ผ่านไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานเปิดตัวมือถือที่หลาย ๆ คนรอคอยมาสองปีเต็มอย่าง Samsung Galaxy Note 8 มือถือตระกูลที่ครองตลาดมือถือมีปากกามาอย่างยาวนาน และซัมซุงก็ไม่ทำให้ใครผิดหวังเพราะหลังเปิดตัวนี่กระแสตอบรับไปในทางที่ดีมากทีเดียว
ส่วนเราก็โชคดีที่ได้ไปร่วมงานเปิดตัวอีกครั้ง ได้ไปนั่งดูสด ๆ เบย โดยครั้งนี้ยังคงจัดที่นิวยอร์คเหมือนครั้ง Note 7 และ S8 ก็รู้สึกดีมากที่ไปได้ งานอลังการมากมาย เหมือนไปดูโชว์อ่ะ ไม่ได้ไปดูงานเปิดตัวมือถือ
แค่เวทีก็กินขาดละ เท่โคด ขอเพิ่มอีกสักรูปละกัน มันเท่ 555
ด้านล่างที่เห็นนั่นคือจอนะ ได้ไปเหยียบ ๆ มาด้วย รู้สึกเป็นบุญเท้ายิ่งนัก
อ่ะ พอเรื่องเวทีก่อน กลับเข้าเรื่อง ๆ
ในงานเปิดตัวนี้ก็มีเรื่องน่าสนใจหลายอย่าง เดี๋ยวมีเอามาเล่าให้ฟังในบล็อกนี้ด้วย และที่สำคัญ หลังงานเปิดตัว ตัวเนยมีโอกาสได้ลองใช้เครื่อง Note 8 สามวันเต็มในนิวยอร์ค งานนี้เพื่อผู้อ่าน เราก็เลยจัดเต็มกันปายยยย เปลี่ยนไปใช้ Note 8 เป็นเครื่องหลักและตระเวนเดินทางไปทั่วนิวยอร์คเพื่อทดสอบการใช้งานจริงในทุกส่วนสิ่งที่เล่นได้ รวมถึงทดสอบความสามารถของ "กล้องคู่" ที่เพิ่มมาอย่างจัดเต็มเรียบร้อย เพื่อที่จะเอาประสบการณ์การใช้งานจริงมาเขียนบล็อกพรีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกันนั่นเองงง ก็เก็บข้อมูลและรายละเอียดมาได้เยอะมากอยู่ น่าจะได้หลายบล็อกเลยทีเดียว
การใช้งานจะเป็นยังไง มีอะไรดีขึ้นบ้างจากรุ่นก่อน ประสบการณ์การใช้งานเป็นยังไงบ้าง มาเริ่มต้นหาคำตอบกันได้เลยกับบล็อกนี้ ก็ขอเริ่มจากบรรยากาศงานเปิดตัวเพื่อให้เห็นภาพรวมและแนวทางของซัมซุงต่อรุ่นนี้ก่อนละกันนะ อ่ะ เริ่มมมมมม !
งานเปิดตัวที่เริ่มต้นด้วย "การขอบคุณ"
ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงเรื่องงานเปิดตัวนิดหน่อย (ก็อุตส่าห์ไปถึงโน่นมานี่นาาาา)
ถึงคำโปรยของงานเปิดตัวครั้งนี้จะคือ Do Bigger Things แต่พอถึงเวลางานจริงเริ่มขึ้น ปรากฎว่าคีย์เวิร์ดหลักของงานเปิดตัวครั้งนี้ที่ซัมซุงพูดย้ำแล้วย้ำอีกกลับกลายเป็น "คำขอบคุณ" ที่บอกว่า
"Note 8 เกิดมาได้เพราะแรงบันดาลใจจากทุกท่าน"
ซึ่งที่น่าสนใจเล็ก ๆ คือ ซัมซุงไม่เลี่ยงที่จะพูดถึง Note 7 ที่มีปัญหาเลย แต่กลับพูดถึงเต็ม ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ใจความหลักก็สื่อให้เห็นว่า ถึงแม้จำเป็นต้องยกเลิกการขายและเรียกคืนทั้งหมด แต่ผู้ใช้ก็ชอบ Note 7 มากจนพร้อมใจจะรอ Note 8 อย่างใจจดใจจ่อ
และนี่คือ "แรงบันดาลใจ" ที่ทำให้ซัมซุงตั้งใจทำ Note 8 ออกมาโดยเรียนรู้จาก Feedback ที่ได้รับจากผู้ใช้จริง
ที่เล่าตรงนี้ให้ฟังคือเราว่าซัมซุงแฟร์และจริงใจดีนะ รุ่นเก่ามีปัญหาก็พูดถึง จะหลบเลี่ยงทำไม และเอาจริง ๆ ก็ฉลาดมากด้วยที่เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสและนำเรื่องราวนั้นมากลายเป็นจุดเริ่มต้นดี ๆ ได้
อันนี้อาจจะเกี่ยวกับตัวโปรดักส์นิดนึงเพราะมันสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไปได้โดยไม่รู้ตัว แต่ที่น่าสนใจกว่าคือแง่ของ "การเล่าเรื่อง" (Storytelling) เราว่าเป็นเคสที่น่าเรียนรู้ไว้เลยหละ เคสใหญ่ขนาดนี้แต่เปลี่ยนให้กลายเป็นผลงานดี ๆ ได้แบบนี้ มิใช่เล่น ๆ นะ =D
อ่ะ พอแค่นี้ละกันสำหรับเรื่องของงานเปิดตัว จากนี้จะพูดถึงแต่เรื่องตัวมือถือละ ยาวไป ยาวปายยยย (หมายถึงยาวแบบยาววววจริง ๆ นะ ไม่ได้เล่นคำ 555 ขอให้เตรียมตัวอ่านอย่างมีความสุขขข)
ขนาดและรูปร่างภายนอกของ Note 8
Note 8 ใช้แนวคิดการดีไซน์เดียวกับ S8 ทุกประการ ดังนั้นรูปร่างหน้าตาจึงเหมือนกันแทบจะเด๊ะ ๆ เป็นพี่น้องกันโดยสมบูรณ์แบบ และก็เช่นเดียวกับที่ผ่านมาโดยตลอด มือถือตระกูล Note จะมีขนาดใหญ่กว่าตระกูล S เล็กน้อย ตัว Note 8 ก็เลยใหญ่กว่า S8 Plus อยู่นิดนึง อยู่ที่ 162.5 มม. x 74.6 มม. x 8.5 มม. ซึ่งสูงกว่า S8 Plus 3 มม. กว้างกว่า 1.2 มม. และหนากว่า 0.4 มม. ส่งผลให้หน้าจอจึงใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วย อยู่ที่ 6.3" จ้า อันนี้เป็นขนาดจริงที่เทียบกันระหว่าง S8, S8 Plus และ Note 8
ซึ่งก็จะเห็นว่ามันใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อยจริง ๆ แทบไม่ต่างจาก S8 Plus ดังนั้นเรื่องของความเหมาะมือจึงไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากพิสูจน์มาจากการใช้ S8 Plus แล้วว่ามันใช้งานได้อย่างสะดวกครับ ไม่ได้ใหญ่ไปจนถือไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันจะพอใช้งานมือเดียวได้ แต่การใช้งานหลักก็น่าจะเหมาะกับการใช้สองมือมากกว่า (ไม่งั้นจะใช้มือไหนถือปากกา)
ทางด้านหน้าจอก็ตามที่เห็นด้านบนเลย แน่นอนว่ามันมาพร้อมจอโค้งมนไร้ขอบ Infinity Display ที่กินพื้นที่ด้านหน้าไปถึง 83.1% และมาพร้อมอัตราส่วน 18.5:9 ซึ่งตอนนี้ก็กลายเป็นอัตราส่วนหน้าจอมาตรฐานของมือถือ High-End ไปเป็นไปที่เรียบร้อยแล้ว (ใครเป็น Dev แล้วยังทำให้มันสนับสนุนบนจอขนาดนี้ไม่สมบูรณ์นี่บาปมากนะ !)
