"Fly high but don't fly alone"
พรีวิวมือถือ Samsung Galaxy S10, S10+ และ S10e มือถือจอเต็มกล้องโหดครบรอบ 10 ปีของ Galaxy S
25 Feb 2019 16:44   [28415 views]

ในวันที่ตลาดมือถือเริ่มชะลอตัว คนเริ่มเปลี่ยนมือถือช้าลงทุกวัน ๆ ทุกค่ายจึงต้องเริ่ม "งัดไม้เด็ด" มาเพื่อผลักดันตลาดนี้ให้ไปต่อให้ได้ ตลาดมือถือช่วงนี้ก็เลยเริ่มกลับมาคุกรุ่นอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นค่ายเกาหลี ค่ายเมกาหรือค่ายจีนก็ตาม

ซึ่งก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าปีที่ผ่านมามือถือค่ายจีนทั้งหลายเริ่มตีตลาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้โหดมาก งานนี้ Samsung ที่ยอดขายร่วงลงพอสมควรในปีที่แล้วก็ไม่อยู่เฉยเช่นกัน แอบซุ่มทำอะไรเด็ด ๆ ในระดับโหดพีค แล้วรวบมาเปิดตัวในงาน Samsung Unpacked ทีเดียว ซึ่งเป็นบุญมากมายที่งวดนี้เราได้รับเชิญจากซัมซุงให้มาร่วมงานเปิดตัวถึง San Francisco ก็เลยได้ Hand On เครื่องอย่างหนำใจวันนึงเต็ม ๆ แน่นอนว่ามีพรีวิว(แบบจัดเต็ม)มาฝากด้วยเช่นเคย

น่าสนใจว่าหลังงานเปิดตัวกระแสตอบรับดีมาก ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในวันที่ตลาดมือถือซบเซาแบบตอนนี้

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาดูกันว่างานนี้ Samsung มีไม้เด็ดอะไรบ้างเลยละกัน ไป !

เริ่มงานก็เปิดมือถือจอพับ Galaxy Fold เลย ไม่มีกั๊ก

เมื่อมือถือรูปทรงแท่งเริ่มซ้ำซากจำเจจนคนไม่รู้สึกว่ามันว้าวอีกต่อไป ซัมซุงผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการออกแบบฮาร์ดแวร์ก็เลยจัด "ไม้เด็ด" แหวกนิยามของสมาร์ทโฟนด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง "มือถือจอพับได้" Galaxy Fold ที่หลาย ๆ คนรอคอยมานาน

งานนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์มากเพราะปกติงานพวกนี้ค่ายมือถือจะเก็บเอาตัวเด็ดไว้ท้ายงาน แต่นี่คือเป็นวีดีโอตัวแรกที่ใช้เปิดงานเลย ทำ Sequence การเล่าเรื่องมาได้ดีจริง ๆ

สำหรับ Galaxy Fold เป็นมือถือที่สามารถใช้งานได้เหมือนมือถือตอนถูกพับ และเมื่อกางออกก็จะกลายเป็น Tablet อย่างสมบูรณ์แบบไร้รอยต่อ

ถือเป็นมือถือเด่นสุดของงานนี้เลย (แต่ไม่มีให้ลอง) อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Galaxy Fold และมือถือ Galaxy S10 อีกสามตัวที่เปิดในงานนี้มีรายละเอียดที่ค่อนข้างต่างกัน ถ้าเอามายำในบล็อกเดียวกันก็เกรงว่าคนจะสับสน งั้นขออนุญาตยกเรื่อง Galaxy Fold ไปบล็อกหน้าทีเดียวเลยละกันนะ

ส่วนบล็อกนี้ขอโฟกัสเฉพาะ Galaxy S10 ทั้งสามรุ่นจ้า ... ใช่แล้ว ... สามรุ่น !

จัดมาให้ตาลาย เปิด Galaxy S10 ทีเดียวสามรุ่น !

ถือเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงเปิด Galaxy S มาสามรุ่นรวด ปกติก่อนหน้านี้ก็จะมีแค่รุ่นธรรมดากับรุ่น Plus แต่สำหรับ S10 นี่จัดมาเลยสาม S10e, S10 และ S10 Plus !

อันนี้ขนาดและสเปคคร่าว ๆ ให้ดู Overview ก่อนไปลงรายละเอียดทีละตัว

ก่อนจะไปต่อ ขอให้ตั้งสติให้ดี เพราะสามรุ่นมีข้อแตกต่างกันหมดเลย ไม่ใช่แค่ขนาดแต่ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ควรต้องรู้ ไม่เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย เอาหละ ถ้าพร้อมแล้วก็ ... เริ่ม !!!

Samsung Galaxy S10 Plus

ขอเริ่มต้นจากพี่ใหญ่สุดในตระกูลก่อน แล้วค่อย ๆ ลดทอนลงไปทีละรุ่นเพื่อให้เข้าใจง่าย

สเปค Samsung Galaxy S10 Plus มีตามนี้

- จอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ละเอียด 1440 x 3040 พิกเซล (อัตราส่วน 19:9) กินพื้นที่ด้านหน้า 86.5% ดีไซน์ขอบโค้งเหมือนเดิม

- สแกนลายนิ้วมือใต้จอ (Ultrasonic Fingerprint)

- กล้องหลัง 3 ตัว

- Wide (26mm, 77°) 12MP Dual Aperture f/1.5-2.4 พร้อม OIS เซนเซอร์ขนาด 1/2.55"

- Tele (52mm, 45°) 12MP f/2.4 เซนเซอร์ขนาด 1/3.6" พร้อม OIS

- Ultra Wide (12mm, 123°) 16MP f/2.2

- กล้องหน้า 2 ตัว

- Wide (26mm, 80°) 12MP f/1.9

- กล้อง RGB Depth 10MP สำหรับวัดความลึกถ่าย Live Focus

- กล้องหลังถ่ายวีดีโอได้ละเอียดสุด 4K/60fps กล้องหน้าถ่ายได้ 4K/30fps

- หน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 ฝาหลังเป็น Gorilla Glass 5

- กันน้ำ IP68

- CPU Exynos 9820 Octa (8 nm) ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ดีกว่า S9+ อยู่ 29% และ 37% ตามลำดับ

- RAM มีรุ่น 8GB และ 12GB

- เนื้อที่ภายใน 128GB/512GB และ 1TB (เยอะกว่าคอมพ์ผมแล้ววว)

- ใส่ microSD ได้เพิ่มสูงสุด 512GB

- ขนาด 157.6 x 74.1 x 7.8 มิลลิเมตร พอ ๆ กับ S9+ แต่บางกว่าเล็กน้อย (แต่ก็รู้สึกได้)

- น้ำหนัก 175g เบากว่า S9+ ซึ่งหนัก 189g พอควร (ส่วนตัวเซรามิคหนัก 198g ก็จะหนัก ๆ หน่อย)

- แบตเตอรี่ 4,100 mAh

หน้าตารอบ ๆ เป็นแบบนี้

โดยรวมรูปร่างภายนอกค่อนข้างคล้ายกับ S9+ มาก ลองเอามาวางเทียบกัน

แต่อย่างที่เห็น หน้าจอของ S10+ ดูใหญ่และเต็มตากว่ามาก นั่นก็เพราะว่าจอของ S10+ นั้นชิดขอบมากกว่า S9+ มาก ๆ ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบใหม่นั่นเอง

อยากจะบอกว่าหลังจากใช้ S10+ มาวันนึงแล้ว พอกลับมาใช้ Note 9 (ซึ่งคล้ายกับ S9+) แล้วหงุดหงิดเลย อยากได้จอเต็ม ๆ คืนมา 555

ในหัวข้อนี้เอาแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวฟีเจอร์อื่น ๆ ขอเล่าในหัวข้อถัด ๆ ไป ต่อมามาดูรุ่นเล็กลงมาบ้าง

Samsung Galaxy S10

S10 จะตัดทอนจาก S10 Plus ลงมาเล็กน้อย หลัก ๆ คือเครื่องและหน้าจอที่เล็กลง กล้องหน้าที่เหลือตัวเดียว แบตที่น้อยลง ส่วนอย่างอื่นคล้ายกันเกือบหมดครับ

สเปค Samsung Galaxy S10 มีตามนี้

- จอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.1 นิ้ว ละเอียด 1440 x 3040 พิกเซล (อัตราส่วน 19:9) กินพื้นที่ด้านหน้า 88.08% ดีไซน์ขอบโค้งเหมือนเดิม

สแกนลายนิ้วมือใต้จอ (Ultrasonic Fingerprint)

กล้องหลัง 3 ตัว (เหมือน S10+)

Wide (26mm, 77°) 12MP Dual Aperture f/1.5-2.4 พร้อม OIS เซนเซอร์ขนาด 1/2.55"

Tele (52mm, 45°) 12MP f/2.4 เซนเซอร์ขนาด 1/3.6" พร้อม OIS

Ultra Wide (12mm, 123°) 16MP f/2.2

กล้องหน้าตัวเดียว Wide (26mm, 80°) 12MP f/1.9

- กล้องหลังถ่ายวีดีโอได้ละเอียดสุด 4K/60fps กล้องหน้าถ่ายได้ 4K/30fps

- หน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 ฝาหลังเป็น Gorilla Glass 5

- กันน้ำ IP68

- CPU Exynos 9820 Octa (8 nm) ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ดีกว่า S9 อยู่ 29% และ 37% ตามลำดับ

RAM มีรุ่นเดียว 8GB

เนื้อที่ภายใน 128GB และ 512GB

- ใส่ microSD ได้เพิ่มสูงสุด 512GB

ขนาด 149.9 x 70.4 x 7.8 มิลลิเมตร พอ ๆ กับ S9 แต่บางกว่าเล็กน้อย (แต่ก็รู้สึกได้)

น้ำหนัก 157g เบากว่า S9 ซึ่งหนัก 163g เล็กน้อย

- แบตเตอรี่ 3,400 mAh

หน้าตารอบ ๆ เป็นแบบนี้

โดยรวมก็เหมือน S10+ มาก แค่เครื่องเล็กลง โดนตัดกล้องหน้าออก 1 ตัว ทำให้รูด้านหน้าเล็กลงไปด้วยครับ

Samsung Galaxy S10e

S10e นี่ก็จะตัดทอนจาก S10 ลงไปอีก ถือเป็นรุ่น Budget สุดของตระกูลนี้ มีอะไรต่างจากรุ่นพี่อย่าง S10 พอสมควรเลย ตามนี้

- จอ Dynamic AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ละเอียด 1080 x 2280 พิกเซล (อัตราส่วน 19:9) กินพื้นที่ด้านหน้า 84.51%

เป็นรุ่นที่หน้าจอไม่โค้งเหมือนรุ่นพี่

สแกนลายนิ้วมือข้างจอ (Side Fingerprint)

กล้องหลัง 2 ตัว (ตัด Tele ทิ้ง)

Wide (26mm, 77°) 12MP Dual Aperture f/1.5-2.4 พร้อม OIS เซนเซอร์ขนาด 1/2.55"

Ultra Wide (12mm, 123°) 16MP f/2.2

กล้องหน้าตัวเดียว Wide (26mm, 80°) 12MP f/1.9

- กล้องหลังถ่ายวีดีโอได้ละเอียดสุด 4K/60fps กล้องหน้าถ่ายได้ 4K/30fps

- หน้าจอเป็น Gorilla Glass 6 ฝาหลังเป็น Gorilla Glass 5

- กันน้ำ IP68

- CPU Exynos 9820 Octa (8 nm) ประสิทธิภาพ CPU และ GPU ดีกว่า S9 อยู่ 29% และ 37% ตามลำดับ

RAM มีรุ่น 6GB และ 8GB

เนื้อที่ภายใน 128GB และ 256GB

- ใส่ microSD ได้เพิ่มสูงสุด 512GB

ขนาด 142.2 x 69.9 x 7.9 มิลลิเมตร

น้ำหนัก 150g

- แบตเตอรี่ 3,100 mAh

หน้าตารอบ ๆ เป็นแบบนี้

ตามภาพเลย รุ่นนี้ขอบจอจะหนากว่ารุ่นพี่ แต่ก็ทำมาได้สมมาตรเท่ากันทุกด้านจนคนที่จับต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "สวย"

และอย่างที่บอกไปข้างต้น S10e เป็นรุ่นเดียวในตระกูลที่จอแบนเรียบไม่มีความโค้งครับ ซึ่งก็สวยไปอีกแบบ

กล้องหลังจะเหลือแค่สองตัว โดนตัด Tele ทิ้งไป ซูมไม่ได้ แต่ยัง Ultrawide ได้อยู่ (ไว้ดูเหตุผลตอนรีวิวกล้องอีกทีว่าทำไมซัมซุงถึงเลือกตัด Tele ซึ่งจะบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากกว่าการตัด Ultrawide ทิ้งมาก)

ทางด้านตัวสแกนลายนิ้วมือใต้จอก็ถูกตัดออกไป แล้วแทนที่การสแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Power ด้านข้างแทน

ส่วนสเปคภายในนั้นเหมือนรุ่นพี่ ใช้ CPU ตัวเดียวกัน ประสิทธิภาพเลยเหลือเฟือเหมือนกันครับ ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ เป็นรุ่น Budget ที่รู้สึกยอดเยี่ยมมาก ใครงบไม่ถึงเอาแค่ S10e นี่ก็เพียงพอแล้วครับ (ถ้าชอบดีไซน์นะ)

คราวนี้เรามาเจาะทีละส่วนของทั้งสามรุ่นกัน เอ้า ปายยยย

จอเจาะรู Infinity-O Display

ซัมซุงเป็นมือถือแบรนด์ใหญ่ที่ไม่ตามเทรนด์ Top Notch ไม่ใช่เพราะผลิตไม่ได้ แต่เพราะมันไม่สวย ซัมซุงเลย Skip เทรนด์นี้ไป แล้วก็มาสร้างเทรนด์ใหม่เองอย่าง "จอเจาะรู" ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Infinity-O Display

จอ Infinity-O Display นี้เป็นความพยายามจะใช้พื้นที่ด้านหน้าอย่างเต็มพื้นที่ที่สุด ก่อนหน้านี้ด้านบนด้านล่างต้องเว้นไว้เยอะเพราะต้องเว้นที่ให้วางกล้องและเซนเซอร์ต่าง ๆ พอมาเป็น Infinity-O Display เค้าก็เลยย้ายบางส่วนลงไปใต้จอ เช่น Proximity Sensor (เซนเซอร์ตรวจจับการเข้าใกล้) ส่วนของที่ย้ายไปใต้จอไม่ได้อย่าง "กล้อง" ก็เจาะรูบนจอให้อยู่ซะเลย ! ผลที่ออกมาคือ

พื้นที่ที่หายไปนั้นน้อยมาก ๆ และถูกดึงไปรวมอยู่มุมขวาบน ทำให้ทุกอย่างยังสวยมากอยู่ และไม่รบกวนการดูวีดีโอเต็มจอแต่อย่างใด

ก็จะเห็นจากด้านบนไปแล้วว่าจอของทั้งสามรุ่นเป็นจอที่ถูกเจาะรู แต่ก็ไม่มีความรู้สึกอึดอัดหรือขัดใจแต่อย่างใด ตามน้านนนนน เค้าออกแบบมาดี

จอ Dynamic AMOLED แสดงผล Dynamic Tone Mapping

จอ S10 ถูกอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้ามาเป็น Dynamic AMOLED ซึ่งสามารถแสดงผลแบบ HDR ได้อย่างสวยงาม สนับสนุนการเล่นไฟล์ฟอร์แมต HDR10+ ความแตกต่างของภาพก็จะประมาณนี้

สำหรับ HDR10+ จะยังมีแค่ไม่กี่ที่ที่มีให้ดูเช่น Amazon Prime Video แต่อนาคตก็น่าจะกลายเป็นฟอร์แมตมาตรฐานขึ้น หรือว่าจะถ่ายเองก็ได้นะ กล้องรุ่นนี้ถ่าย HDR10+ ได้

รับตำแหน่งมือถือจอสว่างที่สุดในโลก 1,200 nits

จากการทดสอบของ DisplayMate ตอนนี้ S10 ได้รับตำแหน่ง "มือถือจอสว่างที่สุดในโลก" ไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าความสว่าง 1,200 nits สามารถต่อสู้กับแสงแดดได้อย่างสบาย แต่อย่าไปเปิดความสว่างนี้ในที่ร่มนะ ตาพร่าแน่

จอสีตรง 100% ตามมาตรฐาน DCI-P3

นอกจากความสว่างแล้ว จอ Dynamic AMOLED ของ S10 ยังได้รับตำแหน่ง "จอที่สีตรงที่สุดในโลกตั้งแต่เคยทดสอบมา" ซึ่ง Certified โดย VDE Germary อีกด้วย

ซึ่งความสีตรงของมันนั้นสูงถึง 100% ทำให้สามารถแสดงสีตรงเป๊ะตามค่าสีไม่ว่าจะอยู่ในความสว่างระดับไหน ซึ่งยืนยันจากการใช้งานจริงว่าจอมันสีสวยจริง ๆ

นอกจากนั้น Contrast Ratio ของจอก็ดีมากถึง 2M:1 ทำให้เฉดสีดำกับเฉดสีขาวแสดงผลได้ดี ไม่ใช่ดำก็ดำไปเลย อันนี้เห็นได้ชัดมากระหว่างลองใช้งาน ภาพเดียวกันเปิดบน Note 9 กับ S10 ตัว S10 จะเห็นรายละเอียดส่วนสีดำได้ดีกว่าพอควร

จอปล่อยแสงสีฟ้าเหลือเพียง 7% - 12%

ทุกคนน่าจะรู้จักแสงสีฟ้ากันอยู่แล้วเนอะว่ามันไม่ดีต่อสายตาและการนอน จอ S10 ก็มีการปรับปรุงใหม่ ปล่อยแสงสีฟ้าน้อยลงมากเหลือเพียง 7% - 12% ดีต่อสายตาทันทีโดยไม่ต้องทำอะไรครับ ซึ่งการลดลงตรงนี้เป็นการลดอย่างมีนัยสำคัญเลยเพราะน้อยลงถึง 42% เลยหละ

สำหรับคนที่ยังปวดตาอยู่ โหมด Blue Light Filter ก็มีให้ใช้อยู่ครับ และสามารถปรับระดับความฟ้า/เหลืองได้ด้วยนะ

Ultrasonic Fingerprint สแกนลายนิ้วมือใต้จอ ความปลอดภัยระดับตู้นิรภัย (S10, S10+)

ในที่สุดซัมซุงก็ทำสแกนลายนิ้วมือใต้จอสักทีหลังจากปล่อยให้แบรนด์อื่นทำมานาน ที่ต้องรอก็เพื่อให้คุณภาพของเซนเซอร์ดีพอจะใช้งานจริงเสียก่อนนั่นเอง โดยเทคนิคที่ซัมซุงเลือกใช้คือ Ultrasonic Fingerprint ซึ่งเป็นตัวยิงคลื่นความถี่อัลตร้าโซนิคแล้วสะท้อนเอาลายนิ้วมือกลับไปประมวลผล

เทคโนโลยี Ultrasonic Fingerprint Scanner นี้ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะอยู่ในระดับความปลอดภัยสูงมาก ไม่สามารถปลอมด้วยการลอกเอาลายนิ้วมือคนอื่นมาสแกนเหมือนในหนังได้

นอกจากนี้ระบบยังมี AI ที่คอย Learn ลายนิ้วมือเราเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่กดสแกนเพื่อเพิ่มความแม่นยำนั่นเอง

ตรงนี้โน้ตไว้นิดนึงว่า จากที่ทดลองจะบอกว่าโอกาสสแกนติดนั้นพอ ๆ กับการสแกนไม่ติดเลย คือยังไม่แม่นเท่าไหร่ แล้วก็เป็นแค่บางเครื่อง อาจจะเพราะตอน Register ลายนิ้วมือกับเครื่องเราทำไม่ดีก็ได้ คงต้องลองดูกับคนเยอะ ๆ อีกทีครับ

