นี่ๆ สัปดาห์ก่อนเราไปงานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 7 มาแหละ ! ถือเป็นอีกการเดินทางที่ดีอันดับต้นๆของชีวิตเลย แฮปปี้มากกับทุกสิ่ง =)
โดยงานนี้จัดที่ New York และมีเพื่อนร่วมทริปไปแค่ 4 สื่อเท่านั้น พี่พัด พี่ปอง ซีและก็เนย เรียกว่าเป็น Exclusive Trip สุดๆ พักกันตรง Times Square เลย
เจอผู้ร่วมทริปแต่ละคนนี่รู้สึกตัวเล็กเลย แอบกดดันเล็กๆ คนอื่นนี่ถือสื่อหลักกันทั้งนั้น แล้วเราหละ T_T
แต่พอรู้ว่าได้ไปก็ทำทุกอย่างเต็มที่น้า หลักๆตอนงานเปิดตัวก็มี Live Blog สดให้คนได้ไทยอ่านและดูบรรยากาศกันสดๆส่งตรงจากนิวยอร์ค ไว้เล่าเบื้องหลังการพัฒนาระบบนี้ให้ฟังๆ =) ยังไงเข้าไปอ่านดูได้ครับ ข้อมูลและภาพยังอยู่
ก็ขอขอบพระคุณซัมซุงไทยแลนด์มา ณ ที่นี้ด้วยครับที่ส่งไป เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ ^0^
นี่กลับมาได้ 2-3 วันละ แต่เพิ่งมีโอกาสได้ปล่อยบล็อกเรื่อง Note 7 เพราะว่ากำลังรวบรวมข้อมูลในแบบของตัวเองอยู่ คือแบบว่า Feedback มันแรงเฟร่อดีเฟร่อ ไม่ได้เห็นกระแสแง่บวกรัวๆแบบนี้มานานละ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้จะให้เขียนพวกสเปคอะไรก็ไม่มีประโยชน์ละ มันน่าสนใจจนทุกคนคงรู้หมดแล้ว ก็เลยจะมาเขียนในเชิง Lifestyle ใช้งานจริงกันไปเลยว่าตอบโจทย์ชีวิตมั้ยอะไรยังไงจากการที่ได้จับเครื่องจริงมาแล้วราวๆสองชั่วโมงดีก่า
มาครับ มา มาดูกัลลลล
หมายเหตุ: บล็อกนี้เขียนจากมุมมองตัวเอง ทุกอย่างเขียนตามความคิดและความรู้สึกจริงๆของตัวเอง มิได้เป็น Sponsored Post แต่อย่างใดครับ คงตามคอนเซปต์เดิมๆ ^_^
รูปร่างภายนอก
Samsung Galaxy Note 7 ออกแบบมาด้วยดีไซน์แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S7 Edge มีความโค้งตรงขอบจอแบบไม่มาก (น้อยกว่า S7 Edge) ดูโดยรวมแล้วถือว่าดีไซน์ทำมาได้รู้สึกนุ่มละมุน ทุกอย่างเป็นโค้งไปหมดทั้งบอร์ดี้และหน้าจอ
สำหรับส่วนที่ไม่ใช่หน้าจอทั้งด้านหน้าและด้านหลังก็ใช้วัสดุแบบเดียวกับ S7 และ S7 Edge เช่นกัน มีความสะท้อนแสงในแบบกระจกที่ทำการสะท้อนมาดีและสวยงามมาก ไม่ใช่สะท้อนแบบเฉิ่มๆจีนๆ อันนี้สวยมาย หากนึกไม่ออกว่าเป็นยังไงให้ไปลองเล่น S7 ที่ช็อปซัมซุง
ก็จะเห็นจากภาพด้านบนว่าทุกส่วนโค้งหมด ไม่มีเหลี่ยมให้เห็นเลย ชอบดีไซน์และวัสดุแบบนี้มากๆเป็นการส่วนตัว ใช้แล้วมีความสุข =)
ส่วนบนของด้านหน้าเป็น ช่องยิง Infrared, กล้องหน้า และ Iris Scanner (รูสแกนม่านตา) ตามลำดับจากซ้ายไปขวา
