"จงเรียนรู้เพื่อเติบใหญ่ จงตัดสินใจเพื่อเติบโต"
เปลี่ยนวิธีคิดชีวิตก็เปลี่ยน เรื่องของ "Mindset" สิ่งสำคัญที่กำหนดเส้นทางชีวิตของแต่ละคน
4 Jan 2017 14:22   [580696 views]

คิดอยู่นานว่าบล็อกแรกของปีนี้จะเขียนเรื่องอะไรดี ช่วงนี้มีเรื่องอยากเขียนมากมายตามสไตล์คนเพิ่งหายป่วยและมีกำลังวังชา 555

ซึ่งก็นะ เราอยากให้นี่เป็นการเริ่มต้นปีที่ดีอย่างมีนิมิตหมาย สุดท้ายเราเลยเลือกเรื่องของ "การพัฒนาตัวเอง" มาเป็นบล็อกแรกของปีนี้ละกันนะ =D

เคยได้ยินคำพูดพวกนี้มั้ย

ชีวิตจะเป็นอย่างไร 10% ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตอย่างควบคุมไม่ได้และอีก 90% ขึ้นอยู่กับว่าเราตอบโต้เจ้า 10% นั้นอย่างไร
ยิ่งดูดราม่ามากก็จะกลายเป็นคนบ้าดราม่าจนมองโลกในแง่ร้ายในที่สุด
คนเรายิ่งล้มเหลวก็จะยิ่งเก่งขึ้น
อย่าเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
สื่อเป็นคนกำหนดนิสัยของคนในสังคม

แต่ละ Quote มันดูไม่เกี่ยวข้องกันเลยเนอะ แต่จริง ๆ ทุกประโยคล้วนโยงถึงสิ่งเดียวกันครับ สิ่งที่เรียกว่า "Mindset"

ความหมายอาจจะไม่ตรงกัน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการกำหนดทิศทางของชีวิตด้วย "วิธีคิด" ทั้งนั้น ก่อนหน้านี้เราอาจจะฟังแล้วรับเอาความคิดเหล่านี้เข้าไปใช้ในชีวิตหรือบ้างก็ปฏิเสธมันไป พอมันเป็นเรื่องของความคิดมันเลยดูจับต้องไม่ได้ ทำให้บางทีก็กลับมาหลงทางได้ง่าย ๆ

แต่บล็อกนี้เราจะดึงความคิดเหล่านี้ให้กลายเป็นของที่จับต้องได้เพราะพอคุณเริ่มเห็นว่ามันมีตัวตน คุณจะพัฒนามันได้ง่ายขึ้นมาก ชีวิตคุณก็จะดีขึ้นมากตามลำดับ และในบล็อกนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กันโดยเฉพาะครับ เรื่องของ "Mindset"

หมายเหตุ: บล็อกนี้ไม่ได้จะพูดถึง Mindset ในเชิงวิทยาศาสตร์หรือวิชาการใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะเอาเรื่องราวที่เรียนรู้มาตลอดชีวิตมาเล่าให้ฟัง เผื่อว่าจะมีประโยชน์และสามารถใช้ในการพัฒนาตัวเองได้ครับ

Mindset คืออะไร? สำคัญอย่างไร?

เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินและรู้จักมันมาอยู่แล้ว แต่นิยามของมันนี่ลื่นไหลดิ้นได้มาก ๆ พูดเลยว่าแปลเป็นไทยยากมาก

บางคนก็บอกว่ามันคือ "กรอบความคิด" ก็อาจจะถูกก็ได้ แต่สำหรับเราเราไม่ชอบความหมายนี้ เพราะมันไม่สามารถสื่อความหมายและความสำคัญของ Mindset ได้เลย มันเป็นคำแปลที่ดูขัดใจอย่างบอกไม่ถูก เราว่ามันไม่ใช่กรอบอ่ะ มันลึกซึ้งกว่านั้น นี่มันเป็นถึง "ตัวตัดสินใจว่าชีวิตจะก้าวต่อไปอย่างไร" เลยนะ