ความสวยงามก็ไม่ต้องพูดถึง แค่ดูด้วยตาก็พอจะเข้าจายยยย
อย่างไรก็ตาม ถึงหน้าตาจะดูคล้ายกับ S8 Plus มาก แต่ก็มีบางอย่างที่ต่างกันออกไปจนเห็นแล้วแยกออกทันทีว่าเครื่องไหน Note 8 เครื่องไหน S8 Plus พอมองออกมั้ยว่าส่วนไหน ?
มุมมนน้อยลงแต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ดูโดยภาพรวมแล้ว Note 8 นั้นหน้าตาเหมือน S8 ที่มีปากกา แต่ถ้าดูลึกลงไปในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกคนจะสามารถรับรู้ได้ว่า Note 8 นั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่า S8 อยู่นิดนึง ซึ่งถามว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น มีอะไรที่แตกต่าง ? คำตอบคือ มุมเครื่องของ Note 8 นั้นโค้งน้อยกว่า S8 มาก นั่นเองครับ
โดยความโค้งที่ลดลงนี้ไม่ใช่แค่ตัวบอร์ดี้ แต่รวมไปถึงหน้าจอด้วย เพื่อให้มันรับความโค้งกันนั่นเอง
และถามว่ามันโค้งมนน้อยลงทำไม ? ทางซัมซุงไม่ได้บอกรายละเอียด แต่เหตุผลที่ตัวเนยมโนเองคือ มันเป็นการเพิ่มพื้นที่ภายในเพื่อให้วางปากกาเพิ่มได้ นั่นเองงงง
ถ้าโค้งมากเกินไปก็จะทำให้ไม่สามารถวางปากกาตรงริมขอบได้ขนาดนี้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อการออกแบบวางส่วนประกอบที่เหลืออีกด้วย ความโค้งก็เลยลดลงเหลือเท่านี้
ซึ่งถามว่าดีมั้ย ? ก็ดีนะ เหมือนยิงนกตัวเดียวได้ปืนสองนัด เอ้ย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย พื้นที่ใช้สอยก็เพิ่มขึ้น แถมยังดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผู้บริหารอะไรงี้สามารถใช้งานได้อย่างสบายใจ ดีไซน์รับกับบุคลิกและตำแหน่งได้เลยอย่างเนียนเรียบ
ซึ่งตรงนี้ก็เลยกลายเป็นดีไซน์ที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยระหว่าง S8 และ Note 8 ไป ซึ่งก็จะทำให้เราแยกแยะกันได้ง่ายขึ้นว่าใครถือรุ่นไหนอยู่ ไม่ต้องถาม ดูกันที่ความโค้งนี่แหละ 555
รอบตัว
ดูภาพรวมของตัวบอร์ดี้กันไปแล้ว คราวนี้มาเจาะลึกในส่วนต่าง ๆ ของบอร์ดี้กัน
ด้วยคอนเซปต์การออกแบบแบบ Infinity Display ทำให้ด้านหน้าส่วนบนมีความสูงเพียงประมาณ 7 มิลลิเมตรเท่านั้น แต่กระนั้นก็ตาม ซัมซุงก็ยังสามารถจับเซนเซอร์มาเรียงรายได้เยอะมาก สำหรับพื้นที่ที่แสนจำกัดขนาดนี้ ถือได้ว่าใช้งานพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพฝุด ๆ
โดยพื้นที่ด้านบนนี้ประกอบด้วย กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7, กล้องสแกนม่านตาพร้อมหลอด Infrared, เซนเซอร์ตรวจจับการเข้าใกล้, LED แสดงสถานะ และ ลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์ ครับ โดยกล้องหน้าคือรูใหญ่สุดทางด้านขวานะ ตอนเซลฟี่ก็มองกันให้ถูกโด้ยยย
ส่วนด้านล่างไม่มีอะไร มีแค่พื้นที่ว่าง ๆ ให้สมดุลกับด้านบน ทางด้านปุ่ม Home ก็ฝังอยู่ใต้จอเหมือนของ S8 ทุกประการจ้า และยังคงสามารถกดลงไปได้ผ่านจอเหมือนเดิม น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้
ด้านบนก็ไม่มีอะไรมาก ช่องใส่ซิม / microSD Card ชิว ๆ
ซึ่งถาดซิมก็ยังคงเป็น Hybrid SIM Slot เหมือนรุ่นก่อนหน้าคือ ใส่ได้สองซิม หรือสามารถเลือกใส่ microSD Card แทนที่ซิมที่สองก็ได้เช่นกัน
เนื้อที่ไม่พอก็ขยายได้ ไม่ต้องซื้อรุ่นใหม่ เนอะ
ส่วนด้านล่างก็ประกอบด้วย รูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเสียบ USB-C, ลำโพง และ ปากกา S-Pen ที่กดออกมาได้ก๊ะเจ้าาา
รูหูฟังก็ยังอยู่ ... นะจ๊ะ ไม่ต้องไปวิ่งหาซื้อหูฟังใหม่ ... เนอะ
มาด้านข้างกันบ้าง ด้านซ้ายก็มีสามปุ่มเหมือน S8 คือ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Bixby
ส่วนด้านขวามีปุ่มเดียวเหงา ๆ ไร้คนเคียงข้าง ... ปุ่ม Power จ้าาา
ด้านหลังก็เรียบ ๆ เนียน ๆ สวย ๆ
แน่นอน รุ่นนี้มาพร้อม กล้องคู่ เป็นที่เรียบร้อยคร้าบบบบบบบบ (ส่วนข้าง ๆ คือ แฟลช และ ที่สแกนลายนิ้วมือ)
โดยส่วนของโมดูลตรงกลางตามที่เห็นนั้นแทบจะเนียนเรียบไปกับตัวบอร์ดี้เลย ทั้งชิ้นจะนูนขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อยู่ที่ประมาณ 0.3 มิลลิเมตรอะไรเท่านั้นเอง (เรียกได้ว่างานนูนต่ำ ... ต่ำมาก) ตอนใช้งานจริงก็คือไม่รู้สึกว่ามันนูนใด ๆ จ้า อันนี้ต้องจ้องถึงจะเห็น (มีคนถามในเพจมาเลยตอบตรงนี้ให้)
บอร์ดี้รอบตัวก็เป็นประมาณนี้ ต่อไปไปดูสเปคกัน !
