว่า Nokia E71 อย่างเห็นได้ชัด


Nokia E71 มีเสน่ห์ตรงที่ทุกอย่างแน่นหนาจนรู้สึกเหมือนมันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว คงเทียบได้กับเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ชิ้นเดียวย่อมดูดีกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้หลายๆชิ้นต่อกัน แต่ Nokia E72 ที่พัฒนาจาก E71 อีกทีกลับโยนเสน่ห์นี้ทิ้งไปเสีย เริ่มจากฝาหลังที่พลาดอย่างแรงงงเพราะไม่แน่นเอาเสียเลย เนื่องจากออกแบบระบบล็อคมาได้ผิดหลักเครื่องกลทำให้มันไม่แน่นหนา โคลงเคลงได้ (ถึงจะไม่มากก็ตาม) แถมถ้าออกแรงกดเพียงเล็กน้อย ฝาหลังก็ยุบตามแรงกดไปด้วยซะงั้น แลดูก๊องแก๊งมาก อีกอย่างที่พลาดคือปุ่มกด การกดคีย์บอร์ดของ E72 ไม่ให้ความรู้สึกแน่นหนาเลย รู้สึกเหมือนกดพลาสติกธรรมดา ต่างกับ E71 ลิบลับ

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าให้ Rank ตามความพอใจ มันก็ยังอยู่ในระดับที่พอใจ"มาก"และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป


= Optical Navigator Keys =

ถือเป็นจุดขายของ E72 เลยก็ว่าได้เพราะมันมากับสิ่งที่เรียกว่า Optical Navi Keys หรือการควบคุมการเลื่อนบนล่างซ้ายขวาด้วยการเลื่อนนิ้ว ไม่ต้องกดปุ่มแต่อย่างใด!! (แต่ถ้าต้องการกดปุ่มก็กดได้เช่นกัน มันมีมาให้ด้วยในเซต) ถือเป็นจุดขายจริงๆ แถมขายเราได้ซะด้วย!! ชอบจริงๆเจ้าสิ่งนี้ >_<

ต้องบอกก่อนว่า E72 ไม่ได้เอา Optical Navi Keys มาแค่เพื่อนเลื่อนซ้ายขวา แต่มันยังเอาไว้คุมฟังก์ชั่นหลายๆอย่างอีกด้วยเช่น Autofocus ของกล้อง คราวนี้มันเลยเหมือนการกดปุ่มกล้องเข้าไปนิดหน่อย เพราะแค่แตะเบาๆที่ Navi Key มันก็ Autofocus ให้ จากนั้นออกแรงอีกหน่อยก็เป็นการถ่ายภาพ เจ๋ง!!


อีกอย่างนึงที่ชอบสำหรับ Optical Navi Key คือไม่จำเป็นต้องใช้นิ้วเปล่าๆรูด ใส่ถุงมือก็รูดได้ หรือจะใช้คัตตอนบัตมารูดๆก็ยังได้!! โหะๆๆๆๆ


= กล้อง =

รีวิวมือถือทั้งทีถ้าไม่พูดถึงกล้องคงบาปหนัก เอาจริงๆสาเหตุหลักที่เราซื้อ E72 ไม่ใช่เพราะว่ามันใหม่ แต่เพราะเราชอบ E71 มากกกกกกกกกก แต่ปัญหาใหญ่ของ E71 คือกล้องกากมากกกกกกกกก แต่ E72 กล้องทำออกมาได้ดีขึ้น (ดูจากรีวิวเมืองนอก) ก็เลยตัดสินใจซื้อมาเพื่อใช้แทน E71

ใช้ครั้งแรกยอมรับว่าค่อนข้างงงกับโปรแกรม Camera ของ E72 เพราะปุ่มควบคุมต่างๆเปลี่ยนไปจาก E71 เช่นการออโตโฟกัสที่เดิมใช้การกดปุ่ม T แต่ตอนนี้ใช้การสัมผัส Optical Navi Key แทน แต่พอใช้จนชินแล้วก็พบว่ามันทำงานได้ดีมากทีเดียวเพียงแต่ต้องรอให้ชินก่อน


หลังจากเล่นกล้องมันมา 1 วันเต็มๆในหลายๆสภาพแสงและสถานที่จึงสรุปข้อดีข้อเสียได้เป็นดังนี้

ข้อดี

1. ภาพตอนกลางวันชัดมาก 5 ล้านพิกเซลคือ 5 ล้านพิกเซล

2. การ Auto Focus ด้วยการสัมผัส Optical Navi Key ทำได้สะดวกมากและเจ๋งดี

3. Capture ภาพได้เร็วดี สมเป็นโนเกีย

ข้อเสีย

1. ภาพตอนกลางคืนหรือตอนแสงน้อยมี Noise เยอะมาก

2. โปรแกรมควบคุมยาก เวลาต้องการเปลี่ยนโหมดต้องกดซ้ายเพื่อเรียกเมนู พอทำอะไรเสร็จต้องกดขวาเพื่อเก็บเมนู ไม่งั้นจะถ่ายต่อไม่ได้ ถ้าใครคุมไม่เป็นก็ถ่ายภาพไม่ติดแน่นอน

3. Auto Focus ยังทำได้ช้า

4. รู้สึกเหมือนภาพที่ได้รับจากกล้องมาแสดงผลบนจอ Viewfinder จะกระตุกเล็กๆ

5. แตะปุ่มถ่ายภาพค้างไว้ไม่ได้ เพราะมันจะ Auto Focus ตลอด

6. มีบั๊กปิด Flash ไม่ได้ในบางโหมด (ที่เจอคือถ้าเปิด Auto จะปิด Flash ไม่ได้ แบบว่ากรูจะ Auto!!)


แต่ถ้าถามโดยรวมเนยคงบอกว่าภาพออกมาค่อนข้างน่าพอใจ ให้สัก 3.5 เต็ม 5 ละกัน (ของ E71 เนยให้ 0.25)


ทีนี้ไปดูเองละกันว่าภาพแต่ละภาพเป็นยังไงบ้างโดยแบ่งเป็นที่ที่ถ่ายด้วยแสงดีและแสงไม่ดี (รูปทั้งหมดนี้ไม่ได้ผ่านการแต่งทั้งสีหรืออะไรทั้งสิ้น มาจาก E72 ตรงๆเลย)


แสงดี

แสงไม่ดี


= กล้องหน้า =

E72 นี่ครบครันจริงๆยอมรับ มีครบทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่กล้องหน้า! ถึงภาพจะออกมาไม่สวยนักตามประสากล้องหน้า แต่ก็ถือว่าโอเคเลย (ภาพตัวอย่างนี้ถ่ายใน True Coffee ที่สภาพแสงเฮงซวยมาก)


= ออกแบบมาเพื่อ Social Network =

จะบอกว่าโนเกียออก E72 มาเพื่อฟันกับ BB ก็อาจจะใช่เพราะ E72 มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ซ้อนทับกับ BB หลายตัวเช่นการเช็คอีเมล์และเล่น IM ต่างๆไม่ว่าจะเป็น MSN, Yahoo Messenger และ Google Talk ผ่านหน้า Homescreen ได้ทันที ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม

ถึงมันจะทำงานไม่เหมือน BB แต่คำนวณดีๆ ส่วนตัวคิดว่าคุ้มกว่า BB นะ (ถ้าตัดเรื่องสังคม BB ทิ้งไป)


= ซอฟต์แวร์ =

เอ่อ... ไม่พูดถึงได้ป่ะ ขี้เกียจอ่ะ ~ ~ มันก็ Series 60 3rd FP2 ดีๆนี่แหละ มาพร้อมโปรแกรมพื้นฐานทั่วไปเช่นโปรแกรม Note, Calendar, Nokia Maps 3.0 บลาๆๆๆ ที่จะดูพิเศษหน่อยคือมันผนวกมาด้วยโปรแกรมเกี่ยวกับ Social Network ผูกมากับ OS เลย


= คีย์บอร์ดที่แอบแฝงความสามารถนับสิบ =

เห็นคีย์บอร์ดเรียบๆแบบนี้เถอะ จริงๆแล้วทำอะไรได้เยอะมาก ถ้ารู้คีย์จะสะดวกต่อการใช้งานมากๆ เช่นการเปิดปิด Bluetooth การเปิดปิดเสียงเรียกเข้า การเล่นเพลงใน Music Player ฯลฯ


