เวลาผ่านไปเร็วมาก เพิ่งรู้ตัวว่าออกมาจากไทยครบหนึ่งเดือนแล้ว (ออกจากไทยมาวันที่ 12 พ.ค.) แอบแวะไปเที่ยวญี่ปุ่นก่อน 3 วันก่อนจะมาอยู่ที่ Bay Area หรือในบริเวณที่หลาย ๆ คนเรียกว่า Silicon Vallery นั่นเอง
สาเหตุที่มาก็เพราะเจอเรื่องไม่ค่อยดีที่ไทย เลยหนีมาอยู่ที่ไกล ๆ สักพักนึง ซึ่งพอมาอยู่นี่ก็ไม่ได้มาในฐานะนักท่องเที่ยว แต่อยู่ในแบบคนท้องถิ่น เรียกว่ามาใช้ชีวิตนั่นแหละ เลยขอมาจดบันทึกการเดินทางหนึ่งเดือนที่ผ่านมาซะหน่อย =)
วันเบา ๆ ในโตเกียว
เนื่องจากตั้งใจว่าจะไม่กลับไปเอเชียสักระยะนึง ก็เลยแอบไปเดินเล่นที่โตเกียวก่อน 3 วัน
สารภาพว่าถึงจะไปเมืองนอกอยู่เรื่อย ๆ แต่สำหรับญี่ปุ่นนี่เพิ่งเคยไปครั้งแรกปีที่แล้วเอง (ตอนงาน LINE Developer Conference) ซึ่งขอกราบขอบพระคุณ LINE Thailand มา ณ ที่นี้ที่เชิญไปงานปีที่แล้ว เปิดกะลาน้อย ๆ ของเราได้เยอะเลย
(หลังจากนั้นก็ไปญี่ปุ่นอีกรัว ๆ เลย ครึ่งปีไปมา 3 รอบ)
ซึ่งถึงจะเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไรทำแต่ก็มีความสุขดี ใช้ชีวิตง่าย ของกินเยอะ
แต่ถามว่าเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับอะไร ? ... คีบตุ๊กตาจ่ะ -0-
คนอาจจะคิดว่าเราคีบตุ๊กตามานานแล้ว อันนี้ประกาศให้รู้ไว้ตรงนี้ว่า ... นี่ก็เพิ่งเริ่มเล่นครั้งแรกตอนไปงาน LINE Developer Conference ปลายปีที่แล้วจ้าาา ก็คือจนถึงตอนนี้ยังเล่นมาไม่ถึงปี แต่เล่นแล้วมีความสุขมาก โดยเฉพาะช่วงเครียด ๆ ก็ทำให้จิตใจดีขึ้นเยอะเลย อีกนิดจะเปิดร้านเองละ
สำหรับรอบนี้คีบมาได้ราว ๆ 30 ตัว แต่ส่งกลับไทยไปหมดแล้น เดี๋ยวจะโพสต์ขายเร็ว ๆ นี้นะ =)
อีกที่นึงที่แวะไปก็คือวัด หลัก ๆ ก็ไป ศาลเจ้าเมจิ กับ โตเกียวไดจิงกุ
ซึ่งวัดหลังขึ้นชื่อเรื่องความรัก (เลยไปไง) จริง ๆ ตั้งใจแค่ไปไหว้ แต่ปรากฏว่ามีเซียมซีให้จับด้วย ก็เลยแอบจับมาใบนึง ... อันนี้
ให้น้องวีนซังและเพื่อนญี่ปุ่นอีกคนแปลให้ เค้าบอกว่าเป็นใบที่ดีมาก
นาทีนี้ไม่หวังอะไรแล้วหละ หมดศรัทธาไปแล้วจริง ๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ตามนั้นก็คงดีมาก ก็ขอสาธุด้วยนาก๊ะ =)
ชีวิตที่โตเกียวโดยรวมมีความสุขดี ได้พักผ่อนเต็มที่ แต่ถึงเวลาก็ต้องไป ลากกระเป๋าสองใบแล้วมุ่งหน้าต่อไป สู่ปลายทางที่แท้จริง ... ซานฟรานซิสโก
สวัสดีอีกครั้ง San Francisco
ชีวิตนี้เพิ่งเคยมาเมกาครั้งแรกก็สองปีที่แล้วจากการเป็น GDE (Google Developer Expert) ซึ่งหลังจากนั้นก็ไปเมการัว ๆ อีกเช่นกัน แต่หลัก ๆ ก็นิวยอร์คกับซานฟราน ฯ แหละ
ทำให้การมาซานฟราน ฯ ครั้งนี้ก็เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นต่างถิ่นแต่อย่างใด เหมือนแค่ย้ายจากบ้านหลังนึงมานอนที่อีกหลังนึงเท่านั้นเอง
เอาจริง ๆ ถ้า Search Google หาวิธีการใช้ชีวิตในซานฟราน ฯ ก็จะเจอบล็อกที่เราเขียนไว้เมื่อสองปีที่แล้วขึ้นอยู่หน้าแรก ลองดูได้ ก็ไม่มีอะไรต่างจากตอนนั้นมาก ใช้ชีวิตง่าย ๆ ชิว ๆ
และสาเหตุของการมาซานฟราน ฯ ครั้งนี้ก็คือ ...
Google I/O 2017
ปีนี้เป็นปีที่สองที่มางาน Google I/O ซึ่งปีนี้ก็ยังจัดที่เดิมตรง Mountain View ข้าง ๆ ออฟฟิศกูเกิล
ก็ขอบคุณกูเกิลด้วยที่พามางานนี้ ยังไม่ได้เขียน Content อะไรที่เกี่ยวกับงานเลย (เค้าขอโทษ) หลัก ๆ เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะเขียนอะไรเท่าไหร่ในช่วงที่ผ่านมา
งานปีนี้โดยรวมก็กร่อย ๆ แต่ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี สิ่งที่สำคัญและน่าสนใจคือ Keyword ที่เค้าทิ้งไว้ให้โดยเฉพาะเรื่องของ Machine Learning และ AI ที่เป็นตัวบอก Direction ที่ดีของยักษ์ใหญ่เจ้านี้ในตลอดอีกหลายปีข้างหน้า
ไว้ถ้ามีโอกาสจะเขียนบล็อกเชิงวิเคราะห์ให้นะว่า Hidden Message ของงานนี้เป็นยังไง มีอะไรที่สำคัญบ้าง แต่ถ้าให้บอกคร่าว ๆ ตอนนี้คงเป็น ...
ทำ Machine Learning ให้เป็นซะ
และหลังจากที่ปีที่แล้วไม่ได้ของอะไรสักชิ้นจากงานนี้ และแล้วปีนี้ก็ได้มาชิ้นนึงจ้าาาา มันคือออออ
Google Home นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ ... ยังไม่ได้แกะเลย แหะ ๆ ไว้มีโอกาสจะเล่นอีกทีนะ ๆ
ตอนแรกก็ตั้งใจจะมาซานฟราน ฯ เพื่องานนี้แหละ แต่เผอิญชีวิตเจอปัญหาครั้งใหญ่ ก็เลยเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ตัดสินใจเปลี่ยนเป็นมาอยู่ยาวเลย ทิ้งตั๋วขากลับไปเรียบร้อย คงกลับอีกทีราว ๆ กันยายนหรือตุลาคมครับ ก็คงไม่ได้เห็นเราใน Community เมืองไทยสักพักนึงนะ =)
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งนี้จ้า
ใช้ชีวิต
ส่วนตัวเป็นคนตอนไปไหนมาไหนจะไม่ไปแบบนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่จะชอบดูวิถีชีวิตและ Blend in ไปกับสังคมนั้น ๆ
หรือพูดง่าย ๆ คือตอนไปไหนก็จะไปในลักษณะของการ "ใช้ชีวิต" ไม่ใช่ไปท่องเที่ยวนั่นเอง ไม่ได้ต้องการความสบาย (แต่ไม่ได้รักความลำบาก) จะไปในทางติดดิน ไม่ฟุ้งเฟ้อ
มาอยู่นี่ก็เลยทำตัวเหมือนกับคนท้องถิ่นทั่วไป กินแบบปกติ
มีทำอาหารทานเองอยู่เรื่อย ๆ
เดินทางก็เดินทางด้วยวิธีปกติ
ซึ่งไป ๆ มา ๆ ก็รู้ว่า Uber กับ Lyft ก็เป็นอีกวิธีปกติที่เดินทางกัน ก็เลยนั่งเยอะอยู่พอสมควร ~.~
ก็ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อนะ มันแพงกว่ารถเมล์นิดเดียว แต่เร็วกว่าสี่ห้าเท่า คุ้มกว่าเยอะ
ไปซื้อของก็ซื้อแบบปกติตามร้านรวงที่คนเมกันเค้าไปกัน
แน่นอนว่าสั่งของ Amazon มาเรื่อย ๆ เช่นกัน (นี่มันเมกานะ)
ดูหนังก็ไปมาละ
เป็นครั้งแรกที่ดูหนังที่เมกา โชคดีไปที่ก่อนหน้านี้ดูหนังที่ไทยพักหลังก็ไม่ได้ดู Subtitle ละ มานี่เลยดูเข้าใจทั้งเรื่องแบบชิว ๆ
แต่สำหรับโรงหนังเนี่ย ... ประเทศไทยดีกว่าเยอะะะ ใครอยู่ไทยจงภูมิใจในโรงหนังของประเทศตัวเอง เจ๋งเฟร่อ