สเปคใกล้เคียงกับ S8 Plus
ดูรอบนอกกันไปแล้ว คราวนี้พามาดูลึกถึงสเปคข้างในกันบ้าง
สเปคของ Note 8 นั้นไม่ได้ต่างจาก S8 Plus เท่าไหร่นัก ถ้าจะบอกว่า Note 8 นั้นจริง ๆ แล้วคือ
S8 Plus ที่มีปากกาและกล้องคู่
ก็คงได้ เพราะสเปคพื้นฐานโดยรวมค่อนข้างเหมือน S8 Plus เลย คือ
- CPU เป็น Exynos 8895 Octa (สำหรับเครื่องที่ขายนอก USA)
- จอ Super AMOLED 6.3" ละเอียด 1440 x 2960 พิกเซล (521 ppi) ซึ่งถูกปรับให้เป็น Full HD+ มาเป็น Default เพื่อลดการใช้พลังงาน
- กันน้ำมาตรฐาน IP68 ทนน้ำลึก 1.5 เมตรได้นาน 30 นาที แถมเขียนในน้ำได้ด้วยนะ !
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล F1.7 โดยมี FOV อยู่ที่ 80 องศาและเซนเซอร์ขนาด 1/3.6"
- กล้องหลังถ่ายวีดีโอได้ละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 4K @ 30fps หรือถ้าจะถ่ายที่ 1080p อันนี้สามารถเลือกได้สองแบบ 30fps หรือ 60fps
- ถ่าย Slow Motion ได้ที่ 720p @ 240fps
- มาพร้อมรูสแกนม่านตาและสามารถปลดล็อคจอด้วยใบหน้าได้
- ถาดซิมแบบ Hybrid เลือกได้ว่าจะใส่ซิมที่สองหรือใส่ microSD Card
- ใส่ microSD Card เพิ่มได้สูงสุดถึง 256GB
- มาพร้อม Android 7.1.1 (อัปเป็น Android 8.0 Oreo ได้)
- ระบบ Fast Charging ชาร์จแบตเต็มในเวลาชั่วโมงนิด ๆ
- ชาร์จแบบไร้สายได้ แถมเร็วด้วย ด้วยเทคโนโลยี Wireless Fast Charging
- เล่นไฟล์เสียง PCM ได้ละเอียด 32 bit / 384 kHz
- มาพร้อม Secure Folder เอาไว้เก็บข้อมูลสำคัญ
ส่วนที่ต่างกันก็มีดังนี้
- กล้องหลังมาเป็นกล้องคู่โดยแบ่งเป็นกล้อง Wide-angle (ถ่ายกว้าง) และกล้อง Telephoto (ถ่ายซูม)
- กล้อง Wide-angle เป็นกล้องตัวเดียวกับ S8 และ S8 Plus ละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.7 เซนเซอร์รับแสงขนาด 1/2.55" โดยมี FOV อยู่ที่ 77 องศา ฟังก์ชันทุกอย่างมาครบ สามารถถ่าย Pro Mode และ RAW ได้ รวมถึงมาพร้อม Dual Pixel ถ่ายในที่มืดได้ดีเฟร่อ
- กล้อง Telephoto อันนี้เป็นกล้องที่มาพร้อม Optical Zoom x2 โดยกำเนิด คือมีความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล แต่ FOV (มุมมองการมองเห็น) แคบกว่า อยู่ที่ 45 องศา รวมถึงรูรับแสงก็แคบกว่า อยู่ที่ F2.4 โดยกล้องตัวนี้ถึงตอนแรกจะเกิดมาเพื่อใช้ถ่าย Live Focus (หน้าชัดหลังเบลอ) แต่เอาเข้าจริงตัวกล้องเองก็คุณภาพดีมาก ๆ สามารถใช้ถ่ายภาพซูมแบบใช้งานจริงได้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันมาก ๆ ชีวิตเปลี่ยนเลย รอดูรีวิวกล้องกันได้ว่ามีประโยชน์ยังไง อย่างไรก็ตาม พวก Pro Mode หรือ Food Mode อะไรจะไม่สามารถใช้ได้ในกล้องนี้ครับ เน้นถ่ายซูมแบบ Auto อย่างเดียว
- มี S-Pen ! หัวเล็กมาก แค่เพียง 0.7 มิลลิเมตรเท่านั้น และตัวปากกาสามารถวัดน้ำหนักการกดได้ถึง 4096 ระดับ เขียนได้แม่นยำมาก
- แรมอันนี้จะมาเยอะกว่า S8 หน่อยเพราะ Note 8 มาพร้อมแรมถึง 6GB (LPDDR4) ในขณะที่ S8 จะมีแรมอยู่ที่ 4GB (ยกเว้นในบางประเทศที่มี 6GB เท่ากัน)
- แบตเตอรี่ลดลงมาเล็กน้อย อยู่ที่ 3,300 mAh
ก็จะเห็นว่าถึงสเปคจะใกล้เคียงกับ S8 Plus แต่สิ่งที่ต่างกันออกไปจะไปในทางที่ High-End กว่า ดังนั้น ตำแหน่งในตลาดของ Note 8 จึงกลายเป็นรุ่นพี่ใหญ่สุดในบรรดาทุกรุ่นโดยปริยาย อยู่เหนือกว่า S8 Plus ไปอีกขั้นนึงครับ
อย่างไรก็ตาม ถึงสิ่งที่เพิ่มมาหลัก ๆ จะเป็น S-Pen และกล้องคู่ แต่จะบอกว่าแค่สองอย่างนี้ก็ทำอะไรได้เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกแล้ว มากแบบ เขียนบล็อกเหนื่อยมาก ตอนแรกก็นึกว่าจะนิดเดียว เอาเข้าจริงทำอะไรได้เยอะเว่อร์ T__T มาดูกันต่อว่าทำอะไรได้บ้าง
ฟังก์ชันกล้องคู่คือสุดยอด
Note 8 เป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่มาพร้อมกล้องคู่ ซึ่งเอาจริง ๆ ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คิดว่าถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้แล้วก็จบ แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าเจ้ากล้องที่เพิ่มมาตัวนึงกลับทำให้ชีวิตการถ่ายรูปเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย
เรื่องของการถ่ายรูปปกติอันนี้แทบไม่ต้องพูดถึง มันเจ๋งมากกกกตั้งแต่ S8 ละ แต่ฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นมาจากกล้องที่สองเนี่ย นี่แหละที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันสุด ๆ ซึ่งเพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด ขอยกตัวอย่างภาพมาให้ดูเลยละกัน
ถ่าย Auto แสงปกติ
เริ่มจากการถ่าย Auto ปกติ แสงปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ
ภาพสวยงาม รายละเอียดครบ แต่งสีตามสไตล์ของแต่ละคนได้ตามใจชอบ
ถ่ายย้อนแสง
หรือถ่ายย้อนแสง อันนี้ก็ทำได้ และทำได้ดีด้วย เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน (อันนี้ถ่าย Auto นะ มันจัดการให้เองเสร็จสรรพ)
ปัญหาที่อาจจะเจอหน่อย ๆ คือถ่าย Silhouette ยากนิดนึง 555
ถ่ายในที่มืด
ถ่ายในที่มืดก็ตัวโหดเลย ไม่รู้ไปทำยังไงของมัน ขนาดในสภาพแสงที่ตายังมองลำบาก มันยังถ่ายออกมาให้สว่างได้
เรื่องนี้ต้องยอมเค้าไป ถือว่ากินขาดจริงอะไรจริง
ถ่าย Long Exposure
ถ่าย Long Exposure ก็ทำได้ (ด้วย Pro Mode) สามารถกด ISO ได้ต่ำสุด 50 และเปิดหน้ากล้องค้างไว้ได้นานสุด 10 วินาที
(คลิกเพื่อดูภาพใหญ่)
(คลิกเพื่อดูภาพใหญ่)
พอคุมค่าต่าง ๆ เหล่านี้ได้ก็ทำให้ทำภาพแปลก ๆ สวย ๆ ออกมาได้เยอะเลย
ถ่ายภาพติดฟิลเตอร์
แต่ก่อนเวลาถ่ายรูปก็ถ่าย ๆ ไปแล้วจบ แต่พักหลังเริ่มรู้สึกชอบการถ่ายรูปแบบใส่ฟิลเตอร์สด (คือเห็นภาพพร้อมฟิลเตอร์เลยตั้งแต่ตอนเล็งถ่าย) อย่างทริปนี้เราติดถ่ายภาพขาวดำมาก มันได้อารมณ์ของภาพออกมาอีกแบบ เช่นรูปนี้เป็นต้น
อันนี้คือไม่ได้แต่งอะไรเลยนะ ถ่ายออกมาจากกล้องยังไงก็เอามาโพสต์อย่างงั้น
นอกจากภาพขาวดำแล้ว ยังมีฟิลเตอร์อื่น ๆ ที่ให้อารมณ์แตกต่างกันไปอีก ลองใช้งานดู
อ้อ ถ้าฟิลเตอร์มีไม่พอใช้ก็โหลดจาก Store เพิ่มได้ด้วย ใช้ของพวก Camera 360, LINE Camera ฯลฯ กับกล้องของซัมซุงได้เลยอีกตะหาก มีให้เลือกเยอะมาก (เยอะจนเลือกไม่ถูก ~_~๗)
ถ่ายซูม x2
ด้วยอิทธิฤทธิ์ของกล้อง Tele ทำให้เราสามารถถ่ายรูปซูม x2 เข้าไปได้โดยภาพไม่แตก ซึ่งแอป ฯ ถ่ายภาพมีปุ่ม x2 ให้เรากดง่าย ๆ ด้วย
หรือถ้าเราซูมเองจนถึง x2 มันก็จะสลับไปใช้กล้อง Tele ให้โดยอัตโนมัติอีกด้วย และนี่คือสิ่งที่ Note 8 เปลี่ยนวิถีการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือเราไปเลย
มันก็มีหลายครั้งที่เราอยากจะถ่ายเจาะเข้าไปในวัตถุบางอย่าง แต่ว่าวัตถุนั้นอยู่ไกลหรืออาจจะโดนกั้นไม่ให้เข้าใกล้ เช่น
แต่ก็อยากจะถ่ายให้เห็นรายละเอียดอ่ะ ทำยังไงดี ... ไม่ใช่ปัญหา ก็ซูม x2 เข้าไปสิฮ้าบบบบ ได้ออกมาแบบนี้
รายละเอียดครบ ไม่เบลอไม่แตก เพราะมันสลับไปใช้กล้องสองซึ่งเป็น Optical Zoom สุขใจมาก
ทริปนี้เราถ่ายรูปแบบ x2 มาเยอะมากกกก เพราะมันเก็บรายละเอียดได้ครบ และภาพแบบ x2 ก็ให้อารมณ์ภาพที่ต่างออกไปจากการถ่าย Wide ด้วย อย่างที่เห็นด้านบนเป็นต้น
ถ่ายมาโคร
หนึ่งในฟีเจอร์ลับที่ไปค้นเจอระหว่างลองใช้งานในนิวยอร์คคือ ... มันถ่ายมาโครได้ มาโครแบบมาโครจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้
อันนี้เป็นการประยุกต์ใช้กล้อง Tele ในการถ่าย ซัมซุงไม่ได้โฆษณาเรื่องนี้ไว้ แต่เราว่ามันเจ๋งมากกกก รายละเอียดเพิ่มเติมไว้รอบล็อกหน้านะ
ถ่าย Live Focus
เด็ดสุดไว้หลังสุด ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับฟีเจอร์ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอที่หลาย ๆ คนรอคอย
ฟีเจอร์ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอเป็นการทำงานประสานกันของกล้องสองตัว Wide และ Tele โดยกล้องทั้งสองตัวจะทำงานร่วมกันเพื่อหาความลึกตื้นแล้วจับเบลอส่วนที่อยู่ไกลแต่ยังคงปล่อยส่วนที่อยู่ใกล้ให้คมชัดต่อไป จึงเกิดเป็นฟีเจอร์หน้าชัดหลังเบลอด้วยวิธีแบบนี้
โดยการถ่าย Live Focus กล้องที่ถูกใช้งานเป็นหลักจะเป็นกล้องตัว Tele ทำให้ภาพที่ออกมาได้จึงเป็นภาพ x2 เสมอ เช่น ถ้าถ่ายด้วยกล้องปกติจะได้มุมมองแบบด้านซ้าย แต่พอสลับมาเป็นโหมด Live Focus ภาพจะถูกซูมเข้าไปสองเท่าทันทีแบบด้านขวาครับ
