มาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนกว่า ๆ ละ เวลาผ่านไปเร็วมาก ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก็แอบดูการทำงานของคนที่นี่ว่าเป็นยังไงบ้างมาตลอด ก็อุตส่าห์ได้มาอยู่ในสถานที่ที่คนในวงการ Developer อยากมากันทุกคนแล้วนี่ วันนี้เลยขอมาบันทึกเก็บไว้สักหน่อยละกันว่าเป็นยังไงบ้าง =)
เป็นสังคมที่โฟกัสการทำงานดี(มาก)
ชีวิตตอนอยู่ไทยต้องยอมรับว่าโดน Distract ได้ตลอดเวลาเลยจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นในสังคมไม่เว้นแต่ละวัน (หรือจะนับเป็นหลักชั่วโมงยังได้เลยมั้ง)
แต่พอมานี่นี่แทบไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรทำนองนั้นจากสังคมเลย ข่าวจากสื่อหลักก็จะเป็นข่าวจริงจัง ไม่เหมือนที่ไทยที่เน้นเสิร์ฟดราม่ายัน Clickbait ส่วนข่าว Gossip ดาราอะไรก็ไม่ได้รับความนิยมขนาดที่มีคนเอามาคุยกัน
เรื่อง Trump นี่เป็นเรื่องเป็นราวทุกวัน แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อบรรยากาศการทำงานใด ๆ เลย ดาราเลิกกันก็ไม่มีใครสนใจอะไรทั้งสิ้น
ส่วนการเดินทางก็ค่อนข้างง่ายและสะดวก ทำให้ไม่ต้องเสียพลังงานจากการเดินทางรถติดวุ่นวายอะไรเลย ถ้าทำงานบริษัทใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมี Shuttle Bus มารับมาส่งถึงแถวบ้าน
ดังนั้นคนในสังคมนี้ก็เลยสามารถโฟกัสกับงานได้อย่างจริงจัง ไม่ถูก Distract ด้วยอะไรง่าย ๆ กอปรกับการที่คนในสังคมที่นี่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่น ทำให้สามารถมุ่งใส่ใจกับสิ่งที่เป็นหน้าที่ของตัวเองเท่านั้นได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
และจากการที่ได้เห็นคนที่นี่ทำงานแล้วต้องบอกว่ามันเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ผลลัพธ์ที่เห็นนี่วัดได้เลยว่าทุกคนทำงานกันอย่างมี Quality มาก ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทำให้เกิดพฤติกรรมดี ๆ อย่างอื่นตามมาอีก
มาตรฐานของคนที่นี่สูง รับผิดชอบงานเองได้ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุดนิ่ง
เนื่องจากว่า Silicon Valley มันเป็นแหล่งพัฒนาซอฟต์แวร์ในเชิงธุรกิจแบบจริงจังระดับต้น ๆ ของโลกตอนนี้แล้ว ดังนั้นคนที่จะมาทำงานที่นี่ได้เลยเป็นคนที่จะถูกคัดมาแล้ว ไม่ต้องแปลกใจ มาตรฐานบุคลากรที่นี่เลยสูงมากกกกก
คนที่ทำงานจริงจังที่นี่ (ไม่นับ Intern) ล้วนมีคำว่า "เก่ง" กำกับอยู่ทุกคน จะเก่งมากเก่งน้อยหรือเก่งทางไหนก็อีกเรื่อง แต่เก่งในระดับที่สามารถทำงานได้จริงทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก ยังไม่เคยเห็นคนที่ทำงานไม่เป็นหรือทำงานไม่ได้เลยอ่ะ แม้แต่คนจบใหม่ก็ตามที
และแค่นั้นยังไม่พอ ทุกคนนอกจากจะเก่งแล้วยังสามารถทำงานเป็นทีมได้อีกด้วย รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายกันได้กันทุกคน ไม่ต้องมาคอยสอนหรือจ้ำจี้จ้ำไชให้ทำงาน รับผิดชอบเองได้ ดูแล้วน่าจะเป็นสกิลที่จำเป็นก่อนจะถูกคัดมาอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำไป
และเนื่องจากทุกคนล้วนเก่ง งานที่ทำก็มีหลากหลาย หากอยู่แต่กับเรื่องเดิม ๆ ทำเป็นแต่เรื่องเดิม ๆ มันก็คือการไม่พัฒนาขึ้นเลยและคงสู้กับคนอื่นไม่ได้อีก สังคมก็เลยมีการกดดันเล็ก ๆ ทำให้ทุกคนต้องพยายามเก่งขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งสกิลที่เราเห็นในตัวทุกคนที่ทำงานอยู่ที่นี่เลยคือ
ทุกคนสามารถเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ได้ด้วยตัวเอง
ถึงแม้เรื่องนั้นจะไม่เคยทำมาก่อน ไม่มีความรู้มาก่อน ก็เห็นคนที่นี่ทุกคนนั่งหาข้อมูลศึกษาจนเข้าใจและทำเป็น กลายเป็น Mindset ที่คาดหวังได้จากทุกคนเลยทีเดียว
ซึ่งเอาจริง ๆ มันเป็นสกิลที่สำคัญมากของนักพัฒนานะ แต่ต้องยอมรับว่าที่ไทยไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ แต่ที่นี่คือทุกคนมีความสามารถนี้หมด เป็นเรื่องพื้นฐาน
และที่บอกว่าเก่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ได้จำกัดเฉพาะนักพัฒนาด้วย งานด้านอื่น ดีไซน์เนอร์ เซลล์ นักการตลาด ทุกคนไม่หยุดอยู่กับที่ เก่งขึ้นด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ใครคอยจับความรู้ใหม่ ๆ มาเข้าหัว เรารักสังคมแบบนี้มากมาย
ทำงานกันเร็วมาก
ด้วยความเก่งที่มีอยู่ในตัวทุกคน และยังไม่มีดราม่ามาคอยต้านประสิทธิภาพ คนที่นี่เลยทำงานกันเร็วมากกกกกกกกกก เร็วเฟร่อ เร็วเว่อร์ แบบ อะไรก๊านนนนน ยอมเลยจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เห็นผลงานแปลก ๆ ใหม่ ๆ ออกมาไม่หยุดจากที่นี่
แบ่งเวลาทำงานและพักผ่อนกันดี
คนที่นี่ไม่ได้ตะบี้ตะบันทำงานอย่างบ้าคลั่ง แต่แบ่งเวลากันได้ดี เวลางานก็ทำงาน เลิกงานก็พักผ่อน เดินเล่น นั่งเล่นเกม ซึ่งโดยรวมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นเนื่องจากได้ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม
คือคนที่นี่ไม่ได้เน้นเรื่องเวลาทำงาน ต้องตอกเข้างาน ชั่วโมงต้องเป๊ะ บลา ๆ ๆ ๆ แต่จะเน้นเรื่อง "ผลงาน" เป็นหลัก ก็จะเห็นจากที่บางบริษัทเปิดให้คน Work from home (ทำงานจากบ้าน) ได้ ไม่ต้องไปออฟฟิศทุกวัน แต่ต้องทำงานให้ได้นะ และต้องไม่กระทบต่อการทำงานกับทีมด้วยนะ
เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ก็เพราะคนที่นี่มีความรับผิดชอบต่องานด้วยนั่นเอง นี่แหละ มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ดีของสังคมที่พอต่อยอดขึ้นมาก็กลายเป็นเรื่องดี ๆ อื่น ๆ ตามมาอีก
Ecosystem โตแล้ว อำนวยต่อการทำธุรกิจ
เนื่องจากว่าที่นี่เติบโตมาด้วยพื้นฐานของธุรกิจเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นที่นี่เครือข่าย Connection เลยค่อนข้างแน่น ใครอยากคุยงานกับใครก็หา Connection เข้าหาได้ค่อนข้างจะเสมอ
ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลต่อการทำงานด้วยเหมือนกัน เพราะว่างานที่ทำออกมาจะไม่ใช่แค่เรื่องฝันลม ๆ แล้ง ๆ หากเป็นงานที่ Solve ปัญหาและมี Demand จริง ก็สามารถออกสู่ตลาดได้ทันที คนในทีมก็เลยมีมิชชั่นชัดเจน CEO กำหนดแผนและวางเป้าหมาย นักพัฒนาทำมันขึ้นมา เซลล์เอามันไปขาย แล้วก็ Repeat อย่างรวดเร็ว เพราะทุกช่องทาง Ecosystem ของที่นี่ได้มีเตรียมพร้อมไว้ให้หมดแล้ว
ซึ่งแน่นอน พอทุกอย่างชัดขนาดนี้ ทุกคนในทีมก็เลยมีกำลังใจทำงานและโฟกัสกับมันได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
เราว่าเรื่องนี้เป็นข้อได้เปรียบมาก ๆ ของที่ Silicon Valley เลยหละ ผลงานที่ดีก็มีที่ให้ยืนได้ไม่ยาก แต่แน่นอนว่าพอตลาดเปิดแบบนี้ การแข่งขันก็จะสูงปรี้ดดดดตามด้วยเช่นกัน อันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมากของการทำ Startup แถวนี้ครับ คือต้องเร็วมาก ๆ แต่เร็วอย่างเดียวไม่พอ ต้องดีด้วย และแค่นั้นก็ยังไม่พออีก ต้องแตกต่างและทำให้ทุกคนรักที่จะใช้อีก
เงินเดือนสูงพอจะมีเงินเหลือเก็บเยอะมากในแต่ละเดือน
ก็ถามตัวเองว่าทำไมคนที่นี่ถึงสามารถโฟกัสงานโดยไม่ต้องว่อกแว่กอะไรได้ ไม่ต้องคอยรับงานฝิ่น ไม่ต้องคิดโน่นคิดนี่เยอะ ก็พบว่าเรื่องของ "เงินเดือน" ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
คนสาย Tech ที่นี่ได้รับเงินเดือนสูงพอที่จะมีเงินเหลือเก็บหลักหลายพันเหรียญต่อเดือนได้สบาย ๆ ทำให้ไม่ต้องไปคิดอะไรมากมายเรื่องเงิน ทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ก็พอแล้ว
ทุกคนใช้ Mac
เออ จริง ...
สิ่งที่เรียนรู้และสามารถปรับใช้กับการทำงานในไทยได้
ก็มีหลาย ๆ อย่างนะที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้แม้จะอยู่ที่ไทยก็ตาม ตามนี้
1) ย้ายที่พักไปอยู่ใกล้บริษัท - คือพอความเครียดจากการเดินทางลด ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้นเอง
2) ยุ่งเรื่องคนอื่นน้อย ๆ ไม่ยุ่งเลยยิ่งดี
3) จงมี Mindset ของการอยากเก่งขึ้นตลอดเวลา
4) เลือกทำงานกับบริษัทที่เข้าใจการทำงานในสายอาชีพของเรา ให้เกียรติการทำงานของเรา
5) ทำความเข้าใจว่าการพักผ่อนเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน
สุดท้ายมันคือการปรับที่ตัวเราแหละ คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ ณ ตอนนี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ในภาพที่ใหญ่กว่าก็คงต้องใช้เวลาทำให้มันดีขึ้น เช่น Ecosystem หรือว่าค่าตัว(ตามความสามารถจริง)
ก็แค่นี้แล บันทึกสั้น ๆ แต่ยอมรับเลยว่าพอมาอยู่นี่แล้วได้รับพลังเยอะเลย เป็นพลังที่หาไม่ค่อยได้ในไทย เพราะส่วนใหญ่ ๆ มันมาจากปัจจัยทางด้านสังคม ซึ่งที่ไทยยังไม่พร้อมเท่าที่นี่
แต่ก็แอบได้ยินคนไทยที่นี่กำลังทยอยกลับไปเพื่อสร้างอะไรแบบนี้ที่ไทย ก็รอดูกันต่อไปครับ อาจจะเห็นบรรยากาศแบบที่ Silicon Valley ในไทยก็ได้ ถึงจะยาก ถึงจะมีอะไรต้องปรับอีกเยอะในระดับการปกครอง แต่ไม่แน่ อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ =)