สิ่งที่ทุกคนคงจะกรี้ดรองลงมาจากดีไซน์โค้งมนสวยสดใหม่ของ S8 ก็คงจะเป็นเรื่องของ "กล้อง" (หรือบางคนอาจจะกรี้ดเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ได้ เช่น เนย เป็นต้น) เพราะกล้อง S8 นี่คือเทพมาก ปีที่แล้ว S7 เรียกว่าเทพจนได้รับรางวัลกล้องมือถือแห่งปีไปแล้ว แต่ปีนี้ S8 ก้าวล้ำกว่าจุดนั้นไปอีกไกลมาก คุณภาพภาพดีกว่า S7 มากทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง บล็อกนี้เลยจะมาเน้นรีวิวกล้องกันโดยเฉพาะเพื่อความสุขของปวงประชาจ้าาา
เอ้า จัดปายยย
คำเตือน: บล็อกนี้รูปเยอะมากมากมากมากมากมากมากมากกกกกกกกกกกก ไม่เหมาะกับคนที่เปิดผ่านมือถือแล้วมีเนตจำกัดเพราะอาจหมดได้ในบล็อกเดียว
เพื่อความเป็นระเบียบ เราขอพูดถึงกล้องหลังก่อนแล้วค่อยไปกล้องหน้านะ จะได้เข้าใจง่ายไม่สับสนกัน
สเปคและฟีเจอร์กล้องหลัง
เบื้องต้นแล้ว กล้องหลัง S8 มาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ประกบข้างมาด้วย LED Flash ร่วมด้วยกันสั่นในตัวตรงเลนส์
ซึ่งอาจจะฟังดูไม่มีอะไร แต่สิ่งที่เจ๋งก้าวล้ำไปกว่ามือถือตัวอื่นคือฟีเจอร์ที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณภาพภาพขึ้นอย่าง Multi-frame Processing
อันนี้เคยพูดไว้ในบล็อกที่แล้วแล้วแต่ก็ขอพูดซ้ำละกัน Multi-frame Processing คือการที่มือถือจะถ่ายภาพหลาย ๆ ช็อตในช่วงเวลาที่เราถ่ายภาพแล้วนำมารวมกันเป็นภาพสุดท้ายเพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้ส่งประโยชน์หลายแง่ ไม่ว่าจะเป็น
ภาพถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวจะนิ่งขึ้น - วัตถุเคลื่อนไหวอาจจะส่งผลให้ภาพเบลอเป็นส่วน ๆ ได้ง่ายมาก แต่ S8 แก้ปัญหานี้ด้วยการถ่ายภาพมา 3 เฟรมโดยอัตโนมัติแล้วนำมาประมวลผลรวมกันจนได้ภาพที่ชัดและนิ่งขึ้นกว่าการถ่ายปกติ
ภาพถ่ายในที่มืดจะสว่างขึ้น - สภาพแสงน้อยก็ไม่ใช่ปัญหา S8 จะถ่ายภาพมา 3 รูปและนำมารวมกันจึงทำให้ได้สภาพแสงที่สว่างขึ้น อารมณ์เหมือนเปิดหน้ากล้องไว้กลาย ๆ
ภาพถ่ายตอนซูมจะชัดขึ้น - ปกติตอนซูมภาพจะเบลอยับ แต่ S8 ภาพที่ซูมจะชัดกว่ารุ่นอื่นด้วยการถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพแล้วนำมารวมกันอีกเช่นกัน แต่ตอนซูมนี่จะพิเศษนิดหน่อยเพราะมันจะถ่ายมา 5 ภาพเลยไม่ใช่แค่ 3 ถึงสุดท้ายอาจจะไม่ได้คมกริบเหมือนภาพที่ไม่ได้ซูม แต่เรื่องคุณภาพก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนครับ
ในด้านของซอฟต์แวร์กล้อง S8 มาพร้อม UI การใช้กล้องแบบมือเดียว สามารถใช้วิธีปัดไปปัดมาเพื่อเปลี่ยนโหมดได้ทันที อย่างเช่นถ้าอยากจะเปลี่ยนเป็นโหมดโปรหรือโหมดพาโนรามา ก็แค่ปัดนิ้วไปทางขวาแล้วเลือกโหมดได้เลย
หรือถ้าอยากจะสลับกล้องก็ใช้วิธีปัดขึ้นหรือลงครับ
การซูมก็ใช้มือเดียวได้ แค่ลาก ๆ ตรงปุ่มชัตเตอร์ก็ซูมได้แล้น
ดังนั้นเรื่อง UX นี่คล่องตัวมาก คิดออกมาเป็นอย่างดี มิต้องเป็นห่วงเลย
โหมดการใช้งาน Auto vs Pro
โหมด Auto
เริ่มจากโหมดพื้นฐานอย่างโหมด Auto ก่อน โหมดนี้ก็ง่าย ๆ คือเปิดมาปุ๊บถ่ายได้เลย ถ่ายยังไงก็สวย มันทำอัตโนมัติให้ทุกอย่าง
นอกจากนั้นก็ยังสามารถปรับตำแหน่งโฟกัส วัดแสงอัตโนมัติ รวมถึงปรับระดับแสงตามที่ต้องการได้อีกด้วย
ฟิลเตอร์เอฟเฟ็กส์ต่าง ๆ ก็มีให้ใช้งานง่าย ๆ แค่เพียงปัดซ้ายแล้วเลือกก็จะเห็นภาพพรีวิวแบบเรียลไทม์เลย ภาพถ่ายที่ได้ออกมาก็จะแปลกตาและได้อารมณ์ของภาพที่ต่างกันออกไป ไว้ดูตัวอย่างภาพจะเห็นอารมณ์ที่ต่างกันได้ชัดเจนเลย
หรือถ้าอยากเพิ่มความมุ้งมิ้งให้เพื่อนฝูงก็นี่เลย ใส่หน้ากากให้ไปโลดดด มีให้เลือกเยอะเลย เห็นผลแบบเรียลไทม์เช่นกัน
โหมดนี้ของเล่นจะค่อนข้างเยอะเพราะมันเป็นออโต้นั่นเอง แต่ก็จะควบคุมอะไรไม่ได้เท่าไหร่ เน้นถ่ายเลย แต่คนส่วนใหญ่คงใช้โหมดนี้แหละและมันก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ถ่ายยังไงก็สวยได้
โหมด Pro
ส่วนโหมดถัดไป โหมด Pro สำหรับสายเล่นกล้องคงจะชอบกันมากเพราะมันสามารถเซตค่าต่าง ๆ ได้ตามใจชอบเหมือนกล้องโปรเลย แถมยังถ่ายไฟล์ RAW ได้ด้วย (เป็นไฟล์ dng) โดยค่าที่เซตได้ก็เช่น ISO ที่ตั้งได้ตั้งแต่ 50 จนถึง 800
Shutter Speed ที่สามารถเปิดได้ตั้งแต่ 1/24000 จนถึง 10 วินาที
ค่า White Balance ที่จะใช้ค่าที่เซตมาแล้วหรือจะตั้งอุณหภูมิเองก็ได้
ค่า Exposure สำหรับทดแสง
ที่เหลือก็จะเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การโฟกัสที่ Center หรือเป็น Area ประมาณนี้ครับ
ยังมีโหมดอื่นให้ใช้อีก แต่ขอไปต่อท้าย ๆ บทความ เพราะหลังจากนี้จะเป็นตัวอย่างภาพจากโหมด Auto และ Pro เป็นส่วนใหญ่ครับ =)
ซึ่งจะบอกว่าโหมดอื่นนี่เจ๋ง ๆ ทั้งนั้นด้วย อ่านให้จบนาจา
ความเร็วในการถ่ายภาพ
ยังคงเหมือนเดิมคือถ่ายได้แบบ Instant กดปุ๊บเก็บภาพปั๊บ ไม่ต้องรออะไรเลยแม้แต่วินาทีเดียวครับ