ความหมายที่เราฟังแล้วรู้สึกว่ามันโอเคคือ

ทัศนคติ วิธีคิดและความเชื่อของคนแต่ละคน ที่ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของคนผู้นั้น

ถ้าไปเปิดนิยามใน Dictionary เมืองนอกก็จะเห็นว่ามีคำนิยามต่างกันเยอะแยะมากมายเช่นกัน แต่คำภาษาอังกฤษคำนึงที่เราชอบเป็นพิเศษคือ Thought Process หรือ วิธีคิด นี่แหละ เป็นคำที่สื่อความหมายได้ดียิ่ง มันไม่ใช่แค่ความคิดแต่เป็น "วิธีคิด" ในบทความนี้เราเลยขอนิยามคำว่า Mindset สั้น ๆ ว่า "วิธีคิด" นี่แหละนะ

หากถามว่าตัวตนของเราคืออะไร เรามองว่ามันประกอบด้วยสองส่วนที่ทำงานควบคู่กันไป "ร่างกาย" และ "วิธีคิด (Mindset)" ซึ่งสองสิ่งนี้แหละที่ขับเคลื่อนทิศทางของชีวิตเราไปจนนาทีสุดท้าย

ดังนั้น Mindset จึงสำคัญมากกกกกก ตัวตนของเราจะเป็นอย่างไร อนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ Mindset เป็นส่วนหลัก ๆ เลย

ความสำคัญของ Mindset

จากนิยามด้านบนก็จะเห็นว่า Mindset เป็นตัวกำหนดเลยว่าชีวิตจะก้าวต่อไปอย่างไรเมื่อมีสิ่งใด ๆ เข้ามาในชีวิตให้เราคิดและตัดสินใจ

หาก Mindset ดีก็จะส่งผลให้ตัดสินใจได้ดี ชีวิตก็จะดีและก้าวต่อไปอย่างมั่นคง หากตัดสินใจแย่ชีวิตก็พังได้ง่าย ๆ

และการตัดสินใจใด ๆ ก็จะส่งผลต่อก้าวต่อ ๆ ไปด้วย ก็เหมือนหมากรุกนั่นแหละ เราต้องเดินหมากไปเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ และ เรื่อย ๆ เพียงแต่กระดานที่เราเล่นอยู่คือโลกแห่งความจริง เจ็บก็เจ็บจริง ๆ สุขก็สุขจริง ๆ

เคยถามตัวเองมั้ยว่า "ชีวิตคุณมาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร" ลองย้อนกลับไปดูสิว่าปีที่แล้วคุณเป็นยังไงและตอนนี้คุณมีอะไรต่างไปบ้าง ...

และลองคิดเล่น ๆ ดูว่า มีมั้ยในปีที่ผ่านมาที่ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเกิดตอนนั้นเราไม่ได้ตัดสินใจแบบนั้น ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วชีวิตเราตอนนี้คงจะเปลี่ยนเป็นอีกแบบเลย

นี่แหละ ผลของ Mindset หละ ดังนั้นพูดได้เลยว่า

ชีวิตจะดีจะร้ายก็ขึ้นอยู่กับ Mindset

คนหลาย ๆ คนอาจจะเริ่มจากจุดเดียวกัน แต่จบที่คนละจุดได้เสมอ เพราะ Mindset ของแต่ละคนต่างกัน ชีวิตจึงถูกขับเคลื่อนต่างกัน

คนมีปัญหาครอบครัวเหมือนกัน คนนึงอาจจะจบลงที่การเป็นด็อกเตอร์ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในขณะที่อีกคนอาจจะติดยาและเป็นฆาตกรก็ได้เช่นกัน ...

