บล็อกที่แล้วเราพรีวิวมือถือ Samsung Galaxy S10+ แบบภาพรวมกันไปแล้ว มาบล็อกนี้ถึงคิวของการเจาะลึกไปที่ "กล้อง" โดยเฉพาะเลย ซึ่งถึงจะมีเวลาเล่นกับมันแค่วันเดียว แต่ก็ใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่า ไปถ่ายมาทั้งกลางวันกลางคืนท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บจนเจ็บตับ เพื่อให้เห็นกันไปเลยว่าภาพถ่ายที่ออกมาจากมือถือรุ่นนี้เป็นยังไง น่าพอใจแค่ไหน รวมถึงมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เอ้า มาดูกันนนนน
หมายเหตุ: ภาพทั้งหมดในบล็อกนี้ไม่มีการปรับแต่งยกเว้นภาพในโหมด Long Exposure ที่มีการทดสอบดึงแสงไฟล์ RAW (DNG) ครับ
สเปคกล้อง
ก็เริ่มจากสเปคกล้องก่อนเลยละกันนะ มือถือในตระกูล S10 มีกล้องอยู่ทั้งหมด 5 ตัว ด้วยกัน แบ่งเป็นกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้า 2 ตัวดังนี้
- กล้องหลัง Wide - อันนี้เป็นกล้องหลักของเครื่องละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 77° รูรับแสงแบบ Dual Aperture ขนาด f/1.5 และ f/2.4 เซนเซอร์ขนาด 1/2.55" มาพร้อม OIS
- กล้องหลัง Tele - กล้องซูมละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 45° รูรับแสงขนาด f/2.4 เซนเซอร์ 1/3.6" มาพร้อม OIS
- กล้องหลัง Ultra Wide - กล้องมุมกว้างละเอียด 16 ล้านพิกเซล มุมมอง 123° รูรับแสงขนาด f/2.2
- กล้องหน้า Wide - กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงชนาด f/1.9
- กล้องหน้า RGB Depth - ละเอียด 10 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายได้แต่หลัก ๆ เอาไว้วัดความลึกของภาพเพื่อทำหน้าชัดหลังเบลอสำหรับกล้องหน้า
โดย S10+, S10 และ S10e จะมีจำนวนกล้องต่างกันไปตามนี้
- S10+ มีกล้องครบทั้ง 5 ตัว
- S10 ถูกตัดกล้องหน้า RGB Depth ทิ้งไป เหลือกล้องหน้าแค่ตัวเดียว รวมมีกล้องทั้งหมด 4 ตัว
- S10e ถูกตัดกล้องหน้า RGB Depth และกล้องหลัง Tele ทิ้ง รวมมีกล้องทั้งหมด 3 ตัว
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามรุ่นใช้กล้องตัวเดียวกันหมด ดังนั้นบล็อกนี้ถึงจะใช้ S10+ ลอง แต่ก็สามารถใช้อ้างอิงกับทั้งสามรุ่นได้ครับ
ซึ่งพอดูจนจบจะรู้ว่าการที่กล้องของ S10 และ S10e ถูกตัดเหลือ 4 และ 3 ตัวตามลำดับนั้นไม่ได้ส่งผลให้ความเทพของภาพถ่ายลดลงเลย ก็มาดูกันทีละฟังก์เลยละกันนะ
มุมมองภาพกล้องหลังทั้งสามตัว
ก็จะเห็นจากสเปคว่ากล้องแต่ละตัวมีองศาภาพต่างกัน เรามาดูกันว่าแต่ละตัวภาพต่างกันยังไงบ้าง (ทั้งสามภาพถูกถ่ายจากจุดเดียวกัน)
กล้อง Ultra Wide (4608x3456 พิกเซล)
สำหรับภาพของกล้อง Tele และกล้อง Wide จะค่อนข้างตรงในขณะที่ภาพจาก Ultra Wide จะมีความบิดเบี้ยว (Distort) นิดหน่อย ซึ่งสามารถเปิดให้มันแก้กลับมาตรงได้ด้วยครับ (ปกติจะปิดไว้)
ส่วน Resolution ก็จะเป็นไปตามสเปคของกล้องเลย ตัว Ultra Wide จะได้ภาพที่ใหญ่กว่าของกล้องอีกสองตัวพอสมควร
ทางด้านสี ภาพจากกล้อง Ultra Wide เหมือนจะถูกแต่งมานิดหน่อยให้ภาพดูสดขึ้น ซึ่งจากที่ถ่ายถือว่าทำสีได้เหมาะสมกับมุมมองภาพเลยนะ
ตัวอย่างจากกล้อง Ultra Wide อีกนิดหน่อย