โดยรวมรู้สึกว่าที่นี่ใช้ชีวิตง่ายดี รักที่ทุกอย่างทำมาให้สะดวกต่อประชาชนจริง ๆ รถจอดให้คนข้าม มีสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามเกือบทุกแยก มีบัตรจ่ายค่าโดยสารที่ใช้ใบเดียวได้หมดทุกขนส่งสาธารณะ จะเสียก็แค่เรื่องของกินที่ไม่ได้อร่อยและหลากหลายเหมือนไทยเท่าไหร่ ที่เหลือชีวิตง๊ายง่าย =)
เที่ยวแบบเมกัน
คนที่นี่ใช้เวลาเสาร์อาทิตย์เที่ยวธรรมชาติกัน ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง
มีความสุขดีนะ แค่ต้องมีรถ ... และขับรถพวงมาลัยซ้ายเป็น
Cashless Society บัตรช่างสำคัญ
ตอนอยู่ไทยเราจะใช้เงินสดกันเรื่อย ๆ แต่สำหรับที่นี่เราแทบไม่เห็นใครใช้เงินสดเลย บัตรเครดิต/เดบิตเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ ทุกที่รับบัตรหมด รูด ๆ ๆ ๆ ๆ จบ แต่บางที่ก็มีจำกัดว่าต่ำกว่า $5 ไม่รับบัตรนะ อันนั้นก็ต้องใช้เงินสดไป
สรุป ถ้ามาอยู่ที่นี่แนะนำให้เปิดบัญชีธนาคารที่นี่เลย (ซึ่งใครก็เปิดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น US Citizen เราก็เปิดของ Citibank ไว้) แค่ใส่เงินไว้ในบัญชีอย่างต่ำ $1,500 ก็ไม่มีค่าธรรมเนียมละ ชีวิตดีมากครับ แต่ถ้าไม่มีบัตรนี่ชีวิตลำบากมากเช่นกัน
ซึ่งเอาจริง ๆ เราชอบอะไรแบบนี้จัง ปัญหาเดียวคือ ... รูดเพลินไปหน่อย เงินหมดไวจัง T__T
ของที่นี่ไม่ได้แพงนะ
พออาศัยที่นี่แบบใช้ชีวิตไม่ใช่นักท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้สูงอะไรมาก ถ้าใช้ชีวิตแบบปกติก็ไม่เกินวันละ $20 แบบสบาย ๆ (นี่ไม่ได้ประหยัดด้วยนะ) จะมีบางมื้อที่ไปกินพิเศษ ๆ หน่อย วันนั้นก็อาจจะถึง $50 แต่ก็ไม่ได้บ่อยมาก
หลัก ๆ ที่ที่นี่แพงคือค่าที่พักที่เฉลี่ยเริ่มต้นอยู่ที่คนละ $1,500 ต่อเดือน และค่าเดินทางที่ถ้าออกไปก็เตรียมกำเงินไว้ $15 เป็นอย่างน้อย (ค่ารถเมล์ก็แพงละ $2 ตลอดสาย พวกรถไฟฟ้านี่ไม่ต้องพูดถึง แพงกว่านี้อีก)
สวัสดิการรถรับส่งพนักงานและอาหารที่นี่เลยเป็นอะไรที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนให้กับพนักงานได้พอสมควรเลย แถมยังสร้างพลังให้กับพนักงานได้เยอะด้วยเพราะไม่ต้องมาเหนื่อยกับเรื่องไม่จำเป็น (เดินทางและออกไปหาอะไรกิน)
โดยรวมถ้าเทียบกับรายได้ของที่นี่แล้ว ทุกคนมีเงินเหลือเก็บแบบสบาย ๆ เลย แต่เงื่อนไขคือ ต้องทำงานด้านไอทีนะ ... เพราะถ้าทำงานด้านอื่นเงินเดือนจะไม่ค่อย Balance กับค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้นะ แค่ต้องฐานเงินเดือนสูงนิดนึงถึงจะอยู่ได้แบบสบาย ๆ)
ถ้าเทียบกับไทย เราว่าสถานการณ์ที่นี่ดีกว่าเยอะเลย ทุกคนโฟกัสงานได้และได้รายได้เพียงพอที่จะไม่ Distract ไปกับเรื่องไม่จำเป็น จบเดือนก็มีเงินเหลือพอจะซื้อของที่ต้องการ แต่ของไทยนี่ ... ก็นะ
นี่แหละครับ Bay Area ใครว่าค่าใช้จ่ายสูงอันนี้ไม่จริงนะ ถ้าเทียบกับไทยนี่ค่าครองชีพเทียบกับเงินเดือนต่ำกว่าไทยเยอะเลย