Side Fingerprint สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง (S10e)

Ultrasonic Fingerprint มีให้ใช้บน S10 และ S10+ เท่านั้น แต่สำหรับรุ่นน้องน้อยอย่าง S10e ตัวสแกนลายนิ้วมือจะย้ายไปอยู่กับปุ่ม Power ด้านข้างแทน ทำให้รุ่นนี้เลยมีปุ่ม Power ที่ใหญ่กว่าชาวบ้านเค้าแบบนี้ (แต่ก็ถือว่าดีกว่าการอยู่ด้านหลังแบบเดิมมากแล้ว)

สำหรับคนถนัดมือขวาก็ Register นิ้วโป้งไป มือซ้ายใช้นิ้วชี้ได้ไม่มีปัญหาครับ

ตัดตัวสแกนม่านตาออกละน้า

การที่จอเปลี่ยนเป็น Infinity-O Display ซึ่งต้องเจาะรูให้กับอุปกรณ์ที่ทำงานทะลุจอไม่ได้ ซึ่งนอกจากกล้องแล้วก็ยังมีรูสแกนม่านตาอีกด้วย และจากการมาของตัวสแกนลายนิ้วมือใต้จอ ทำให้ตัวสแกนม่านตาจึงถูกตัดออกจาก Samsung Galaxy S10 ทั้งสามรุ่นเป็นที่เรียบร้อยจ้าาาา

คนที่ใช้ตัวสแกนม่านตาเป็นประจำอย่างเราก็หงอยนิดหน่อย แต่ก็โอเคอยู่

ภาพจากกล้อง Wide, Tele และ Ultra Wide

อาจจะสงสัยว่ากล้อง 3 ตัวด้านหลังมีมุมภาพต่างกันยังไงบ้าง อธิิบายเป็นองศาก็คงไม่เข้าใจ เอาภาพจริงมาดูเลยละกัน ! เริ่มจากกล้อง Wide (x1)

กล้อง Ultra Wide (x0.5)

สุดท้ายกล้อง Tele (x2)

ก็จะเห็นว่ากล้อง Ultra Wide นั้นเก็บมุมภาพได้กว้างมากและสวยมากด้วย นอกจากนั้นตัวซอฟต์แวร์ยังแก้ Distortion ให้ภาพตรงขึ้นให้อีกด้วย หลังจากใช้มาวันนึงจะบอกว่าเราชอบ Ultra Wide มาก พูดเลยยยย

ยังไม่ขอลงรายละเอียดมาก สำหรับเรื่องกล้องแบบเต็ม ๆ ขอยกไปบล็อกหน้าครับเพราะมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะเลยยยย

กล้องหน้าถ่าย Live Focus ได้แล้ว (เฉพาะ S10+)

เนื่องจาก S10+ มีกล้องหน้าสองตัวแล้ว ก็เลยถ่าย Live Focus หน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมใส่ Effect ได้ด้วย นี่เป็นตัวอย่างภาพ ถ่ายมาจากกล้องแล้วอัปเลย ไม่ได้ผ่านการแต่งภาพใด ๆ แต่อย่างใด

สำหรับกล้องรุ่น S10 และ S10e ที่มีกล้องหน้าตัวเดียวก็จะยังถ่ายหน้าชัดหลังเบลอด้วยการตรวจจับหน้าคนได้อยู่เหมือนรุ่นก่อนหน้าครับ แต่จะไม่หรูหราตระการตาเหมือน S10+

กล้องหน้าถ่ายวีดีโอ 4K

เนื่องจากกล้องหน้าทั้งสามรุ่นนี้เหลือเฟือมากก็เลยสามารถถ่ายวีดีโอ 4K ได้แล้วครับ แต่ก็จะจำกัดอยู่ที่ 30fps นะ ตัว 60fps ไม่ได้

กล้องหลังถ่าย HDR10+ ได้

ตามปกติแล้วการเล่นวีดีโอ HDR มันจะวิเคราะห์ว่าวีดีโอตัวนี้ควรจะใช้ HDR Profile แบบไหนแล้วก็เล่นด้วยค่านั้นทั้งภาพทั้งวีดีโอไปเลย (เราเรียกว่า Static Tone Mapping) ทำให้บางฉากก็จะไม่สว่างชัดอย่างที่ควรจะเป็น ถือเป็นจุดอ่อนของ HDR แบบเก่า

ตัว HDR10+ เป็นฟอร์แมตสีวีดีโอแบบใหม่ที่ใช้การปรับ Tone Mapping แบบ Dynamic หมายความว่าสามารถปรับเปลี่ยน HDR Profile ได้อย่างอิสระ ทั้งตามพื้นที่หรือตามช่วงเวลาของวีดีโอ ทำให้เวลามีการเปลี่ยนฉากหรือสีของภาพไม่เท่ากัน วีดีโอก็สามารถปรับ HDR Profile ใหม่เพื่อให้ภาพนั้นสีสันชัดเจนตลอดทั้งวีดีโอ