หลังจากเดินถ่ายไปได้สักพักก็พบว่าเราชอบภาพจากกล้อง Ultra Wide มากกกกก เลยขอมาอวดเพิ่มอีกนิดหน่อย
ใครได้ S10 มาใช้ก็ลองใช้กล้อง Ultra Wide ถ่ายรูปดู จะได้มุมมองที่แปลกใหม่และสวยมาก แนะนำเลย ๆ
Scene Optimizer (กล้อง AI)
ฟีเจอร์นึงที่มีมาหลายรุ่นแล้วแต่เราเลือกที่จะปิดมาตลอดคือ Scene Optimizer แต่พอมาเป็นรุ่นนี้ก็พบว่ามันดีขึ้นมากและเลือกที่จะเปิดตลอด
Scene Optimizer คือกล้องที่มาพร้อม AI ช่วยวิเคราะห์ว่าฉากที่เรากำลังถ่ายอยู่นั้นเป็นฉากแบบไหนพร้อมกับปรับสีให้เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราถ่ายต้นไม้ มันก็จะดึงค่าความอิ่มสีให้สูงขึ้นเพื่อให้ภาพสดขึ้น แล้วก็ดึงอย่างเหมาะสมด้วย ไม่ใช่ดึงจนหลอก
ซ้าย - ปิด Scene Optimizer, ขวา - เปิด Scene Optimizer
ซ้าย - ปิด Scene Optimizer, ขวา - เปิด Scene Optimizer
ความเจ๋งของ AI เบื้องหลังนี้คือ มันเรียนรู้ภาพมาจากกว่า 100 ล้านภาพที่ซัมซุงจ้างช่างภาพถ่ายมา และการทำงานก็รวดเร็วมากเพราะ S10 เป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ Neural Processing Unit (NPU) แยกต่างหากเพื่อรัน AI โดยเฉพาะ ซึ่งก็ยืนยันจากการใช้จริงว่าทำงานเร็วมากจริง ๆ และภาพก็ออกมาสวยเกือบทั้งหมดแบบไม่หลอกด้วย ยังมีความเรียลทุกภาพ
สำหรับคนที่แต่งภาพไม่เป็นฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากมาย เปิดทิ้งไว้ได้เบยยยย
Scene Optimizer ยังมีประโยชน์มากตอนถ่ายกลางคืนเพราะจะได้ความสวยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกับฟีเจอร์ Bright Night และ Star Effect
Bright Night
กล้องมือถือซัมซุงถือเป็นกล้องที่ถ่ายภาพกลางคืนอยู่ในระดับดีมากอยู่แล้ว แต่พักหลังก็มีมือถือหลายรุ่นออกฟีเจอร์ถ่ายกลางคืนดีเว่อร์ ๆ มาอีก ตัวที่เด็ด ๆ ก็คงหนีไม่พ้น Google Pixel ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Night Sight ที่ถ่ายภาพกลางคืนออกมาสว่างมาก บางคนชอบแต่บางคนก็ไม่ชอบเพราะรู้สึกว่ามันหลอก
ทางซัมซุงก็เลยออกฟีเจอร์ถ่ายกลางคืนออกมาอีกตัวชื่อ Bright Night อยู่ภายใต้ Scene Optimizer (เปิดไว้โดย Default) ตอนถ่ายมันจะถ่ายภาพหลาย ๆ Exposure พร้อม ๆ กันแล้วเอามารวมกันเป็นภาพเดียวเพื่อเร่งความสว่างและยังเก็บรายละเอียดได้อยู่ ทำให้ได้ภาพที่สว่างขึ้นมาก แต่ก็ไม่หลอกและยังเก็บรายละเอียดได้ครบ
อย่างเช่นภาพนี้ถูกถ่ายในที่ "มืดมาก" มืดจนมองสีแทบไม่เห็น (มืดกว่าในภาพมากกว่า 80%) แต่ภาพออกมากลับสว่างเหมือนมีแสงพอแถมรายละเอียดยังครบ (ขอโทษทีที่ลืมถ่ายภาพอ้างอิงแบบไม่เปิด Bright Night มา)
แนะนำให้เปิด Bright Night ไว้ตลอดครับ ภาพออกมาสวยเสมอในทุกสถานการณ์แบบไม่ต้องคิด
อย่างไรก็ตาม ภาพในโหมด Bright Night นั้นไม่สามารถเทียบได้เลยกับโหมด Night Sight ของ Google Pixel อันนั้นสวยกว่ามากแต่ก็หลอกกว่าพอสมควร ส่วน Bright Night มากับอีกแนวคิดนึงที่ไม่ได้สว่างขนาดนั้นแต่ยังดูธรรมชาติอยู่
Star Effect
เป็นเอฟเฟกต์อีกอันที่ชอบมากเพราะมันทำเลียนแบบกล้องใหญ่ได้ค่อนข้างเนียน เอฟเฟกต์ตรงตามชื่อเลยคือมันจะตรวจหาส่วนที่เป็นไฟดวง ๆ แล้วก็สร้างไฟแฉก ๆ ให้
แต่บางทีก็อาจจะเยอะเกินไป ...
ส่วนใหญ่จะสวยแต่ถ้าเยอะแบบนี้ก็อาจจะต้องปิดบ้างในบางกรณีครับ
Shot Suggestion
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เราว่ามันเจ๋งมากกกกกกกกกกก คือแก้ปัญหาชีวิตมนุษย์ทั่วไปได้ครึ่งโลกเลยคือฟีเจอร์ Shot Suggestion ที่จะช่วยแนะนำให้ว่าเราควรจะขยับกล้องไปตรงไหนเพื่อให้ภาพถ่ายออกมาสวยที่สุด
พอขยับถึงจุดมันก็จะถ่ายให้อัตโนมัติเลย แช๊ะะะ
คนที่ถ่ายรูปไม่สวย จัดคอมโพสไม่เป็น ฟีเจอร์นี้ช่วยคุณได้มาก ๆ ลองละว่ามันช่วยได้ระดับนึงเลยจริง ๆ ยิ่งถ้าจะถ่ายรูปคนนะ แฟนบ่นน้อยลงแน่นอน
ยกเว้นถ่ายแล้วบ่นว่าอ้วน อันนี้ไม่รู้จะช่วยยังไงจริง ๆ ไม่ใช่ความผิดกล้องอ่ะนะ ...
Live Focus ระยะเดียวกับถ่ายปกติ ถ่ายได้แม้กลางคืน ไม่มี Noise ให้เห็น
Live Focus หรือโหมดหน้าชัดหลังเบลอเป็นโหมดนึงที่เราใช้งานบ่อยมากเพราะภาพถ่ายออกมาสวย แต่ปัญหาใหญ่คือระยะถ่ายนั้นไกลกว่าปกติจนถ่ายยากและก็โอกาสถ่ายติดนั้นน้อยมาก มันชอบจับฉากหลังไม่เจอ แต่ S10 มีการปรับปรุงแล้วทั้งเรื่องความแม่นยำ แถมถ่ายตอนกลางคืนได้ด้วย สวยกิ๊กเหมือนโหมดปกติเลย ! ไม่มี Noise ให้เห็น
อาหารเป็นอาหาร เลิฟมาก
และที่ปรับปรุงขึ้นเยอะมากอีกอย่างคือ "ระยะ" ที่ถ่ายได้ระยะเดียวกับการถ่ายปกติแล้ว
ซ้าย - ถ่ายปกติ, ขวา - Live Focus
สรุปคือ
Live Focus ตอนนี้คือการถ่ายโหมด Auto ที่สามารถทำหน้าชัดหลังเบลอได้ ใช้งานจริงได้ทุกสถานการณ์แล้นนน
เพื่อความเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมมันถึงดีขึ้นขนาดนี้ได้ เรามาทำความเข้าใจเบื้องหลังการทำงานของโหมด Live Focus กันก่อน
พื้นฐานของการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ (Live Focus) คือการทำงานร่วมกันของกล้องสองตัว
ตัวที่ 1) กล้องที่เอาไว้ถ่ายรูป
ตัวที่ 2) กล้องที่เอาไว้วัดความลึกของภาพ (Depth) โดยใช้ความต่างของสองภาพ - กล้องตัวนี้จะต้องมีมุมถ่ายภาพที่กว้างกว่ากล้องตัวแรกเสมอ
ด้วยเงื่อนไขที่ว่ามา ในรุ่นก่อนหน้าที่มีแค่กล้อง Wide และ Tele มือถือก็เลยต้องใช้กล้อง Tele ในการถ่ายรูป และ กล้อง Wide ในการวัดความลึก ผลที่เห็นชัดเจนอย่างแรกคือพอสลับไปโหมด Live Focus ภาพจะถูกซูมเข้าไป (เพราะใช้ Tele ถ่าย) ถ้าจะถ่ายคนต้องถอยหลังไปหลายก้าวอยู่ถึงจะสวย และข้อสองคือถ้าดูสเปคจะรู้ว่ากล้อง Tele เป็นกล้องที่ถ่ายรูปกลางวันได้โอเค แต่กลางคืนนี่เละเทะ ส่งผลให้ Live Focus ในรุ่นก่อนหน้านี้ไม่สามารถถ่ายในโหมดกลางคืนได้