ความเร็วในการเปิดแอป ฯ กล้อง
เปิดปุ๊บกล้องมาปั๊บ ไม่มีเวลาบู้ทใด ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีในการเปิดกล้องขึ้นมาจนถึงพร้อมใช้งานครับ
ความละเอียดภาพที่สามารถถ่ายได้
กล้องหลังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายได้ละเอียดสูงสุดที่ 4032 x 3024 พิกเซล ซึ่งมีอัตราส่วน 4:3 แต่ถ้าจะถ่าย 16:9 ก็จะได้สูงสุด 4032 x 2268 พิกเซลครับ และแน่นอน สามารถบันทึกเป็นไฟล์ RAW ได้สำหรับโหมด Pro ด้วยครับ เค้าแอบซ่อนมาไว้ตรงนี้ บอกไว้เผื่อคนหาไม่เจอ
โอเค ต่อมาถึงเวลาสำหรับตัวอย่างภาพถ่ายละ โดยภาพส่วนใหญ่จะถ่ายในโหมด Auto หรือว่า Pro นะครับ แต่ละรูปสามารถกดคลิกเพื่อดูภาพเต็มได้ เผื่ออยากจะดูรายละเอียด เอ้า ! จัดปายยย
ภาพถ่ายกลางวัน สภาวะแสงดี
ภาพทั้งหมดเปิด HDR Auto ไว้และถ่ายไปเรื่อย ๆ แบบไม่คิดอะไรมาก
เป็นยังไงบ้าง คมชัดสะใจมั้ย =D
ภาพถ่ายกลางวัน สภาวะครึ้มฟ้าครึ้มฝน (Cloudy)
เนื่องจากทริปนิวยอร์คนี้ฝนตกเกือบทุกวัน ก็เลยได้ภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาเพียบ จัดปายย
ใช้กล้องหลังถ่าย Selfie ก็ได้นะ
ทำงานได้ดีสมบูรณ์แบบตามสภาพแสงครับ =)
ภาพถ่ายกลางวัน + เอฟเฟ็กส์ภาพเก่า
ลองใส่เอฟเฟ็กส์ที่กล้องมีมาให้ให้ภาพดู อันนี้แบบ Deep
แบบ Classic (ขาวดำ)
จะเห็นว่าแค่เปลี่ยนเอฟเฟกส์ก็ได้อารมณ์ภาพที่ต่างกันเยอะมากเลย =)
ภาพถ่ายในที่ร่มสภาวะมีแสง
อันนี้ภาพของที่ร่มที่มีแสงครับ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดส่องถึงหรือแสงจากหลอดไฟครับ
การถ่ายที่ร่มในสภาวะมีแสงสามารถดึงแสงขึ้นมาได้ดีและเก็บรายละเอียดได้ครบครับ แต่บางทีแสงอาจจะแบนหน่อย ซึ่งก็ไม่มีปัญหา เอาไปแต่งภาพต่อได้ ยังไงรายละเอียดก็ครบและสีไม่เพี้ยนอยู่แล้ว
ภายถ่ายในที่ร่มสภาวะแสงน้อย
อันนี้เป็นภาพถ่ายในสถานที่ที่แสงน้อยแต่ก็ยังมีแสงอยู่
S8 ถ่ายตอนสภาวะแสงน้อยได้ดีมากถึงมากที่สุดครับ ถ้าเป็นภาพ JPEG จะ Noise น้อยด้วยเพราะกล้องมันจะเบลอ Noise ให้ แต่ถ้าเป็น RAW จะมี Noise มาด้วยแบบดิบ ๆ ก็เอาไป Denoise ได้ครับ ไม่มีปัญหา ปรับตามที่ตัวเองชอบได้อย่างอิสระเลย
ภาพถ่ายในที่ร่มสภาวะแสงน้อยมาก
เมื่อแสงน้อยลงมาอีกสเต็ป อันนี้คือน้อยระดับต้องเพ่งถึงจะใช้ชีวิตได้ ภาพจะออกมาเป็นยังไง มาดูกัน
หลาย ๆ ภาพด้านบนนี่อยู่ใน Condition เลวร้ายสุด ๆ (เช่นภาพสเต็ค) แต่ S8 กลับทำให้ถ่ายออกมาได้อย่างชัดเจน อันนี้ยอมรับเลยว่า S8 ถ่ายในสภาพมืดได้ดีสุด ๆ