ก็จะเห็นว่า Mindset คือตัวกำหนดทิศทางและอนาคตของชีวิต และมันเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวตนของเราตลอดเวลาในทุกวินาที ไม่ว่าจะตอนตื่น ตอนนอน หรือตอนทำกิจกรรมใด ๆ ชีวิตจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับ Mindset ของเราละ

นี่เป็นเหตุผลว่าปีที่แล้วทำไมเราถึงโฟกัสเรื่องการพัฒนา Mindset มากเป็นพิเศษ เพราะหาก Mindset ดี คน ๆ นั้นก็จะดีและเก่งขึ้นได้ด้วยตัวเอง ตรงกันข้าม ต่อให้เคี่ยวเข็ญแค่ไหนแต่ถ้า Mindset แย่ คน ๆ นั้นก็จะไม่มีทางดีขึ้นหรือเก่งขึ้นได้เลย

Mindset เปลี่ยนแปลงได้เรื่อย ๆ ทุกวินาที

Mindset (วิธีคิด) คนเราเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา ประสบการณ์ชีวิตจะค่อย ๆ หล่อหลอมให้วิธีคิดของคนนั้น ๆ เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงก็ตาม

เคยพูดอยู่ประโยคนึง "คุณในวันนี้กับคุณในเมื่อวานนี้นั้นเป็นคนละคนกัน" ก็เพราะเหตุผลนี้แหละ Mindset คนเราเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ และเมื่อมันเปลี่ยน ตัวตนคุณก็จะเปลี่ยนไปด้วย

และเราควรจะเอาคุณสมบัตินี้มาทำให้เป็นประโยชน์กับตัวเรา

จงพัฒนา Mindset ให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน

และจะทำยังไงให้ดีขึ้นได้บ้าง ? ... ต้องเข้าใจนิสัยของ Mindset ก่อนนิดนึงว่า ...

Mindset เป็นสิ่งที่ติดต่อกันได้

ทุกสิ่งและทุกคนที่เข้ามาในชีวิตเราล้วนส่งผลให้ Mindset เปลี่ยนได้ทั้งสิ้น

- เมื่ออยู่กับคนที่รู้จักประหยัดเงิน คุณจะค่อย ๆ ซึมซับและมี Mindset ของการใช้เงินเป็น

- เมื่อคุณอยู่กับคนที่เก่งขึ้นตลอดเวลา คุณจะมี Mindset ของความอยากเก่งขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน

- เมื่ออยู่ในสังคมที่คนประณามผู้ล้มเหลว สุดท้ายคนก็จะมี Mindset ของการไม่กล้าออกไปทำอะไรใหม่ ๆ

- เมื่ออยู่ในสังคมที่คนไม่คิดจะต่อแถวกัน Mindset ทุกคนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นการแก่งแย่งอย่างบ้าคลั่ง

- เมื่อทุกคนพร้อมใจกันทิ้งขยะไม่เลือกที่ Mindset ของคนในสังคมนั้นก็จะทิ้งขยะกันเกลื่อนกลาด

- เมื่อทุกคนบอกว่าการพูดภาษาอังกฤษผิดเป็นเรื่องแย่มาก คนก็คิดว่าการพูดภาษาอังกฤษเป็นเรื่องน่าอายและจะกลัวไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษกัน

เมื่อเข้าใจ Nature ตรงนี้ของ Mindset แล้วก็จะรู้ละว่าทำไม "การเลือกคบเพื่อน" และ "การเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมดี ๆ" ถึงสำคัญ เพราะเมื่อคนรอบตัวที่คุณสัมผัสล้วนเป็นคนดี มี Mindset ที่ดี เราก็จะได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามาเสมอ และคุณก็จะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น ตัดสินใจดีขึ้นไปโดยอัตโนมัติ

อยากให้เข้าใจเรื่องตรงนี้ไว้ตลอดเวลา

Mindset ติดต่อกันได้

เพราะสุดท้าย "เมื่อคุณเสพย์อะไรมาก ๆ คุณจะกลายเป็นสิ่งนั้น" หากคุณเอาตัวเองไปอยู่ในที่ดี ๆ เสพย์สิ่งดี ๆ คุณก็จะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเอาตัวเองไปอยู่ที่แย่ ๆ เสพย์แต่สิ่งร้าย ๆ สุดท้ายคุณก็จะกลายเป็นคนที่เอาแต่กลัว ชีวิตแย่ลงเรื่อย ๆ และไม่มีทางเก่งขึ้นได้เลย

ประโยคที่ว่า "You are what you share on Facebook" ก็มาจากเรื่องนี้แหละ =)

รับพลังด้านบวกเรื่อย ๆ พร้อมปิดกันพลังด้านลบ

อย่างที่บอกด้านบน Mindset สามารถติดต่อกันได้ ดังนั้นถ้าอยากจะพัฒนา Mindset อย่างแรกที่ควรจะทำเลยคือ "ย้ายตัวเองไปอยู่ที่มีพลังด้านบวกเยอะ ๆ"

การย้ายตัวเองนี้ทำได้ทั้งทางโลกจริงและโลกเสมือนนะ

โลกจริงคือการไปอยู่ในสังคมที่ดี ส่วนโลกเสมือนก็เช่นพวก Social Network อย่าง Facebook ก็ต้องหันไป Follow คนที่มีความคิดดี ๆ แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นจากการรับพลังด้านบวกครับ

ในขณะเดียวกัน การรับพลังด้านบวกอย่างเดียวก็ยังไม่พอ ต้องรู้จักปิดกั้นพลังด้านลบไม่ให้เข้ามาในชีวิตด้วย

ในโลกจริงก็เหมือนเดิม สังคมไหนไม่ดีก็อย่าเข้าไปร่วมสังคมด้วย ในโลกเสมือน ... พวกเพจที่เน้นสร้างความเกลียดชังหรือแม้แต่เพื่อนที่ชอบโพสต์เรื่องลบ ๆ วันดีคืนดีก็เอาแต่โพสต์ด่ากราดคนอื่น เราแนะนำให้ควรเลิกติดตามเสีย

เพราะพลังด้านลบมักจะมีผลมากกว่าพลังด้านบวกเสมอ ถ้ายังติดตามคนพวกนี้และรับพลังลบ ๆ เข้าไป Mindset ก็จะพลอยลบไปด้วย แล้วพอถึงจุดนึงจะดึงกลับมาไม่ได้อีกเลย แล้วชีวิตคุณจะมีแต่แย่ลง ๆ ครับ

หยุดรับเรื่องดราม่า

ส่วนตัวเป็นคนที่ Anti ดราม่ามาตลอด เพราะตัวเองก็เคยเป็นคนติดอยู่ในหลุมดราม่า กว่าจะพาตัวเองออกมาได้นี่เหนื่อยมาก และพอออกมาจากหลุมแล้วก็เลยเข้าใจว่ามันแย่ยังไง

ดราม่าเป็นพลังด้านลบ คอยแต่จะสร้างความเกลียดชังให้กับผู้คน แรก ๆ ก็อาจจะยังโอเคอยู่ แต่เมื่อถึงวันนึงความดราม่าจะเข้าครอบงำและทุกอย่างจะกลายเป็นสิ่งเลวร้ายไปทั้งหมด จะมองไม่เห็นความดีของสิ่งต่าง ๆ อีกเลย และสุดท้ายก็จะสร้างเรื่องดราม่าได้เอง อะไรก็ดราม่าได้หมด

มีหลาย Sample แล้วที่สังเกตดูจากโพสต์บนเฟสบุ๊คของหลาย ๆ คน ที่ช่วงแรก ๆ ก็ยังดีอยู่ แต่สักพักก็เริ่มแชร์เรื่องดราม่ามากขึ้น ๆ และผ่านไป 1 ปีโพสต์บนเฟสบุ๊คของคนนั้นก็คือเรื่องดราม่าและการมองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา จนบางคนก็กลายเป็นคนกลัวทุกสิ่งอย่าง ไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ และหยุดการพัฒนาตัวเองไปในที่สุด