แต่พอเป็น S10 ที่มีกล้อง Ultra Wide เพิ่มขึ้นมา กล้องที่เอาไว้ใช้ถ่ายรูปเลยถูกสลับมาเป็น "กล้อง Wide" ซึ่งเป็นกล้องตัวหลักและเทพที่สุดในบรรดากล้องทุกตัวของมือถือแทน ส่วนกล้องที่เอาไว้ใช้วัดความลึกก็กลายเป็นกล้อง Ultra Wide
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ภาพ Live Focus บน Samsung Galaxy S10 จึงไม่ถูกซูมเข้าอีกต่อไป ถ่ายโหมดปกติยังไง Live Focus ก็จะระยะเดียวกันอย่างนั้น และก็สามารถถ่ายกลางคืนได้ไม่มี Noise ภาพออกมาสวยงามมากกกกกแม้ที่แสงน้อยเพราะฟีเจอร์อื่น ๆ ของการถ่ายกลางคืนด้วยกล้อง Wide ก็ยังคงอยู่ครบ
ส่วนผลพลอยได้จากการที่ใช้กล้อง Ultra Wide ในการวัดความลึกคือ ความต่างของภาพจากสองกล้องมีมากขึ้น ทำให้กล้องจับ Live Focus ได้เร็วและแม่นยำขึ้นมาก โอกาสถ่ายติดเรียกได้ว่าเกิน 90% จากเดิมต้องเล็งแทบตายกว่าจะติด Live Focus ได้
ซึ่งการปรับปรุงนี้มีให้ใช้บนทั้ง Samsung Galaxy S10 ทั้งสามรุ่นแม้แต่ S10e และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงเลือกตัดกล้อง Tele ออกไปจาก S10e ไม่ใช่ Ultra Wide ครับ
สำหรับเราถือเป็นการปรับปรุงใหญ่ที่ทำให้รู้สึกอยากได้ S10 เลย แถมใช้ได้หมดทุกรุ่นด้วยไม่มีจำกัดรุ่นเล็กรุ่นใหญ่
Live Focus ปรับ Effect ด้านหลังได้
ก่อนหน้านี้เราทำได้แค่ปรับความเบลอ แต่ตอนนี้เราสามารถปรับ Effect ของส่วนด้านหลังได้ด้วย
สามารถปรับได้ทั้งหมด 4 แบบคือ เบลอปกติ ด้านหลังเป็นสีขาวดำ ด้านหลังเบลอแบบวง และสุดท้ายเบลอแบบพุ่งเข้า
ลอง ๆ ดู ส่วนตัวว่าที่ใช้จริงได้คือเบลอปกติและสีขาวดำ แต่ก็สวยเลยนะ
Effects (Filter)
พวกฟิลเตอร์ต่าง ๆ ยังคงอยู่ครบ แต่ที่ชอบสุด ๆ ก็ยังคงเป็นการถ่ายขาวดำ
นอกจากนี้ถ้า Effect ยังมีไม่พอก็สามารถโหลดเพิ่มได้อีกด้วย
การถ่ายย้อนแสง
การถ่ายภาพย้อนแสงก็ยังคงทำได้ดีในรุ่นนี้ครับ
ยิ่งถ้าถ่ายย้อนแสง + Ultra Wide ก็จะสวยแปลกตาขึ้นไปอีก
ก็ลองกันดูได้ครับ
การถ่ายมาโคร
ในรุ่น S10 และ S10+ เรายังคงสามารถใช้กล้อง Tele ถ่ายมาโครได้อยู่เช่นเคย เช่น ดอกไม้ขนาดเท่าเล็บนิ้วก้อยนี้
เราจะถ่ายได้ใกล้สุดประมาณนี้ครับ
เรื่องความคมชัดก็อาจจะได้ประมาณหนึ่ง แต่ก็จะถือว่าฝืน ๆ นิดนึงครับเพราะกล้อง Tele มันไม่ค่อยคมเท่าไหร่นั่นเอง
ถ่ายพาโนรามามุมกว้างขึ้น(มาก)
รุ่นก่อน ๆ กล้องที่ถูกใช้ถ่ายพาโนรามาจะเป็นกล้อง Wide แต่กับ S10 กล้องที่ถูกใช้จะเป็น Ultra Wide ซึ่งมีมุมมองกว้างกว่าแทน (เป็นการเอากล้อง Ultra Wide มาใช้ได้ฉลาดดี) ผลคือภาพ Panorama จะมีมุมมองความสูงที่กว้างขึ้น ส่งผลให้การถ่ายพาโนราเก็บภาพได้เยอะขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ อย่างมีนัยสำคัญ แถมภาพที่ออกมาก็ไม่ได้ยาวอย่างไร้สาระใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
น่าจะเห็นใน Keynote กันแล้ว สาเหตุที่พาโนถ่ายกว้างขึ้นได้ก็เพราะกล้อง Ultra Wide นี่เองครับ
โหมด Pro
แน่นอนว่า S10 ยังคงมีโหมด Pro เพื่อเอาใจชาวฮาร์ดคอร์อยู่เช่นเคย สามารถปรับกล้องได้อย่างอิสระ โดยค่าต่าง ๆ ที่ปรับได้จะไม่ต่างจากเดิมมากดังนี้
- Speed Shutter: 1/24000 - 10 วินาที
- ISO 50-800
- ทำ Manual Focus ได้ (ในภาพจะมี Highlight สีเขียวแบบ Real Time ให้ดูถึงวัตถุที่อยู่ในระยะโฟกัส)
- ปรับ Color Temp, Tint, Contrast, Saturation, Highlight และ Shadow ได้
- ใช้ได้กับกล้อง Wide เท่านั้น
- ถ่าย RAW ได้เป็นสกุล DNG (นั่นแปลว่าถ่าย RAW ได้แค่กล้อง Wide ตัวเดียวนะ กล้องอีกสองตัวถ่าย RAW บ่ได้)
รุ่นก่อน ๆ เรามีแคปเจอร์หน้าจอมาให้ดูครบ แต่รุ่นนี้พบว่าโหมด Pro ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก (เพราะจริง ๆ มันก็เพียงพอแล้ว) ก็เลยขอใช้เป็นข้อความสรุปแทนน้าาาา
ตัวอย่างภาพถ่าย Long Exposure บันทึกเป็นไฟล์ RAW
อย่างที่บอกว่าโหมด Pro สามารถเปิดหน้ากล้องได้นาน 10 วินาที ตามธรรมเนียมความเป็นเนย ... ลองถ่าย Long Exposure สิฮ้าบบบบบ
แต่เนื่องจากเวลาไม่ค่อยอำนวยเท่าไหรก็เลยไม่มีเวลาไปแวะสถานที่สวย ๆ ตอนกลางคืน เลยเงยหน้าถ่ายฟ้าซะ ได้ออกมาเห็นดาวค่อนข้างชัดแต่ก็ยังมืดอยู่ ก็เลยดึงแสงขึ้นและ Process RAW ได้ออกมาเป็นภาพนี้ แท่แด๊นนนน
สำหรับคนที่อยากดูไฟล์ RAW สามารถไปดาวน์โหลดมาขุดเล่นได้ที่ >>> 20190221_200630.dng ครับ
ความละเอียดของการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหลัง
กล้อง S10 สามารถถ่ายวีดีโอได้อย่างจุใจสูงสุดถึง 4K/60fps ซึ่งแน่นอนว่า 4K/30fps, 1080p/60fps, 1080p/30fps และ 720p/30fps ก็ถ่ายได้ด้วยเช่นกัน
ยังไงใครจะถ่าย 4K/60fps ก็อย่าลืมซื้อเมมไว้เยอะ ๆ ด้วยนะ ...