วีดีโอแบบ HDR10+ ยังสามารถเล่นได้อยู่บนไม่กี่อุปกรณ์ แต่หนึ่งในนั้นคือ Galaxy S10 เอง ทำให้ถ้าเราถ่ายวีดีโอด้วย S10 เราก็จะสามารถเล่นย้อนดูวีดีโอที่เราถ่ายอย่างสวยงามคมชัดได้อย่างไม่มีปัญหาครับ

เซฟไฟล์วีดีโอเป็น HEVC ได้

เราสามารถเลือกบันทึกไฟล์วีดีโอในฟอร์แมต HEVC ได้ด้วย สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก มันคือไฟล์ที่มีประสิทธิภาพกว่าแบบเก่ามาก ไฟล์เล็กกว่า เก็บขนาดภาพได้ใหญ่กว่า ฯลฯ แต่ก็ต้องใช้อุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการที่ใหม่หน่อยถึงจะเล่นได้

ถือเป็นทางเลือกนึงสำหรับคนที่ Advance หน่อยครับ
LiveFocus ถ่ายระยะเดียวกับการถ่ายปกติแล้ว ถ่ายในที่มืดได้ไม่มี Noise

หนึ่งในความบ้าคลั่งของ S10 ทั้งสามรุ่นคือ ตอนนี้เราสามารถถ่าย LiveFocus ที่ระยะเดียวกับการถ่ายปกติได้แล้ว (จากเดิมที่ต้องถอยหลังเพราะมันจะซูมเข้า) รวมถึงภาพที่ออกมายังไม่มี Noise แม้จะถ่ายตอนกลางคืนก็ตาม ความเร็วและความแม่นยำในการตรวจจับความลึกก็ดีขึ้นมากอย่างที่รุ่นเก่าเทียบไม่ได้ นี่คือผลของ LiveFocus ที่ไปถ่ายตอนกลางคืนมาครับ

ฟีเจอร์นี้ใช้ได้บนทุกรุ่นเลย ไม่เว้นแม้แต่รุ่นเล็กอย่าง S10e ครับ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่จะบอกว่ามันยอดเยี่ยมมากกกก เป็นอีกหนึ่ง Killer Feature ของรุ่นนี้เลย

AI Camera ใช้ NPU ประมวลผลช่วยให้ถ่ายรูปสวยขึ้น

เป็นเทรนด์ของการถ่ายรูปไปแล้วสำหรับการเอา AI มาช่วยให้ภาพสวยขึ้น แน่นอนว่า S10 ก็มีเช่นกัน

โดย S10 มาพร้อมฟีเจอร์ Scene Optimizer ที่เคยปรากฎมาในรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ความพิเศษของรุ่นนี้คือมันมีการใช้ NPU (Neural Processing Unit) ซึ่งเอาไว้รัน AI โดยเฉพาะมาประมวลผลภาพให้ ทำให้การทำงานนั้นแม่นยำและเร็วมาก ยกกล้องแล้วรอไม่ถึงวินาทีมันก็รู้แล้วว่าภาพที่เราจะถ่ายเป็นฉากแบบไหน เช่น ถ่ายต้นไม้หรือถ่ายคน แล้วมันก็จะปรับสี ปรับอะไรต่าง ๆ ให้เหมาะกับฉากนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ

นี่เป็นตัวอย่างภาพครับ โดยภาพนี้ไม่ได้เปิด Scene Optimizer ไว้

ส่วนภาพนี้เปิด

ภาพก็จะมีความอิ่มสีสูงขึ้นเพราะเป็นฉากของการถ่ายต้นไม้ ซึ่งมันจะปรับให้สีสดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยรวมการเปิด Scene Optimizer ก็ช่วยให้การถ่ายภาพนั้นสวยขึ้นได้จริง ๆ แต่ถ้าไม่ชอบหรือถ้าเป็นมือโปรอยากเอาภาพไปแต่งเองก็สามารถปิดได้ครับ

Shot Suggestion กล้องแนะนำให้ได้ด้วยว่าควรถ่ายภาพยังไง !

สำหรับคนที่ถ่ายรูปไม่เก่ง จัด Compose ไม่เป็น ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะ S10 มาพร้อมฟีเจอร์เด็ด "Shot Suggestion" ที่จะวิเคราะห์ให้ว่าเราควรจะถ่ายตรงไหนและมุมยังไง เราก็แค่เลื่อนกล้องไปยังจุดที่มันแนะนำแล้วมันก็จะถ่ายให้โดยอัตโนมัติ ... ง่ายอย่างงั้นเลยนี่แหละ !!!