ดังนั้นการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอจึงต้องเว้นระยะไว้ด้วยระดับหนึ่ง
และเนื่องจากมันเป็นการเอาภาพสองภาพมารวมกันและเบลอด้วยซอฟต์แวร์ ซัมซุงเลยเลือกเก็บทุกไฟล์ไว้ให้เราเพื่อให้เราสามารถมาปรับความเบลอของ Background ในภายหลังได้
และอย่างที่บอก เวลาถ่าย Live Focus ทั้งภาพแบบ Wide และแบบ Tele (ซูม) จะถูกบันทึกลงไปในไฟล์เพื่อเอามาใช้ปรับความเบลอในภายหลัง และซัมซุงก็เอาคุณสมบัติข้อนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยแอป ฯ Gallery จะอนุญาตให้เราสามารถสลับไปดูภาพแบบ Wide (ซึ่งไม่มีความเป็นหน้าชัดหลังเบลอ) ได้ และนำมาใช้งานได้ด้วยถ้าต้องการ
ซึ่งจะบอกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาดีมาก ถ่ายทีเดียวได้ทั้งภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอและแบบภาพกว้าง ซึ่งได้ใช้เยอะอยู่โดยเฉพาะการถ่ายภาพคน (Portrait) บางทีถ่ายซูมเข้าไปแล้วสุดท้ายไม่สวย ใช้งานไม่ได้ ก็ไม่ใช่ปัญหา ยังมีภาพใหญ่ให้ใช้งานอีกภาพนึงด้วย เท่ดี
หรือบางทีภาพกว้างก็ทำให้เราได้เห็นเบื้องหลังได้อีกด้วย เช่น ภาพด้านบนนี้ ... คนขวานี่มองแรงเชียวนะนาย ~.~
โดยรวมภาพถ่ายจาก Live Focus ถือว่าทำออกมาได้สวยงามมาก ถ่ายปุ๊บติดปั๊บ ไม่ต้องถือมือถือรอเหมือนรุ่นก่อน ๆ และจากภาพที่ได้ ค่อนข้างมั่นใจว่าคุณผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบมันอย่างแน่นอน ^0^
Dual OIS มี OIS ทั้งสองกล้อง
อย่างที่เราเขียนด้านบนว่ากล้อง x2 นั้นมีประโยชน์มาก ๆ สามารถใช้ถ่ายงานจริงได้ ทางซัมซุงก็เลยจัด OIS มาให้เลนส์ Tele ด้วย ก็คือกลายเป็นมือถือรุ่นที่มี OIS ทั้งสองกล้อง (Dual OIS) ภาพซูมที่ได้เลยออกมาเลยคมชัด โอกาสเบลอน้อยกว่ารุ่นที่กล้องสองไม่มี OIS อันนี้ซัมซุงเคลมมาบนเวทีเลยด้วยภาพตัวอย่าง (ถ่ายที่ไทยด้วยนะเออ)
ก็สนุกดีนะ เอาชื่อรุ่นคู่แข่งขึ้น Keynote เลย ชอบการแข่งกันแบบนี้
ส่วนตัวก็อยากลองนะว่าเป็นจริงตามนั้นมั้ย แต่ไม่มี iPhone 7 Plus ใช้อ่ะ แหะ ๆ แต่ถ้าตามสเปคก็น่าจะจริงแหละ เลนส์มี OIS นี่นา
ไปต่อเรื่องกล้องกันบล็อกหน้า
นี่ก็เป็นความสามารถแบบคร่าว ๆ ของกล้อง Note 8 แต่เนื่องจากเรื่องกล้องนี่แอบรายละเอียดเยอะ ลูกเล่นแพรวพราวมาก และทริปนิวยอร์คที่ผ่านมาก็เผอิญถ่ายรูปมาไว้เยอะพอสมควร ดังนั้น ... ขอเก็บเรื่องกล้องไว้เป็นบล็อกแยกละกันนะ บล็อกหน้าเดี๋ยวจะจัดเรื่องกล้องมาให้แบบเต็มเต็มกันไปเลออออ ถ่ายยังไง ภาพเป็นไง มีเทคนิคอะไรบ้าง บลา ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวมีจัดเต็มแน่นอน สำหรับบล็อกนี้ขอพอเรื่องกล้องไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวยาวไป อ่ะ ไปเรื่องถัดไปบ้าง
ฟีเจอร์ S-Pen เยอะจัด ๆ และมีประโยชน์มาก
S-Pen เป็นจุดเด่นของมือถือตระกูล Note ที่ทำให้มันออกมากี่รุ่นก็ขายดิบขายดีถล่มทลาย ไม่ใช่เพราะความสามารถในการเอามาวาดโน่นวาดนี่เท่านั้น แต่ซัมซุงยังมีทำฟีเจอร์ทางซอฟต์แวร์มากมายเพื่อให้ใช้ประโยชน์ S-Pen ได้อย่างสูงสุดอีกด้วย และเราจะมาพูดถึงมันกันในหัวข้อนี้
ก่อนอื่นก็ขอ Recap สเปคของ S-Pen ก่อนนิดนึง โดย S-Pen ของ Note 8 จะเป็นสเปคเดียวกับ Note 7 ที่ยกเลิกขายไป คือหัวเล็กมาก ขนาดเพียง 0.7 มิลลิเมตร เท่านั้น การวาดจึงแม่นยำมาก ๆ และมันยังสามารถวัดน้ำหนักการกดต่างกันได้ถึง 4096 ระดับอีกด้วย ซึ่งถ้าให้เทียบกับ Note 5 ซึ่งหัวใหญ่ถึง 1.6 มิลลิเมตร ก็จะรู้ว่าปากกาตัวใหม่นี้ดีกว่ามากอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งที่บอกว่าดีกว่าก็ไม่ใช่เพราะแค่ดูสเปค แต่ลองใช้ดูแล้ว มันต่างกันจริง ๆ บน Note 8 วาดได้ลื่นกว่ามาก ๆ ไว้รอดูผลงานด้านล่างได้
อ่ะ แล้ว S-Pen ทำอะไรได้บ้าง ? สารภาพว่าเขียนไม่หมดอ่ะ ขอยกมาเฉพาะส่วนที่เด็ด ๆ เจ๋ง ๆ ละกัน มาดูกันทีละตัว เริ่มจากเบสิค ๆ ก่อน
วาดได้แม่นลื่นเนียนกิ๊ก