ถ่าย 4K ได้ไม่จำกัดเวลาแล้วนะ
ในรุ่นก่อนหน้าตอนถ่าย 4K จะจำกัดเวลาไว้ที่ 10 นาทีสำหรับ 30fps และ 5 นาทีสำหรับ 60fps แต่สำหรับ 4K ไม่มีข้อจำกัดตรงนี้แล้ว สามารถถ่ายจนเมมเต็มได้เลยยย
บันทึกเป็น HEVC ได้
สำหรับคนที่อยากถ่ายวีดีโอละเอียด ๆ แต่กลัวเปลืองเมม S10 รุ่นล่าตัวนี้สามารถบันทึกวีดีโอเป็น H.265 (HEVC) ได้ด้วยจ้า แต่ก็คงจะมีข้อจำกัดในการเปิดดูอยู่เพราะมือถือหลายรุ่นยังไม่สนับสนุน Codec นี้ แต่ถ้าจะถ่ายเพื่อเปิดดูเครื่องตัวเองหรือเอาไปตัดต่อบนคอมพ์ก็คงไม่มีปัญหาอะไรครับ
ถ่าย HDR10+ ก็ได้นะ
ก็บอกไปบล็อกที่แล้วแต่จะบอกซ้ำว่า S10 ถ่ายวีดีโอเป็น HDR10+ ได้ด้วย แต่ยังอยู่ในขั้นเบต้าอะไรอย่างงั้นอยู่ (มันเขียนว่า Labs) ซึ่งถ้าจะถ่ายเป็น HDR10+ ก็ต้องเปิด HEVC ไว้ด้วยเพราะมันจะเซฟเป็น H.265 ได้เท่านั้น และข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นอีกคือตอนนี้มีอุปกรณ์อยู่ไม่กี่ชนิดเองมั้งที่เปิดวีดีโอ HDR10+ ได้ ก็ไม่รู้จำเป็นแค่ไหนสำหรับการใช้งานตอนนี้ แต่มีไว้ก็ดีครับ
ทดสอบกันสั่นตอนถ่ายวีดีโอปกติ: ดีน่าประทับใจ
มาถึงการถ่ายวีดีโอกันบ้าง กล้อง S10 มาพร้อมกันสั่น OIS ทั้งเลนส์ Tele และ Wide พ่วงด้วย Software กันสั่นอีกนิดหน่อย ก็เลยสามารถกันสั่นได้ดีพอสมควร มาดูประสิทธิภาพการกันสั่นกัน โดยอันนี้เป็นการถ่ายในโหมดวีดีโอปกติ ไม่ได้เซตอะไรพิเศษ และก็เดินถือในมือแบบชิว ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร (ส่วนตัวเป็นคนมือสั่นด้วยนะ)
ไฟล์แรกถ่ายด้วยความละเอียด 1080p ออกมาเป็นแบบนี้คร้าบ
ถือว่ากันสั่นได้เนียนมาก น่าพอใจสุด ๆ ถ้าถ่าย Vlog ชิว ๆ นี่ไม่ต้องเอา Gimbal เข้ามาช่วยแล้วอ่ะ
ส่วนอันนี้ลองถ่ายแบบ 4K ดูบ้าง
ไม่ต้องตกใจ ที่สั่นหนัก ๆ ก็เพราะว่า ระบบกันสั่นไม่สามารถใช้งานได้ตอนถ่าย 4K ครับ ก็ถือเป็นข้อจำกัดนึง หมายเหตุเอาไว้ว่าถ้าจะถ่าย 4K คงต้องใช้ Gimbal เข้ามาช่วย
(ก็บอกแล้วว่าเป็นคนมือสั่น เชื่อยัง)
Super Steady กันสั่นโหดมากกกกก
หลังจากได้ลองเล่น S10+ เต็ม ๆ 1 วัน พี่ที่ซัมซุงก็ถามว่าชอบฟีเจอร์ไหนสุด คิดไป 2 วินาทีแล้วตอบกลับทันที "Super Steady ครับ"
Super Steady คือโหมดถ่ายวีดีโอพร้อมกันสั่นระดับโหดที่เอาทั้ง Hardware และ Software มายำรวมกันจนออกมาได้เป็นภาพที่นิ่งมากมากมากมากมากกกกกก นี่วีดีโอสองตัวที่ลอง "วิ่ง" ถ่ายดู ผลออกมาเป็นแบบนี้ !