ภาพถ่ายกลางคืนแบบถ่ายทันที
เป็นการถ่ายภาพกลางคืนแบบยกมือถือมาถ่ายเลย ไม่มีขาตั้งกล้องหรืออุปกรณ์อื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง นี่คือตัวอย่างภาพครับ
ส่วนตัวชอบภาพถ่ายกลางคืนมากเพราะหลาย ๆ สิ่งที่ดีมักจะเกิดตอนกลางคืน รวมถึงแสงสีตอนกลางคืนจะสวยกว่าตอนกลางวัน ซึ่ง S8 ตอบโจทย์ตรงนี้มากครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ่ายได้เลย สวยเลย
ภาพถ่ายกลางคืนแบบ Long Exposure
สาย Long Exposure จะต้องรัก S8 อย่างแน่นอน เพราะมันเปิดหน้ากล้องได้ถึง 10 วินาทีแถม ISO ก็กดได้ต่ำสุด 50 ทำให้เราสามารถถ่ายภาพ Long Exposure ได้อย่างมีความสุข นี่เป็นตัวอย่างภาพการเปิดหน้ากล้อง 4 วินาทีที่ ISO 50 ครับ
อย่างไรก็ตาม กล้อง f/1.7 มันกินแสงได้ดีมากจนทำให้ถ่าย Long Exposure ในสภาพแสงเยอะ ๆ อย่างกลางเมืองได้ไม่ค่อยดีนัก ภาพจะ Overexposure ตั้งแต่วินาทีแรกละ ถ่ายภาพไฟรถเป็นสายยาว ๆ ไม่ได้เพราะมันปรับ f ไม่ได้
แล้วทำยังไงดี ? ... ตอนนี้กำลังคิดจะหาฟิลเตอร์สีชาเอาไว้ให้มันกินแสงน้อยลงเพื่อที่จะได้เปิดหน้ากล้องได้นานขึ้น ใครสนใจลองใช้เทคนิคนี้ดูได้ ๆ กำลังหาอยู่เหมือนกัน =D
ภาพถ่ายระยะใกล้
มีแมลงวันมาบินเกาะมือพอดีเลยถือโอกาสถ่ายเลย (ไม่หนีด้วยนะ)
รายละเอียดครบ มีหน้าชัดหลังเบลอชัด เผอิญภาพนี้รีบถ่ายมากเพราะกลัวมันบินหนี ถ้า Object นิ่งเราสามารถถ่ายได้ใกล้กว่านี้อีกเล็กน้อยครับ
ภาพแถม
ไม่รู้จะจัดอยู่ในหมวดหมู่อะไรดี
ใครจะเอาไปตั้งเป็น Wallpaper ก็ได้นะ ไม่หวง นี่ใช้อยู่ แหะ ๆ
โหมด Selective Focus หน้าชัดหลังเบลอ
มาดูโหมดถ่ายแบบอื่น ๆ กันบ้าง เริ่มที่โหมดนี้ Selective Focus ที่นักถ่ายภาพ Portrait น่าจะชอบกัน เพราะมันจะบันดาลให้ได้ภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบสวย ๆ ได้ทันที เช่น
โหมดนี้ปรับแต่งอะไรไม่ได้ แค่กดถ่ายแล้วจบเลย (ต้องถือนิ่ง ๆ แป๊บนึง) แต่เงื่อนไขคือวัตถุข้างหน้าจะต้องมีมิติห่างจากวัตถุด้านหลัง มันจะได้เบลอได้ถูกบริเวณนั่นเอง และพอหลังจากถ่ายเสร็จแล้วก็สามารถปรับรูปแบบโฟกัสทีหลัง(เมื่อไหร่ก็ได้)ได้สามแบบ เริ่มจาก หน้าชัดหลังเบลอ
ตามด้วย หน้าเบลอหลังชัด
และ ชัดทั้งภาพ
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ซื้อ S8 มาก็เตรียมซ้อมถ่ายโหมดนี้ไว้ให้สาว ๆ ได้เลย รับรองว่าฮอต ! =D
อย่างไรก็ตาม เทคนิคเบื้องหล้งการทำเบลอคือการถ่ายภาพที่จุดโฟกัสต่างกันสองรูปแล้วนำมารวมกัน ไม่ได้ใช้ Hardware พิเศษ ก็เลยทำให้ภาพที่ได้ไม่ได้เนียนมากครับ ยังมีจุดเพี้ยน ๆ อยู่บ้าง
ถ่ายรูปโหมดพาโนรามา
อันนี้ไม่มีอะไรมาก ใช้กันเป็นอยู่แล้วเนอะ ก็สามารถถ่ายพาโนรามาได้และภาพต่อกันเนียนสวยดีมากครับ อันนี้เป็นพาโนรามาแนวนอน
ส่วนนี่เป็นพาโนรามาแนวตั้ง (ในที่แสงน้อย)
ถือว่าเนียนเรียบน่าพอใจครับ =)
ภาพถ่าย Food Mode
จะเห็นจากรูปบน ๆ ว่าตอนถ่ายภาพอาหารแบบ Auto ภาพมักจะซีด อาหารดูไม่สดเท่าไหร่ เช่น
ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะว่าโหมดออโต้นั้น ถ้าภาพสดทุกรูปมันจะดูเฟค แต่สำหรับภาพอาหารสีมันควรจะสด ซึ่งไม่ใช่ปัญหา ซัมซุงเตรียม Food Mode มาให้ถ่ายอาหารโดยเฉพาะอยู่ โดยเวลาถ่ายภาพจะสีสดขึ้นและสามารถทำการเบลอภาพส่วนรอบ ๆ อาหารได้เพื่อให้ได้ภาพที่สวยขึ้น เน้นเฉพาะอาหาร
ตัวอย่างภาพครับ
ก็น่าจะมีประโยชน์ต่อคนไทยมากมาย =D
ปล. โหมดนี้มีมานานแล้วเหมือนกับโหมดอื่น ๆ ที่บรรยายไปในบล็อกนี้ แต่เราเขียนถึงโดยละเอียดทั้งหมดเผื่อคนไม่เคยใช้มือถือซัมซุงมาก่อนครับ
คุณภาพวีดีโอ
S8 สามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K (3840 x 2160 พิกเซล) หรือถ้าจะถ่ายที่ 60 fps จะถ่ายได้ที่ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
อันนี้เป็นตัวอย่างวีดีโอที่ถ่ายด้วย S8 ครับ
คมชัดกริ๊บบบ ทั้งนี้ทั้งนั้น S8 มี Video Stabilization เพื่อให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่งขึ้นอีกด้วย อาจจะไม่ได้นิ่งขนาดพวก DJI แต่ก็ช่วยได้ระดับหนึ่งครับสำหรับคนมือสั่น
วีดีโอ Slow Motion
S8 สามารถถ่ายวีดีโอ Slow Motion ได้ที่ 720p @ 240fps เหมือน S7 ครับ โดยตอนถ่ายมันจะอัดเป็นวีดีโอความเร็วสูงไว้ แล้วเราสามารถเลือกทีหลังได้ว่าจะให้ส่วนไหน Slow บ้างผ่านทางมือถือโดยตรง อันนี้เป็นตัวอย่างวีดีโอครับ
ถ้าเอาไปใช้ถ่ายอะไรที่ Movement เยอะ ๆ เช่นตอนเล่นกีฬา จะเท่มาก
วีดีโอ Hyperlapse
เป็นโหมดการถ่ายวีดีโอนึงที่รวบวีดีโอ 10-12 วิให้เหลือ 1 วิครับ นี่คือผลลัพธ์
จริง ๆ โหมดนี้มีให้ใช้มาหลายรุ่นละ ส่วน S8 ก็ทำได้ดีเช่นเคยครับ
กล้องหน้า
ดูกล้องหลังจนเหนื่อย เอาหละ มาถึงคิวกล้องหน้าละ ! ก็มาที่สเปคก่อนเลยละกันตามธรรมเนียม ...
กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (เยอะขึ้นจาก S7 ที่เป็น 5 ล้านพิเซล) และที่เพิ่มมาไม่ใช่แค่จำนวนพิกเซล แต่คุณภาพโดยรวมดีกว่า S7 มาก ๆ สำหรับคนที่ถามมาว่ากล้องหน้าดีขึ้นมั้ย ตอบได้ว่าดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญครับ สาย Selfie น่าจะชอบกันมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนคือ กล้องหน้าถ่ายได้แคบลงจาก S7 นะ อันนี้เป็นตัวอย่าง Selfie กล้องหน้าจาก S7 Edge
ส่วนนี่มาจาก S8+ ครับ
ขออภัยด้วยที่สภาพนายแบบไม่ค่อยดี นี่ผ่านการเดินทางมาแล้วประมาณ 15 ชั่วโมง 555
ก็จะเห็นว่า View แคบลงไปเยอะมากอย่างมีนัยสำคัญ ตอนมีคนในรูปเยอะนี่ถ่ายยากขึ้นอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้แย่นะ ยังไงถ้าใครติดใจเรื่องนี้ลองไปเล่นเครื่องจริงตอนมันมาไทยดูครับ ยังถ่ายได้สบาย ๆ อยู่
ตัวอย่างภาพกล้องหน้าสภาพแสงดี
อันนี้ตัวอย่างภาพตอนแสงดีครับ (HDR อัตโนมัติ)
ไม่มีอะไรจะติ =D
ตัวอย่างภาพกล้องหน้าสภาพแสงไม่ดี
อันนี้เป็นการถ่ายในร่ม สภาพแสงไม่ค่อยดีครับ
กล้องหน้าก็ยังทำได้ดีแม้ในที่มืด ^__^
ตัวอย่างภาพกล้องหน้า + แฟลชกล้องหน้า
ถ้าสภาพมันมืดจริง ๆ แล้วถ่ายยังไงก็มืด S8 ก็สามารถเปิดแฟลชกล้องหน้าได้ด้วยการใช้ความสว่างจากหน้าจอมาส่องหน้าเราแว้บนึง ผลออกมาเป็นแบบนี้ครับ
ดูจากบริเวณรอบ ๆ จะเห็นได้ว่ามันมืดแค่ไหน แต่ภาพก็ดูสว่างขึ้นมาเยอะพอสมควร และสภาพแสงก็ไม่แข็งและหลอกมากเหมือน LED Flash ใช้งานได้จริง ภาพไม่ลอยเท่าไหร่ครับ
ฟีเจอร์เสริม
กล้องหน้าลูกเล่นไม่เยอะเท่ากล้องหลัง แต่พวกฟีเจอร์ที่จำเป็นก็มีครบครับ เช่น ... Beauty Mode ... อันนี้สำคัญมาก 555
หน้ากากก็มาาาา บอกแล้วไง ของจำเป็น 555
ตัวอย่างภาพคร้าบผม
ก็ขอให้เอนจอย ดูน่าสนุกดี =D
สรุป
ขอยกให้ S8 เป็นมือถือกล้องเทพถึงเทพมาก เลยมาตรฐานความน่าพอใจของกล้องมือถือไปไกลมาก มั่นใจว่าใครได้ลองใช้ก็จะพูดเหมือนกัน และที่เด็ดมาก ๆ คือความสามารถในการถ่ายภาพในที่มืดที่ทำมาได้เด็ดขาดมาก สามารถเก็บภาพได้ทุกช็อตทุกสภาวะโดยไม่ต้องกลัวเรื่องแสงอีกต่อไป ทุกอย่างจบในตัวครับ
ถามว่าส่วนตัวกรี้ดอะไรที่สุดใน S8 ก็เรื่องกล้องนี่แหละ รอดูปลายปี เชื่อว่าน่าจะเป็นรุ่นที่ได้รางวัลเรื่องกล้องอีกเช่นเดียวกับ S7 =)
เดือนนี้น่าจะเริ่มเห็นในไทย ยังไงถ้ามีโอกาสไปลองกันนะคร้าบ แล้วจิประทับใจ =D
จบละบล็อกนี้ ยาวและเหนื่อยมาก แต่หวังว่าจะมีประโยชน์นะ เดี๋ยวมีเรื่องอื่นตามมาอีก ไว้คอยติดตามก๊ะะะ