และจากที่ใช้จะบอกว่ามันเวอร์คมากกกกกก ถ้านึกไม่ออกว่าต้องถ่ายยังไงให้สวย เปิดให้มัน Suggest แล้วจบเลย คลายความกดดันไปได้เยอะจริง ๆ

สำหรับคนที่แฟนชอบว่าว่าถ่ายรูปไม่สวย ฟีเจอร์นี้ก็ช่วยชีวิตคุณได้(มาก)

ยกเว้นแฟนคุณไม่พอใจว่าทำไมถ่ายแล้วอ้วน ... ไม่ใช่ความผิดกล้องละ

Panorama ด้วยกล้อง Ultra Wide ภาพมุมกว้างมาก

ซัมซุงใช้กล้อง Ultra Wide คุ้มมาก ในโหมด Panorama ก็มีการใช้กล้อง Ultra Wide เพื่อให้เก็บภาพได้มุมกว้างขึ้นอีกด้วย

ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่ชอบเพราะภาพที่ออกมามันจะไม่ยาวอย่างไร้สาระเหมือนพาโนรามาแบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างจะดูดีและนำไปใช้งานจริงได้

ถือเป็นการประยุกต์ใช้กล้อง Ultra Wide ได้ฉลาดดีครับ

Super Steady ถ่ายวีดีโอนิ่งหฤโหดระดับ GoPro

อีกหนึ่งความเท่เจ๋งหฤโหดของกล้อง S10 คือ ... มันถ่ายวีดีโอได้นิ่งมากกกกกกกกด้วยโหมด Super Steady นิ่งขนาดไหนไปดูกันเองเลย

ข้อจำกัดเล็ก ๆ คือโหมดนี้จะถ่ายได้แค่ 1080p แต่ก็ชัดเจนมากแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครบ่นว่าภาพไม่ชัดเลยสักคน เอาไปใช้งานจริงได้ ๆ

ซึ่งถามว่าทำได้ยังไง ... ไว้บอกเทคนิคเบื้องหลังอีกทีในบล็อกหน้านะนะนะนะ

เปิด Camera SDK ให้นักพัฒนาใช้ แอบหลายตัวถ่ายภาพได้คุณภาพเหมือนแอป ฯ กล้อง

ถึงกล้องและซอฟต์แวร์จะเทพ แต่ถ้ากดถ่ายภาพจากแอป ฯ ต่าง ๆ พวกฟีเจอร์เหล่านี้ก็มักจะหายไป บางทีภาพก็ออกมาไม่สวยเท่าใช้แอป ฯ กล้องที่มากับเครื่อง งวดนี้ Samsung เลยปล่อย Camera SDK ให้กับพัฒนาเอาไปใช้ซะเลย อย่างตอนนี้ LINE, Snapchat และ SNOW ก็เอาไปใช้เรียบร้อยแล้ว

ผลคือแอป ฯ เหล่านี้จะถ่ายภาพได้คุณภาพเดียวกับแอป ฯ กล้องที่มากับเครื่องครับ

Wireless PowerShare

S10 เป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่สามารถปล่อยไฟให้เครื่องอื่นชาร์จแบบ Wireless ได้ โดยซัมซุงให้ชื่อฟีเจอร์นี้ว่า Wireless PowerShare แค่เปิดใช้แล้ว S10 ของท่านก็จะเปลี่ยนเป็นแท่นชาร์จในทันที

ความเท่ของ Wireless PowerShare เหนือกว่ายี่ห้ออื่นคือของซัมซุงปล่อยไฟด้วยมาตรฐาน Qi ซึ่งถูกใช้กันเป็นมาตรฐานกลางของโลก ทำให้ S10 แทบจะสามารถใช้ชาร์จอุปกรณ์อะไรก็ได้ในโลกเลยทีเดียว

โน้ตไว้นิดนึงว่า PowerShare จะไม่สามารถใช้ได้ถ้าแบต S10 น้อยกว่า 30% ครับ

ร่วมกับ Unity เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเกม

Unity กลายเป็นเครื่องมือสำหรับพัฒนาเกมที่กิน Market Share เยอะที่สุดในตลาดเกมมือถือ และ S10 เป็นรุ่นแรกที่ได้ร่วมมือกับ Unity อย่างใกล้ชิดเพื่อรีดประสิทธิภาพการทำงานออกจาก Hardware ของ S10 สูงสุดเพื่อให้เกมที่เขียนด้วย Unity ทำงานได้อย่างลื่นไหลเหนือรุ่นใด

เกมดัง ๆ อะไรที่เขียนด้วย Unity บ้าง ? ... RoV นั่นเอง หุหุ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบเรื่องนี้มากนัก คงต้องเทสต์กันอีกทีตอนได้เครื่องมาเล่นอีกรอบครับ 

รูหูฟัง 3.5mm ยังอยู่

ครุคริครุคริครุคริ

คุณภาพและความดังของลำโพง Speaker

ลำโพงของ S10 ยังคงเป็น Stereo เหมือนรุ่นก่อนหน้า และรุ่นนี้มีการจูนโดย AKG ด้วย ทำให้คุณภาพเสียงดีมาก ส่วนความดังต้องบอกว่าดังกว่า Note 9 อย่างมีนัยสำคัญเลย ไม่มีสเปคตรงนี้แต่จากการทดลองถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนอย่างจับต้องได้ครับ

ประสิทธิภาพแบตเตอรี่

ลืมวัด !!!