ไม่ใช่แค่คนเดียว เยอะมากเลยที่เป็นแบบนี้

เหตุผลของการที่เราสนับสนุนให้เลิกรับหรือเสพย์ดราม่าก็คือเรื่องของ Mindset นี่แหละ เมื่อรับเรื่องดราม่ามาก Mindset คุณจะกลายเป็นแง่ลบ มองอะไรก็แย่ไปหมด อย่าให้อยู่ในภาวะนั้นเพราะกว่าจะทำให้กลับมาเป็น Mindset ที่ดีได้มันต้องใช้เวลานานมาก

ฉลาดเลือก Idol

และเนื่องจาก Mindset มันติดต่อกันได้ การเลือก Idol ที่ดีก็จะทำให้ Mindset ของคุณดีขึ้นได้เช่นกัน

ลองดูว่าคุณชื่นชอบการกระทำของใคร ชอบนิสัยของใคร ชอบวิธีคิดของใคร แล้วก็ติดตามเรื่องราวของคน ๆ นั้นซะ จากนั้น Mindset ของ Idol ผู้นั้นจะค่อย ๆ ไหลซึมมาสู่เราเองครับ

และคำเตือนนึงที่อยากจะบอกทุกคนไว้คือ

อย่าเลือกติดตาม Celebrity แต่จงเลือกติดตาม Idol

ไม่มีความหมายของความเก่งหรือความดีอยู่ในคำว่า Celebrity มันมีความหมายเดียวคือ "ความดัง" ซึ่งการโด่งดังตรงนี้อาจจะมาจากเรื่องอะไรก็ได้ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องเลวร้าย เห็นอยู่เยอะแยะมากมาย คนติดยาเอย คนโชว์นมเอย แล้วก็ยกย่องให้พวกนี้เป็น Idol

หารู้ไม่ว่า Idol ความหมายที่แท้จริงคือ "ผู้ที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง" หากบอกว่าคนกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นน่าเอาเยี่ยงอย่าง ก็คงเห็นอนาคตของคนที่ติดตามแล้วว่าจะเป็นยังไง

ความจริงแล้วพวกนั้นคือคนดังครับ แต่จำกัดคำนิยามอยู่แค่ตรงนั้น "ดัง" ไม่ได้มากกว่านี้ ถ้าอยากจะติดตามคนดังก็ทำได้ แต่ขอให้เป็นคนดังที่เป็น Idol จริง ๆ ... คือดังจากการเป็นคนดีและน่าเอาเยี่ยงอย่างนั่นเอง

แล้ว Mindset คุณจะดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว และชีวิตคุณจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เองครับ =)

ผลของสื่อ/ละครกับคนในสังคม ก็เรื่องของ Mindset เช่นกัน

เคยได้ยินคำนี้กันมั้ย

สื่อเป็นคนกำหนดนิสัยของคนในสังคม

มันก็ไม่ใช่เรื่องไหนไกล ... Mindset นี่แหละ

การที่สื่อคอยนำเสนอแต่เรื่องความงมงายก็ส่งผลต่อ Mindset ของคนในสังคมให้เชื่อเรื่องงมงาย

การที่สื่อคอยสำเสนอเรื่องการฆ่ากันตาย จำนวนคนฆ่ากันตายก็จะเยอะขึ้น

และเช่นเดียวกับละครซึ่งถือว่าเป็นสื่อแบบนึง การที่บอกว่าการข่มขื่นเป็นเรื่องที่พระเอกทำกัน ก็ส่งผลให้เกิด Mindset ของการข่มขืนในสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น ... เลือกอ่านสื่อและรับชมละครที่สร้าง Mindset ดี ๆ นะครับ เพราะมันไม่ใช่แค่สิ่งที่โลดแล่นอยู่บนจอ แต่มันคือชีวิตคุณหลังจากรับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เข้าไป

สื่อไหนหรือละครเรื่องไหนที่นำเสนอแต่เรื่องลบ ๆ ก็ควรเลิกสนับสนุนได้แล้วครับ

เนยแนะนำจากใจ

Fixed Mindset vs Growth Mindset

ทางด้านวิชาการมีความพยายามแบ่ง Mindset ออกมาเป็นกลุ่ม ๆ อยู่หลายแบบเหมือนกัน แต่ทฤษฎีนึงที่โด่งดังที่สุดคือทฤษฎีที่นำเสนอโดย Carol Dweck ที่บอกว่า Mindset ถูกแบ่งได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ Fixed Mindset และ Growth Mindset

Fixed Mindset

คือ Mindset ที่คนเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเก่งขึ้นได้ ความรู้ทั้งหลายเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดและไม่สามารถพัฒนาไปกว่านั้นได้

- พยายามหลีกเลี่ยงทุกปัญหา

- ยอมแพ้กับทุกสิ่งอย่างง่ายดาย

- รู้สึกว่าความพยายามเป็นสิ่งไร้ค่า

- เมื่อได้รับ Feedback ด้านลบของตัวเองก็จะปฏิเสธว่ามันไม่จริงและไม่สนใจใด ๆ

- รู้สึกว่าความสำเร็จของคนอื่นทำให้ชีวิตตัวเองห่อเหี่ยว

คนที่มี Mindset แบบนี้เป็นการสร้าง "กรอบ" ของความคิดของจริง คือตัวเองไม่สามารถออกจากกรอบนี้ได้และก็จะเป็นแบบนี้ไปจนตาย

ผลคือคนกลุ่มนี้มักจะไม่สามารถคว้าความสำเร็จในชีวิตไว้ได้ เนื่องจากโลกมันหมุนไปเรื่อย ๆ แต่คนกลุ่มนี้กลับปฏิเสธที่จะพัฒนาตัวเองนั่นเอง

Growth Mindset

คือ Mindset ของคนที่เชื่อว่าตัวเองเก่งขึ้นได้ตลอดเวลา และเชื่อว่าตัวเองสามารถเรียนรู้เรื่องใด ๆ ในโลกถ้าใส่ความพยายามลงไปมากพอ

- เมื่อชีวิตเจอปัญหาหรือความท้าทายจะเข้าลุย

- รู้สึกว่าความพยายามนี่แหละคือหนทางนำไปสู่ความเก่งความชำนาญและความเมพ

- เมื่อเจอคำวิจารณ์แย่ ๆ ก็จะเรียนรู้จากมันแทนการเพิกเฉย

- มองความสำเร็จของคนอื่นเป็นบทเรียนและแรงบันดาลใจ

คนกลุ่มนี้มักจะคว้าความสำเร็จได้มากกว่าคนกลุ่ม Fixed Mindset มากเพราะคนกลุ่มนี้จะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีกรอบที่จำกัดตัวเองไว้ หากเจอปัญหาอะไรก็แก้ได้หมดและกลายเป็นคนที่มีค่ามากไปในที่สุด

ลองดูคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตระดับโลก Mark Zuckerberg งี้ Larry Page งี้ Steve Jobs งี้ ทุกคนล้วนแต่มี Growth Mindset ทั้งสิ้น เพราะเค้ารู้ว่าโลกมันไม่หยุดหมุน เราต้องเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามโลกด้วยนั่นเอง

ควรเป็นแบบไหน ?

ตอบไม่น่าจะยากป่ะ Growth Mindset สิ !

และเพื่อจะพาตัวเองไปให้ถึงจุดนั้น สิ่งที่ต้องทำก็มีไม่มาก ... รับพลังจากคน Growth Mindset มาเยอะ ๆ เรียนรู้จากคนกลุ่มนี้เยอะ ๆ และ นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ครับ

มี Mindset ในกลุ่ม Growth อยู่หลายตัวที่แทบจะเป็น Fundamental เช่น

คนเรายิ่งล้มเหลวก็จะยิ่งเก่งขึ้น

แค่นี้ก็จะทำให้เราไม่กลัวการทำอะไรใหม่ ๆ อีกต่อไป และคุณก็จะเก่งขึ้นได้ด้วยตัวเองทุกวินาที