คือเกินความคาดหมายไปมาก เห็นโปรโมทว่านิ่งก็ไม่คิดว่าจะนิ่งได้ขนาดนี้ ยอมรับเลย ฟีเจอร์นี้คนชมกันทั้งโลก
เบื้องหลังการทำงานของ Super Steady คือ
มันใช้กล้อง Ultra Wide ในการถ่าย พร้อมกับ Crop เอาเฉพาะตรงกลาง ส่วนข้อมูลที่โดน Crop ออกก็ไม่ได้โยนทิ้งแต่อย่างใด เอามาขยับ หมุน ฯลฯ เพื่อให้ภาพในแต่ละเฟรมออกมาไม่สั่น
และด้วยเหตุผลนี้ วีดีโอที่ถ่ายด้วยโหมด Super Steady จะถ่ายได้สูงสุดอยู่ที่ 1080p เพราะว่าภาพถูก Crop เอาเฉพาะตรงกลางนั่นเอง
ก็เป็นการทำงานร่วมกันของ Hardware และ Software อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นอีกฟีเจอร์นึงที่ฉลาดใช้กล้อง Ultra Wide มากครับ ขอชมคนคิดฟีเจอร์นี้ ประยุกต์ได้ยอดเยี่ยมมาก
และเช่นกัน Super Steady ใช้แค่กล้อง Ultra Wide ตัวเดียว ดังน้ันรุ่นเล็กอย่าง S10e ก็ใช้ได้น้าาา
Super Slow-Mo ยังใช้งานได้เหมือนเดิม (แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นด้วย)
S10 ยังคงถ่าย Slow Motion และ Super Slow-Mo ได้เหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่มีอะไรปรับปรุงขึ้่นจากรุ่นก่อน ยังคงจำกัดการถ่าย Super Slow-Mo ไว้ที่ 720p ซึ่งเอาไปใช้งานจริงไม่ได้อยู่เหมือนเดิม
อย่างนึงที่เพิ่มเติมมาจากรุ่นก่อนคือสามารถเลือกได้ว่าจะถ่าย 0.4s ที่ 720p หรือจะถ่ายยาวหน่อยเป็น 0.8s ก็ได้ แต่จะถ่ายที่ 480p แล้วก็สเกลขึ้นเป็น 720p ให้ครับ
โหมด Super Slow-Mo เป็นโหมดที่เท่ แต่พูดถึงเรื่องการใช้งานจริงก็คิดว่าคงไม่เวอร์คเท่าไหร่ว่ากันตามตรง
ทดสอบไมค์อัดเสียงกลางแจ้ง ไม่มีตัวช่วย
แน่นอนว่าการอัดวีดีโอเราไม่ได้สนใจแค่ภาพเนอะ เสียงก็สำคัญ ดังนั้น ... เรามาลองไมค์กัน โดยอันนี้ไปอัดกลาง Union Square แบบไม่มีไมค์ภายนอก เสียงรอบตัวดังมาก ๆ มาดูกันว่าไมค์จะเก็บเสียงเราได้ดีแค่ไหน
โดยรวมน่าพอใจ(มาก)เลยนะ อยู่ในระดับน่าประทับใจเลย เมื่อเทียบกับเสียงรบกวนรอบ ๆ ในสถานการณ์จริงถือว่าตัดไปได้เยอะมาก และก็เก็บเสียงเฉพาะ Direction ที่กล้องหันไปได้ชัดเจนเป็นอย่างดี
สำหรับเสียงจะถูกอัดแบบ Stereo ที่ 256Kbps ในทุกความละเอียดภาพ ส่วนภาพที่ถ่ายเป็นกล้อง Ultra Wide ทำให้เก็บภาพได้ค่อนข้างจุใจครับ เหมาะกับการถ่าย Vlog มาก
ความละเอียดการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้า
ใครชอบถ่าย Vlog คงจะฟินกันหน่อย ๆ เพราะ S10 สามารถถ่ายวีดีโอกล้องหน้าได้สูงสุดถึง 4K เลยทีเดียวววว
นี่ไปจิ้ม ๆ Note 9 มา ฮือออออ S10 เพิ่งถ่ายได้รุ่นแรกหรอเนี่ย ฮืออออ จาววววว
ตัวอย่างภาพกล้องหน้าและ Live Focus