พลังที่หาได้ยากในไทย
มาอยู่นี่ก็มีทำโน่นทำนี่อยู่หลายอย่าง ในแง่ของเนื้องานไม่ได้ต่างจากที่เคยทำในชีวิตมากนัก แต่ในแง่ของสภาพแวดล้อมต้องบอกว่ามันต่างจากตอนอยู่ไทยมาก
ที่นี่มีแต่คนเก่ง ๆ และเป็นความเก่งที่ไม่ได้เก่งเพื่ออวด แต่เก่งเพื่อเอาสกิลมาสร้างผลงาน คืออารมณ์แบบไม่ได้จะเก่งมาแข่งกับใคร แต่เก่งแบบก็เก่งอ่ะ รู้สึกตัวเองตัวเล็กไปเลยอ่ะ
ชีวิตที่ถูกล้อมรอบด้วยคนเก่งนี่สร้างพลังได้เยอะมาก นี่อยู่ Bay Area มา 25 วัน แต่รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นทุกวันโดยอาศัยพลังจากคนรอบข้างนี่แหละ
อีกทั้งที่นี่ไม่ค่อยมีข่าวเลวร้ายทางสังคมให้เสพย์มากนักเหมือนประเทศไทย การเดินทางก็สะดวก สิ่งที่คอย Distract ให้โลกมันหม่นหมองก็เลยน้อยมากและทำให้สามารถโฟกัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตได้อย่างเต็มที่
ยังไม่พอ ที่นี่ Ecosystem ดีมาก ถ้าทำธุรกิจอะไรขึ้นมาก็เป็นไปได้หมดถ้ามีตลาด ไม่มีการเมืองอะไรให้วุ่นวาย วัดความสามารถจากฝีมือไม่ใช่เส้นสาย
ไม่แปลกใจที่ธุรกิจที่เริ่มจากที่นี่ถึงเติบโตได้ และคนที่อยู่ที่นี่ถึงเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ... สภาพแวดล้อมและความพร้อมของสังคมมันสำคัญมากเลย =)
เหงาจัง
ถึงจะออกจากไทยมาแค่เดือนเดียว แต่เอาจริง ๆ คือไม่ได้คิดถึงเมืองไทยเลย อยู่ที่นี่ใช้ชีวิตได้มีความสุขดี
แต่ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า ... เหงามาก ...
อยู่ที่นี่ถึงจะมีคนไทยอยู่แต่ก็ไม่ได้เยอะมากและไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ ชีวิตส่วนใหญ่ต้องโฟกัสกับงาน หลุดแป๊บเดียวจะเหงาทันที (ซึ่งคือความรู้สึกเราตอนนี้) จะกลับไทยไปหาเพื่อนแบบตอนอยู่สิงคโปร์ก็ไม่ได้ เพราะไกลและแพงเกินไป
ใครบอกว่ามาอยู่นี่แล้วไม่เหงา อันนี้เถียงขาดใจนะ เหงาจริงอะไรจริง ต้องหาอะไรทำไม่งั้นชีวิตพังได้
ตอนนี้ไม่ได้คิดถึงไทยแต่คิดถึงคนที่ไทย คิดถึงเพื่อน คิดถึงหลาย ๆ อย่าง ก็ยังไงถ้าใครมาแถวนี้ก็ทักมาได้นะ ไว้แวะออกไปทานข้าวด้วยจ้า =)
รูปเกือบทั้งหมดในบล็อกนี้ถ่ายด้วย S8
มานี่เอา DSLR มา แต่ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ถ่ายไปรูปเดียวจ้าาาา
ต้องขอบคุณ S8 มาก ชีวิตดีมาก ไปไหนมาไหนไม่ต้องแบกกล้องไป รูปที่ออกมาก็แฮปปี้มากทุกสภาพแสง ภาพจากนี้ก็คงจะใช้ S8 ไปตลอด คอยติดตามกันได้ ๆ
ไม่ได้ Tie In สินค้านะ อันนี้ขอชมเอง ให้เครดิตหน่อย =)
ติดตามชีวิตกันได้ที่ Facebook
คงไม่ได้อัปบล็อกเรื่องยิบย่อยที่เจอที่นี่บ่อย ๆ แต่จะโพสต์บน Facebook เรื่อย ๆ ดังนั้นใครสนใจไปตามกันได้ที่ Facebook Profile และ Facebook Page นาก๊ะ =)
จากนี้ถ้ามีเวลาจะซื้อ Gadget ที่นี่มารีวิวเรื่อย ๆ นะ คอยติดตามกันได้ครับ
คิดถึงทุกคนที่ไทยนะ ^__^