เนื่องจากปากกาหัวเล็กมากและทำมาจากวัสดุแข็ง ๆ ไม่ใช่ยาง ทำให้การวาดทำได้ลื่นไหลมาก ๆ เหมือนกับเขียนบนกระดาษเลย แบบ รู้สึกดีมากจริงอะไรจริง
คำสั่งอื่น ๆ ที่ใช้แล้วมีประโยชน์ก็เช่น บอกให้เปิดกล้องและถ่ายเซลฟี่ให้หน่อย ไม่ต้องทำอะไรเลย มันจะทำทุกอย่างให้เอง จะบอกว่ามันดูดีกว่า Google Assistant ซะอีกตอนนี้ เพราะมันทำงานร่วมไปกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ของมือถืออย่างแท้จริง
โดยรวมถือว่าประทับใจเลยหละ สารภาพว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมอง Bixby เลย แต่พอเจอฟีเจอร์ที่เพิ่งเปิดตัวในงานนี้เท่านั้นแหละ ความคิดเปลี่ยนเลย เราว่ามันน่าใช้มากมายละตอนนี้ ใครมี S8 ก็ลองกดลองดูก่อนได้นะ ตอนนี้ก็เริ่มจะติดใจหน่อย ๆ ละนี่
แบต ฯ 3,300 mAh พอต่อการใช้งานในแต่ละวัน
สเปค ฯ ทุกอย่างของ Note 8 จะเหนือกว่า S8 Plus หมดเลย แต่มีอย่างเดียวที่ลดลงเล็กน้อยคือ "แบตเตอรี่" เพราะ Note 8 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh ต่ำกว่า Note 7 และ S8 Plus อยู่ 200 mAh หรือหายไปประมาณ 6%
ส่วนสาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ครูฟิสิกส์เคยสอนมาแต่ครั้งยังเยาว์
สสารต้องการที่อยู่
สิ่งที่ Note 8 มีเพิ่มมาและถือว่ามีขนาดอยู่ก็คือ "ปากกา"
แน่นอนว่าการจะยัดปากกาลงไปได้ในมือถือที่พื้นที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก อันนี้ก็จำต้องตัดอะไรบางอย่างทิ้งไป และสิ่งที่เค้าตัดทิ้งไปนิดนึงก็คือแบตเตอรี่นี่เอง และเผื่อใครไม่รู้ แบตเตอรี่ถือเป็นส่วนประกอบที่ใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ใด ๆ อย่างเช่นอันนี้ เป็นภาพของ S8 Plus ที่ถูกรื้อเครื่องออกมาให้เห็นด้านใน
เห็นมะ แบตใหญ่มากมาย
ซึ่งแน่นอน การที่แบตลดลงกว่ารุ่นก่อนก็ทำให้มีคำถามตามมาว่าแล้วมันจะเพียงพอต่อการใช้งานหรอ ? จนมีนักข่าวไปสัมภาษณ์ DJ Koh CEO ของซัมซุง และก็ได้คำตอบมาว่า
CPU ที่เราเลือกใช้ใน Note 8 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 10nm ซึ่งทำให้กินไฟน้อยลงกว่ารุ่นก่อน ๆ มาก การที่แบตลดลงเพียง 6% ก็เลยไม่ได้ส่งผลอะไร และก็เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันอย่างไม่มีปัญหา
ซึ่งตามสเปคก็จริงตามนั้น CPU ที่ Note 8 เลือกใช้อย่าง Exynos 8895 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตชิปขนาด 10nm ที่ถือว่าไฮเทคสุด ๆ แล้ว ชิปที่ใช้ใน Note 8 ก็เลยกินไฟน้อยกว่ารุ่นก่อน ๆ มากแถมประสิทธิภาพดีขึ้นอีกต่างหาก
แต่ถึงอย่างไรถ้าให้พูดแบบไม่ต้องลง Technical อะไรมากมาย อยากจะบอกว่านาทีนี้ไม่ใช่เวลาของการมาดูว่าแบตเยอะแบตน้อยอะไรขนาดนั้นแล้ว ตัวเลขพวกนั้นก็แค่ตัวเลข เอาเข้าจริงสิ่งที่สำคัญคือ "เวลาที่ใช้งานได้จากการชาร์จแบตเตอรี่แต่ละครั้ง" ต่างหาก ถ้ายังไม่ได้ทดสอบก็คงบอกไม่ได้ว่าแบตพอหรือไม่พอ
ซึ่งเราก็แอบ Concern เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ก็เลยทดสอบเองซะเลย โดยทดสอบด้วยการใช้งานในรูปแบบชีวิตประจำวันของมนุษย์ปกติ ใส่ซิม ต่อ 4G ทิ้งไว้ตลอดเวลา ใช้งานทั่วไป เล่นเฟส เล่น LINE เล่น IG เล่นเกม ถ่ายรูป วาดรูปเล่น ใช้งานบ้างวางทิ้งไว้เฉย ๆ บ้าง ปรากฎว่าแบตสามารถอยู่ได้ถึง 15 ชั่วโมงสบาย ๆ
ดังนั้นก็ตามนั้นครับ เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันแน่นอน
และก็เคยทดสอบอีกแบบนึงด้วยคือ ใช้งานหนักมาก ๆ ถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอตลอดเวลา ปรากฎว่าใช้งานได้ 4 ชั่วโมงเลย ซึ่งถือว่านานแล้วนะกับการใช้งานหนักขนาดนั้น
อันนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบการใช้งานครับ ถ้าเกิดใครใช้งานมือถือแบบบ้าคลั่งเช่น เล่นเกมทั้งวัน เล่น VR ถ่ายรูปถ่ายวีดีโอเป็นชั่วโมง แบตก็อาจจะอยู่ได้นานน้อยกว่านี้ เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใช้งานแบบชีวิตประจำวันจริง ๆ แบต Note 8 ค่อนข้างเหลือเฟือต่อการใช้งาน 1 วันครับ
แบตจะมีปัญหาอีกมั้ย