สำหรับรุ่น S10 ทั้งสามรุ่นล้วนใช้กล้องหน้าตัวเดียวกัน แต่จะมีแค่ S10+ ตัวเดียวที่กล้องหน้าสามารถวัดความลึกได้ด้วย ทำให้เราสามารถถ่าย Live Focus แบบสมบูรณ์ด้วยกล้องหน้าได้ด้วยยยย นี่เป็นผลลัพธ์ครับ ใส่ Effect อะไรได้เหมือนกล้องหลังเลย แถมหน้าเนียนกิ๊กกก
สำหรับรุ่น S10 และ S10e ก็ยังถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้อยู่ แต่จะใช้วิธีตรวจจับใบหน้าและเบลอส่วนอื่นให้ครับ
ศัลยกรรมใบหน้าด้วยโหมด Beauty
ตาเล็ก กรามใหญ่ จมูกบาน ปากแบน ถ่ายรูปไม่สวยหรอ ? ไม่มีปัญหา เพราะ S10 มาพร้อมโหมด Beauty ที่ปรับอะไรได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น สีผิว (Skin Tone), กราม, คาง, ขนาดดวงตา, จมูก หรือ ปาก พี่แกปรับให้ดูแบบ Real Time ได้หมด ก็ปรับจนกว่าจะพอใจแล้วก็แช๊ะะะะได้เลย อย่างในรูปนี่ปรับให้ตาโต จากโตอยู่แล้วก็โตเข้าไปอีก จะเป็นเอเลี่ยนอยู่ละ
นี่ผลลัพธ์ แบร่
โคดน่ากลัว ... แต่นี่ตั้งใจปรับให้มันดูน่ากลัวจะได้มองออกชัด ๆ แต่ถ้าทำดี ๆ นี่ก็สวยเลย คางเคิงนี่ต่างชัดเจนมาก
เล่นเสร็จแล้วก็แบบ ... กล้องทำออกมาง่ายขนาดนี้ แล้วชั้นจะเชื่ออะไรใครได้อีกหละเนี่ย ...
สรุป
ตอนแรกก่อนงานเปิดตัวสารภาพว่าไม่ได้คาดหวังอะไรกับกล้องตระกูล S10 มาก แต่ไพ่ออกมาตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเลย เพราะ
กล้อง S10 ทั้งสามรุ่นนั้นทำออกมาได้ดีมากกกกก
ฟีเจอร์ที่ชอบและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันที่สุดคือ Live Focus ที่ตอนนี้ถ่ายได้ทุกสภาพแสงแล้ว แถมระยะก็ถ่ายง่ายจนถ่ายอะไรก็ได้แล้ว รองลงมาก็คือกล้อง Ultra Wide ที่ตอนได้เครื่องมาเล่นนั้นถ่ายด้วยกล้องนี้รัว ๆ มุมภาพมันสวยอ่ะ
ส่วนฟีเจอร์ที่หวือหวาและอยากปรบมือให้ที่สุดคงเป็น Super Steady ที่ทำออกมาได้สมราคาคุยมาก นี่ฮือฮาจนวีดีโอตอนวิ่งข้างบนมีคนเกาหลีเอาไปแชร์แล้ว 150,000 ครั้ง แถมพวก Reviewer เมืองนอกก็ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านิ่งจริง ยอม ๆ
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกแฮปปี้กับกล้อง S10 ทั้งสามตัวคือ "เค้าไม่ได้กั๊ก" ถึงแม้ S10 กับ S10e จะถูกตัดกล้องออกไปเป็นบางตัว แต่ฟีเจอร์สำคัญต่าง ๆ ก็ยังอยู่ครบถ้วนเพราะกล้องที่ตัดไปเป็นกล้องที่ไม่สำคัญเท่าไหร่
โดยรวมแฮปปี้กับกล้องมากครับ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราได้อยู่ด้วยกันแต่เราก็คิดถึงเธอนะะะะะ S10 ~~~~
จบ ... ยาวอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเขียนสั้น ๆ เป็นห๊ะเนย ! บู่