= ซองมีขั้ว! =

คำว่ามีขั้วในทางวิทยาศาสตร์คือการที่สองด้านไม่เหมือนกัน นั่นแปลว่าการเอามือถือใส่ซองถ้ากลับข้างจะมีผลต่างกันทั้งๆที่ซองมีความสมดุลทุกด้าน!! กล่าวคือถ้าใส่ด้าน A เข้าไปจะมีเสียงครืดดดดดจนคนรอบข้างตกใจ น่ากลัวจนไม่กล้าใส่ซองเลยหละ แต่ถ้าใส่ด้าน B เข้าไปกลับไม่มีปัญหาตรงนี้


ตอนแรกยอมรับว่าโง่เพราะนึกว่าซองมันคับจนไปขูดกับตัวเครื่อง แต่จริงๆแล้วปัญหานี้น้องธี thee98 แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วว่าจริงๆมันเป็นเพราะตะไบตัว C ที่อยู่ตรงกล้องต่างหาก

ถ้าเราหันด้านที่มีตะไบตัวนี้เข้าซองมันจะไปขูดกับซองจนเกิดเสียงครูดแต่ถ้าเราใส่ฝั่งตรงข้ามเข้าไปจะไม่เจอปัญหาใดๆเลย! ดังนั้นใครซื้อมาก็ระวังนะก๊ะ ซองมันมีขั้ว!! ใส่ให้ถูกด้านหละ


= Theme Effect ตัวขัดความสุข =

ตอนแรกได้เครื่องมาก็พบว่าทำไมเครื่องมันดูเหมือนจะอืดๆ ไม่ค่อยพริ้วไหวทั้งๆที่ CPU ตั้ง 600 MHz สุดท้ายจึงได้พบว่ามันเปิด Theme Effect ไว้นั่นเอง ถึงมันจะทำให้ดูเหมือนสวยขึ้น แต่จริงๆมันทำให้อืดขึ้นและไม่สะดวกในการใช้งานเลย จึงใคร่ขอแนะนำให้ปิด Theme Effect ไปนะฮะ แล้วชีวิตจะมีความสุขในการใช้งานขึ้น 85%


= ความเทพ =

หลายคนคงถามว่า E72 มันเทพอย่างไร ทำไมคนถึงอยากได้กันเยอะจัง ขอเขียนความเท่ของมันเป็นข้อๆละกันนะ

  • CPU เป็น ARM11 ที่มีความเร็วสูงถึง 600 MHz ถือว่าเยอะที่สุดในตระกูลซิมเบี้ยนแล้ว ดีไม่ดีเยอะกว่า OS อื่นๆด้วยซ้ำไป
  • กล้องชัด
  • หน้าตาดี
  • เมมภายในมีถึง 250 MB
  • มี microSD แถมมาให้ 4GB โอ้ววว
  • นอกจาก Acceletometer แล้วมันยังมี Compass บอกทิศทางใน Map ได้ด้วย
  • มีทุกอย่างครบไม่ว่าจะเป็น WiFi, Bluetooth 2.0, A-GPS และ 3G
  • วิทยุยังมีอ่ะ
  • ราคาไม่แพงเกินไป

หรือจะให้สรุปสั้นๆว่า "คุณได้ครบทุกอย่าง" และที่สำคัญคือทุกอย่างที่คุณได้เป็นทุกอย่างที่ไม่กากเสียด้วย ไม่ได้สั่งแต่ให้มี แต่ทุกสิ่งที่มีมัน "ดี" หมดเลย


= สรุป =

สำหรับคนที่คิดจะซื้อ แนะนำให้ลองจับเครื่องจริงดูก่อน ถ้าชอบดีไซน์เนยก็คงบอกได้สั้นๆว่า

"ซื้อเถอะครับ โคดคุ้ม!!"

ทั้งนี้ทั้งนั้นเนยไม่สนับสนุนการซื้อมือถือพร่ำเพรื่อนะครับบอกไว้ก่อน ไม่ใช่เห็นว่ามันสวยเลยอยากได้ใหม่ทั้งๆที่อันเก่าเพิ่งซื้อมาไม่นาน อันนี้ให้คิดดีๆก่อนเพราะประเทศเราขาดดุลด้านมือถือมามากละ ไม่อยากให้เสียไปมากกว่านี้เพียงเพราะความอยาก ฝากไว้แค่นี้แหละครับ


Enjoy!!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jun 23, 2009, 00:19
8653 views
แกะกล่อง N97
Feb 13, 2010, 11:47
5244 views
Nokia N87 ซิมเบี้ยนกล้อง 12 MP?
0 Comment(s)
Loading