ปีที่แล้วกรณีศึกษาของ Note 7 ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มากของวงการ พอ Note 8 ออก คนจำนวนนึงก็ตั้งคำถามละว่า แบตเตอรี่จะมีปัญหาเหมือนรุ่นก่อนอีกมั้ย
ก็ถ้าให้ดูถึง Root Cause ของปัญหา Note 7 จะพบว่าปัญหามันอยู่ที่ "แบตเตอรี่" ไม่ใช่อยู่ที่มือถือ Galaxy Note และหลังจาก Note 7 ยกเลิกขายไป รุ่น Flagship ที่ออกมาก่อนหน้า Note 8 ก็มีแล้วคือ Galaxy S8 นั่นเอง ซึ่งตอน S8 ออก ทางซัมซุงก็ออกวีดีโอเพื่ออธิบายการทดสอบแบตเตอรี่โดยละเอียดเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าไปทีนึงแล้ว
และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเคสว่า S8 มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เลย ดังนั้น Note 8 ซึ่งเป็นรุ่นเครือญาติของ S8 ก็น่าจะอุ่นใจได้ระดับใหญ่ ๆ แล้วว่าน่าจะไม่มีปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีกครับ
ก็จบไปเรียบร้อยกับเรื่องแบตเตอรี่ หวังว่าจะตอบปัญหาคาใจของใครหลาย ๆ คนได้ฮ้าบบ ^__^
อยากใช้ Gear VR ต้องซื้อรุ่นใหม่
เนื่องจากว่า Gear VR รุ่นเดิม (ปี 2016) ไม่สามารถใส่ Note 8 ได้แล้ว เพราะยัดมือถือไม่เข้า งานนี้ซัมซุงก็เลยเปิดตัว Gear VR ตัวใหม่ที่มีไว้ใช้กับ Note 8 เป็นที่เรียบร้อย หน้าตาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใหญ่ขึ้น
น่าเสียดายเบา ๆ สำหรับคนที่มี Gear VR ไว้ในครอบครองอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ อยากใช้ต้องซื้อใหม่เท่านั้น แต่สำหรับคนที่ยังไม่มีและอยากจะใช้งาน Gear VR ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ Note 8 หรือรุ่นอื่นก็ตาม ให้รอซื้อรุ่นใหม่ไปเลย เพราะจะใช้งานย้อนไปได้ถึงรุ่นเก่า ๆ หมดจ้า
ใช้กับ Daydream Headset ได้ในตัว
Note 8 เป็นมือถือรุ่นแรก ๆ ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Daydream ซึ่งเป็น VR Platform ของกูเกิลเองได้ในตัวเลย (S8 ก็เพิ่งได้ไม่นานนี้)
ก็ถือเป็นรุ่นแรก ๆ เลยหละที่ใช้งาน Daydream ได้ เรียกว่าเป็นมือถือรุ่นที่ Universal สุด ๆ สำหรับการใช้งานด้าน Virtual Reality ใช้กับ Mobile Headset ตัวไหนก็ได้ละ จะ Gear VR หรือ Daydream ก็ใช้ได้หมด
ฟังเพลง PCM คุณภาพสูง 32-bit/384kHz ได้
สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงคุณภาพสูงและมีไฟล์เสียง 32-bit/384kHz อยู่ ยินดีด้วย คุณสามารถเล่นไฟล์เพลงนี้ได้อย่างเต็มคุณภาพบน Samsung Galaxy Note 8 จ้าาา
เชื่อว่าน่าจะถูกใจคนสายดนตรีแบบจริงจังอยู่ ไม่ได้หาง่าย ๆ นะ มือถือรุ่นที่สนับสนุนเสียง Sampling ขนาดนี้ =D
มี 4 สี
Note 8 เปิดตัวรอบนี้สี่สีรวด Midnight Black, Deep Sea Blue, Maple Gold และ Orchid Gray ตามลำดับ
ซึ่งฝาหลังจะเงาวับ ทำให้สีมันเลยเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อมอีกด้วย
โดยจะเข้าไทยทุกสียกเว้น Deep Sea Blue สีเดียวครับป๋ม
ราคาเปิดตัว 33,900 บาท
ในไทยประกาศราคาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอยู่ที่ 33,900 บาท แพงกว่า S8 Plus อยู่ 3,000 บาท คร้าบผม
เท่าที่ดู ๆ เหมือนว่าโปรโมชันจะเยอะแยะมากมายด้วยนะ ของแถมเพียบ ยังไงถ้าใครสนใจก็รอดูโปรจากเจ้าต่าง ๆ ให้ครบแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้
มีอะไรในกล่องบ้าง
ในกล่องก็มีของทั้งหมดตามนี้ ~~~~
หลัก ๆ น่าจะรู้จักหมดแล้วว่าอะไรคืออะไร ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็มีหูฟัง AKG ที่แถมมาให้ด้วย เสียบรูหูฟัง 3.5 mm ได้เลย มันยังมีอยู่หนะ ... #แซะ แล้วก็มีหัวปากกา S-Pen มาให้เปลี่ยนด้วยหละ 5 อันแหนะ
ส่วนชิ้นที่ 5 ในรูปอันนั้นก็ดี เป็นหัวต่อสำหรับโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่ามาเครื่องใหม่อย่างรวดเร็ว (Smart Switch) ย้ายจาก iPhone มายังได้เลยนะ เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีขาย มีแต่แถมมากับกล่องของ High-End รุ่นใหม่ ๆ เท่านั้น เก็บไว้ดี ๆ
จะ Note 8 หรือจะ S8 ดี ?