หาอ่านและเรียนรู้วิธีคิดแบบนี้ไว้เยอะ ๆ ครับ และนำไปปฏิบัติตามด้วยเพื่อให้มันกลายเป็น Mindset ของเราไปจริง ๆ ในที่สุด

หากคิดจะตั้งเป้าอะไรเพื่อตัวเองไว้สักอย่าง "เราจะมี Mindset แบบ Growth Mindset" ก็เป็นของขวัญให้ตัวเองที่มีมากอย่างหนึ่งครับ =)

Mindset ของเราทุกคนล้วนต่างกัน เราทุกคนล้วนแตกต่าง

จะที่พูดไว้ด้านบนโน้น จะเห็นว่าตัวตนของเราถูกกำหนดจาก ร่างกาย และ Mindset

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนในโลกล้วนต่างกัน ... เพราะนอกจากร่างกายทุกคนจะไม่เหมือนกันแล้ว ทุกคนก็ยังไม่มีใครที่มี Mindset เหมือนกันเลย

คนเราแค่เกิดมาจากครอบครัวที่แตกต่างก็มี Mindset ที่ต่างกันแล้ว คนรวยกับคนจนก็มีวิธีคิดที่ต่างกันไป และหากคนจนฝืนเอา Mindset คนรวยมาใช้ก็อาจจะทำให้จนหนักกว่าเดิมได้

ดังนั้นไม่ต้องพยายามจะก็อปปี้ Mindset ของคนบางคนมากลายเป็นตัวเราครับ แค่เรียนรู้และปรับเอาวิธีคิดมาเพิ่มเติม Mindset ของเราให้เหมาะสมกับตัวเราที่สุด รวมถึงค่อย ๆ ทยอยตัด Mindset ที่จะทำให้ชีวิตเราแย่ลงทิ้งไปทีละอย่างสองอย่าง

ทุกคนมีข้อจำกัดในชีวิตต่างกัน เป้าหมายคือทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น มีวิธีคิดที่ดีขึ้น โดยยังสามารถใช้ชีวิตในข้อจำกัดที่มีอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งถ้า Mindset ดีขึ้นถึงระดับนึง เราก็อาจจะสามารถทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นได้อีกต่างหาก

อย่าลืมนะ โลกหมุนได้เพราะทุกคนล้วนแตกต่างจ้า

ส่งท้าย

บล็อกนี้ไม่ได้มาสรุปว่า Mindset ที่ดีคืออะไร แต่เน้นบอกไปที่กระบวนการในการปั้น Mindset ของตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพราะ Mindset มันต้องปรับเปลี่ยนไปในแต่ละคน การเข้าใจกลวิธีได้มาซึ่ง Mindset ที่ดีน่าจะสำคัญกว่าและยั่งยืนกว่ามากครับ

หากจะมีอย่างนึงที่คุณจะตั้งใจทำในปีใหม่นี้เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น เราคงแนะนำให้เป็น "การพัฒนา Mindset" ครับ เพราะมันคือการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน อนาคตคุณจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดตรงนี้

วางแผนชีวิตดูว่าจะทำยังไงให้ Mindset ดีขึ้นได้บ้าง รวมถึงมีสติตลอดเวลาว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตอันไหนที่ทำให้ Mindset เราแย่ลงบ้าง จะได้เรียนรู้ที่จะตัดทิ้งเสีย

แล้วสิ้นปีมาดูกันว่าชีวิตและความคิดของเราจะดีขึ้นแค่ไหนครับ ลองดูนะ =)

#รัก

บทความที่เกี่ยวข้อง

Apr 24, 2020, 14:24
51180 views
รีวิวเปรียบเทียบการโอนเงินกลับไทยจากเมกาผ่าน Transferwise และ Western Union
Jun 10, 2019, 13:07
47384 views
คู่มือการย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา ตอนที่ 2: "ค่าครองชีพ"
0 Comment(s)
Loading