เผอิญตอนทดสอบเราก็ไม่ได้เสียบซิมด้วย ดังนั้นคงวัดความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ว่าแบตหมดเร็วหรือช้า

เอาเป็นว่าตามสเปคมันควรจะอยู่ได้นานกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง S9/Note 9 ประมาณ 10% ครับ

ส่วนค่าจริง ๆ เดี๋ยวจะลองอีกรอบตอนได้เครื่องมานะะะ

มี Digital Wellbeing ละนะะะ

หลังจากที่อัป Android Pie บน Note 9 แล้วอกหักดังเป๊าะจากการที่ไม่มี Digital Wellbeing ให้ใช้ แต่ปรากฎว่ามันโผล่มาให้ใช้ใน S10 แล้วนะฮ้าบบบบ

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก มันคือแอป ฯ ที่เอาไว้ดูว่าวัน ๆ นึงเราใช้แอป ฯ ไหนนานแค่ไหน อีกทั้งยังสามารถจำกัดเวลาที่ใช้ต่อวันได้อีกด้วย ถ้าวันไหนใช้เกินเวลาที่กำหนดไว้ก็จะเปิดแอป ฯ ไม่ได้อีก

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง S9/Note 9 จะมีสิทธิ์ได้ใช้มั้ย แต่ชอบมากจริง ๆ ฟีเจอร์นี้

สี

มาดูสีเครื่องกันบ้าง ซึ่ง ... มีเยอะมากเช่นเคย -__- เริ่มจาก Galaxy S10 Plus ก่อน สีมีตามนี้ !

ซึ่งแถวบนเป็นสีกลุ่ม Prism จะมีความวึบวับสะท้อนแสง ความสวยและความเท่ของมันคือสีจะเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อม ถ้าซื้อสีขาวนี่แทบจะเปลี่ยนสีตามทุกสิ่งรอบตัวเลยทีเดียว ส่วนแถวล่างจะเป็น Ceramic White (ขอบ Rose Gold) และ Ceramic Black จะสะท้อนน้อยกว่าตัว Prism ครับ แล้วก็หนักกว่าด้วย

คราวนี้มา Galaxy S10 กันบ้าง

จะบอกว่าสีเขียวสวยมั่ก

สุดท้าย Galaxy S10e ครับ

ซึ่งเครื่องที่สองจากซ้ายจะเป็นสีเขียวนะ แค่ถ่ายมากี่รูปก็ไม่เขียว ... แต่เขียวของ S10e จะหม่น ๆ หน่อยครับ ไม่สวยเท่ารุ่นพี่ ในบรรดาทั้งหมดเราว่าสีเหลืองสวยสุดนะ ซึ่ง ... ไม่เข้าไทย แบร่

อันนี้เป็นสีทั้งหมดที่มีผลิต แต่ที่เข้าไทยจะมีแค่บางสีเท่านั้นครับ ได้แก่ Prism White (ขาว), Prism Black (ดำ), Prism Green (เขียว), Ceramic White (เซรามิคขาว) และ Ceramic Black (เซรามิคดำ) ครับ

ราคา

เปิดตัวในไทยเรียบร้อย ราคาตามนี้ !

- Galaxy S10e RAM 6GB เนื้อที่ 128GB ราคา 26,900 บาท

- Galaxy S10 RAM 8GB เนื้อที่ 128GB ราคา 31,900 บาท

- Galaxy S10+ RAM 8GB เนื้อที่ 128GB ราคา 35,900 บาท

- Galaxy S10+ RAM 8GB เนื้อที่ 512GB ราคา 44,900 บาท

- Galaxy S10+ RAM 12GB เนื้อที่ 1TB ราคา 55,900 บาท (เซรามิค) (เนื้อที่จะเยอะไปไหน) (แม่เจ้าโว้ยยย)

จองได้ถึง 4 มีนาคม เริ่มส่งของ 6 มีนาคมครับ ช่องทางการซื้อก็มีหลายแหล่งเช่น Samsung Online Shop และ Operator รายต่าง ๆ ยังไงไปหาข้อมูลเพิ่มกันได้ตรงนี้ครับ

สรุปสั้น ๆ หลังลองเล่นมา 1 วัน

อยากได้ ! กล้องเทพมาก มาก มาก มาก มาก มากกกกกกกกกกก

รีวิวกล้องบล็อกหน้านะ

หมดแรงแล้ว เดี๋ยวเข็นรีวิวกล้องแบบจัดเต็มมาให้บล็อกหน้านะ บล็อกนี้ขอลาไปก่อนแค่นี้ ก่อนจะตายกันทั้งคนเขียนคนอ่าน

ใครอ่านจบนี่ขอกราบบบบ รักนะ จุ๊บ จุ๊บบบบ ... ไปหละ แว้บบบบ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jan 9, 2019, 21:43
26589 views
Virtual Reality, Augmented Reality และ Mixed Reality ต่างกันอย่างไร #เปิดโลกXR
Feb 25, 2019, 16:44
28415 views
พรีวิวมือถือ Samsung Galaxy S10, S10+ และ S10e มือถือจอเต็มกล้องโหดครบรอบ 10 ปีของ Galaxy S
0 Comment(s)
Loading