ส่วนด้านล่างไม่มีอะไร ปุ่ม Home ตรงกลางที่มาพร้อม Fingerprint Scanner และมีปุ่มแบบ Touch อยู่ฝั่งซ้ายและขวาทำหน้าที่เป็นปุ่ม Task Manager และ Back เหมือนรุ่นอื่นๆ
ด้านหลังก็อย่างที่เห็นด้านบน ทำออกมาโล่ง ไม่รกตา มีแค่กล้องกับ LED Flash เท่านั้นเอง ซึ่งไม่ได้นูนจากฝาหลังออกมาเท่าไหร่ สามารถวางพื้นได้อย่างสบายใจ ยิ่งถ้าใส่เคสด้วยนี่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย
ด้านล่างของตัวเครื่องมีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ยังมีอยู่นะ (ฮี่ๆ) ถัดมาก็เป็นรู USB-C รูไมโครโฟน ลำโพงและช่องเสียบ S-Pen ตามลำดับ
มาด้านบนบ้าง ด้านบนโล่งเตียนเลย มีแค่ช่องเสียบซิมและ microSD เท่านั้นเอง ใช้เข็มจิ้มถาดออกมาเหมือนรุ่นหลังๆทุกรุ่น
สำหรับถาดซิมหน้าตาจะเป็นแบบเน้
ก็คือเหมือน S7 เลยคือสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ microSD เพิ่มหรือว่าจะใส่ซิมที่สอง (สังเกตดูว่าช่องใส่ microSD จะสามารถใส่ซิมในอีกแนวนึงได้) อันนี้ก็ต้องเลือกกันไปว่าจะใช้อะไร แล้วแต่คนๆ
ข้างขวามีปุ่มเดียวคือปุ่ม Power
สุดท้ายข้างซ้ายมีสองปุ่มคือปุ่ม Volume Up/Down ขอรับกระผม
เรื่องของความบางก็มิใช่ปัญหา เรียกว่าบางเท่าๆกับ S7 Edge เลย หนาขึ้นมาเพียง 0.2 มิลลิเมตรเท่านั้น ต้องใช้เวอร์เนียวัดอ่ะถึงจะเห็น มองด้วยตาเปล่าไม่ออก นึกว่าเท่ากันเป๊ะ
ก็ประมาณนี้สำหรับหน้าตาภายนอกครับ โดยรวมเหมือน S7 Edge ที่ขยายขึ้นมานิดนึงพร้อมลดความโค้งของหน้าจอและขอบมุมลงเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับการใช้ปากกามากขึ้น โดยรวมก็เลยทำให้ดูผู้ใหญ่ขึ้นกว่า S7 Edge อยู่พอสมควร อันนี้ลองเอามาเทียบให้ดูครับ ด้านซ้าย S7 Edge ด้านขวา Note 7
และเนื่องจาก Note 7 ออกแบบมาให้แทบไม่มีขอบจอเลย ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่มาก สามารถจับใช้งานมือเดียวได้ครับ
อันนี้ก็บอกได้เลยว่าถ้าชอบดีไซน์ S7 Edge คุณก็จะชอบ Note 7 ทันทีครับ แถมถ้าใครคิดว่า S7 Edge ดีไซน์วัยรุ่นไป Note 7 ก็จะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ทันทีโดยเฉพาะท่านๆผู้บริหาร =)
สเปค
อ้าว ไหนว่าจะไม่พูดถึงสเปค 555
พูดถึงหน่อยเห้ออออ เอาแบบไวๆ เน้นภาพรวมจะได้ไปอ่านส่วนอื่นๆเข้าใจง่ายดาย
ใครเคยใช้ Galaxy Note จะรู้ว่าสเปคเนี่ยจัดเต็มตลอด เจ้า Note 7 ก็เช่นกัน จัดสเปคไม่มีกั๊กกันตามนี้
- หน้าจอ 5.7" ละเอียด 2560x1440 พิกเซลเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือคลุมด้วยกระจก Gorilla Glass 5 แข็งแรงทนทาน