จะจบละ มาถึงคำถามสุดท้าย โจทย์ที่มีคนชอบมาถามตลอดเลยคือ
"จะซื้อ Note 8 หรือ S8 ดีอ่ะ"
อันนี้คงตอบเหมือนเดิมว่า ให้เลือกตามการใช้งานของแต่ละคนคร้าบบบผม
มันไม่มีหรอกมือถือที่ดีที่สุดอ่ะ มันมีแต่มือถือที่เหมาะสมกับคน ๆ นั้นที่สุด
ดังนั้นก็ต้องหาก่อนว่า Note 8 หรือ S8 ที่เหมาะกับเรา ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ตัดสินใจไม่ยาก เพราะสิ่งที่ Note 8 ต่างกับ S8 หลัก ๆ มีอยู่สองอย่าง คือ
- มีปากกา - หากใช้งานปากกาเยอะ ไม่ว่าจะเพราะเป็นคนชอบขีดชอบเขียน หรือว่าเพราะเป็นคนที่ทำงานด้านการออกแบบแล้วต้องวาดโน่นวาดนี่บนมือถือเยอะ ก็เลือก Note 8 เลย ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันไม่มีอุปกรณ์เสริมอะไรที่ใช้งานแทน S-Pen ได้
- กล้องคู่ - ปกติ S8 ก็ถ่ายรูปสวยมากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องหน้าชัดหลังเบลอยังทำได้ไม่ดีเท่ารุ่นที่เป็นกล้องคู่ ถึงจะมี Selective Focus ให้ใช้ก็ตาม แต่ถ้าเทียบกับ Live Focus แล้วนี่ถือว่าคนละโลกกันเลย ตัว Live Focus ของ Note 8 ดีกว่ามาก ๆ นอกจากนั้นฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เพิ่มมาอย่างเช่นการถ่ายภาพซูม x2 หรือถ่ายมาโคร ก็เป็นจุดที่ทำให้ S8 และ Note 8 แตกต่างกันออกไปมาก ดังนั้นหากใครชอบถ่ายรูปและอยากจะพกมือถือแทนกล้องแล้วหละก็ Note 8 อาจจะเหมาะกับคุณมากกว่าครับ
คราวนี้ก็ลองถามตัวเองดูว่าเราใช้งานสองอย่างที่ว่ามั้ย ถ้าใช้เยอะ Note 8 ก็เหมาะกับคุณครับ แต่ถ้าไม่ได้ใช้ S8 ก็จะเหมาะกับคุณมากกว่า
และก็มาถึงหัวข้อสุดท้าย
คุ้มมั้ยกับ 3,000 บาท ที่เพิ่มขึ้นจาก S8 Plus ?
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว (เพราะมีคนมาถามเรื่อย ๆ อีกเช่นกัน)
จะเห็นว่า Note 8 ราคาสูงกว่า S8 Plus อยู่ 3,000 บาท ถามว่าจำนวนเงินส่วนต่างที่เสียเพิ่มนี้คุ้มมั้ย ?
คือเอาจริง ๆ นะ มันเหมือนซื้อปากกากับกล้องคู่เพิ่มด้วยเงิน 3,000 บาท อ่ะ และมันก็ไม่ใช่แค่ซื้อฮาร์ดแวร์แล้วจบ แต่ซอฟต์แวร์และประโยชน์ในการใช้งานจริงก็มีพร้อมสรรพตามที่ได้บรรยายด้านบนให้อ่านกันแล้ว เทียบกับสิ่งที่ได้เพิ่มมานี่ แอบรู้สึกเป็นการส่วนตัวว่าเป็น 3,000 บาทที่คุ้มมากกกก
คำตอบของเราก็คงเป็นว่า "ถ้าได้ใช้งานปากกาและชอบถ่ายรูป คงต้องบอกว่า คุ้มมาก"
นี่ไม่ได้อวยและไม่ได้เพราะซัมซุงพาไปงานเปิดตัว คิดแบบนี้จริง ๆ ติดใจ Note 8 มากมาย
ยังไม่หมดแค่นี้ รอชมรีวิวกล้อง Note 8 ในบล็อกถัดไป
บล็อกนี้เป็นแค่พรีวิวภาพรวมของ Note 8 ... ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจว่าบล็อกจะยาวขนาดนี้ แต่ของเล่นมันเยอะจริง ๆ อ่ะ นี่คือตัดใจไม่เขียนอะไรไปหลายอย่างละนะ ยอมเลย
อีกหนึ่งเรื่องที่อยากจะเจาะและเขียนถึงละเอียด ๆ หน่อยคือเรื่อง "กล้อง" จะเอามาใส่ในบล็อกนี้ก็ไม่ไหวเพราะภาพเยอะ ดังนั้นขอไปต่อกันในบล็อกถัดไปละกันนะคร้าบ น่าจะเขียนเสร็จได้ภายในสุดสัปดาห์นี้ เอามาฝากก่อนรูปนึง อ่ะ นี่ถ่ายจาก Note 8
ก็ขอบคุณซัมซุงเป็นอย่างสูงที่พาไปงานเปิดตัวที่นิวยอร์คด้วยนะคร้าบผม =)
ยังไงก็หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์น้า ใช้พลังเขียนเยอะมาก ไว้เจอกันบล็อกหน้า ไปแล้น แว้บบบบบ
อัปเดต 01/09/17: ทดสอบประสิทธิภาพ S-Pen กับโปรเจค "Note 8 Sketchbook"
อัปบล็อกเกี่ยวกับ Note 8 เพิ่มมาอีก 1 บล็อกคร้าบ กับโปรเจค "Note 8 Sketchbook" ที่ตัวเนยตระเวนไปทั่วนิวยอร์คไล่สเก็ตช์ภาพสถานที่ต่าง ๆ ไว้ 7 รูปด้วย บล็อกนี้เลยรวมเอาภาพสเก็ตช์เหล่านั้นมาแปะไว้ในบล็อกให้ดูกัน จะเป็นยังไงบ้างกดเลยยยย
"Note 8 Sketchbook" โปรเจคสนุก ๆ ควง Galaxy Note 8 ตระเวนสเก็ตช์ภาพทั่วนิวยอร์ค
เสียดายว่ามีเวลาไม่เยอะ ไม่งั้นสเก็ตช์เป็นร้อยรูปละ ติดใจมาก 555
อัปเดต 03/09/17: รีวิวกล้องคู่ของ Samsung Galaxy Note 8
มาแล้วกับรีวิว "กล้องคู่" ของ Samsung Galaxy Note 8 อยากรู้ว่าประสิทธิภาพจะบ้าพลังเพียงใด มาดูกันได้ที่บล็อกนี้เลยยย
รีวิวความสามารถกล้องคู่ของ Galaxy Note 8 พร้อมตัวอย่างภาพถ่ายแบบจัดเต็ม
ก็หวังว่ารีวิวทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่านนาก๊ะ ใช้เวลาเขียนเยอะมาก แต่สนุกดี ^__^
ยังมีอะไรมาให้โชว์อีก แต่คงจะไปโพสต์ในเฟสบ้าง ยังไงก็ไปตามกันที่เพจ nuuneoi.com ได้นะนะนะนะนะ