- ออกแบบหน้าจอให้เป็นส่วนที่เด่นชัดที่สุดและไม่ให้ส่วนอื่นๆมาบดบังความสวยงาม หน้าจอจึงกินพื้นที่ถึง 78% ของพื้นที่ด้านหน้า แทบไม่มีขอบให้เห็นเลย ทำให้ดีไซน์ออกมาโดยรวมเหมือนถือกระจกอยู่ สวยงามมาก
- สามารถเล่นวีดีโอแบบ HDR ได้ ก็คือถึงวีดีโอจะสีจืดและกลืนกันแค่ไหน มันก็จะปรับเป็น HDR ระหว่างเล่นให้สดๆได้เลย อ่ะนี่คือความต่างของ HDR และ Non HDR
ได้ภาพออกมาสวยงามระดับที่ทุกคนในฮอลล์ตอนนั้นปรบมือเกรียวกราว
คราวนี้การดูวีดีโอในมือถือก็จะมีความสุขขึ้นมหาศาล สีไม่มีหมอง สีสันสวยงามตลอดการรับชม และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเปลืองแบตด้วยเพราะ การประมวลผลภาพออกมาให้เป็น HDR บนหน้าจอนั้นเป็นการทำงานระดับฮาร์ดแวร์ซึ่งกินพลังงานน้อยมากนั่นเอง
ตอนใช้จริงก็มีทั้งภาพที่เห็นความต่างมากๆกับภาพที่ไม่เห็นความต่างเลย อันนี้แล้วแต่ว่าต้นฉบับมีความ HDR มาอยู่แล้วหรือเปล่านั่นเอง
- มาพร้อม Android 6.0.1 และได้รับการอัปเกรดเป็น Android 7.0 Nougat เมื่อพร้อมแน่นอน
- ใช้ชิปเซต Exynos 8890 Octa (CPU Quad-Core 2.3GHz Mongoose + Quad-Core 1.6GHz Cortex-A53)
- GPU แรงและเร็วขึ้นกว่า Note 5 ถึง 58% และแน่นอน ... สนับสนุน Vulkan ด้วย (มันคือ OpenGL ในร Generation ถัดไป เจ๋งกว่า ทำงานได้ลึกกว่า เพิ่งสนับสนุนมือถือไม่กี่รุ่น)
- RAM 4GB
- พื้นที่ภายในจัดมาให้ 64GB (มีรุ่นเดียว ไม่มีน้อยกว่านี้)
- สามารถใส่ microSD เพิ่มได้ถึง 256GB ... อันนี้คงทำคนใช้ Note 5 ตาลุกวาว เพราะ Note 5 ใส่เมมเพิ่มไม่ได้ เลยต้องใช้แบบจำกัดมาก นี่แหละ Note 7 ไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่อีกต่อปัยยย
- กล้องหลังเป็นตัวเดียวกับ S7 ก็คือ 12 ล้านพิกเซล f/1.7 พร้อมกันสั่น OIS ซึ่งอันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ... กล้อง S7 เทพมากกกก แค่บอกว่ามันเป็นกล้องตัวเดียวกับ S7 ก็จบละ ไม่ต้องพูดมากกว่านี้
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/1.7 เช่นกัลลล
- แน่นอนว่าเป็น Note ดังนั้นมันจึงมาพร้อม S-Pen ที่หัวเล็กลงจาก 1.6 มิลลิเมตรเหลือเพียง 0.7 มิลลิเมตรเท่านั้น ลดลงเท่ากว่าๆเลยน้าาา ซึ่งพอหัวเล็กลง ความแม่นยำในการจิ้มปากกาก็จะมากขึ้นตามด้วย
และที่สำคัญ ... ระดับน้ำหนักกดตอนนี้ได้ 4096 ระดับ ละจ้าาาา นี่จะละเอียดไปไหน
อ้อ ... แล้วก็เสียบผิดข้างไม่ได้แล้วนะ =P
- ปากกาไม่ต้องชาร์จ .... (หวายยยย)
- แบตเตอรี่ 3500 mAh ซึ่งพอๆกับของ S7 Edge ทำให้บอกได้ว่าแบตอยู่ได้เป็นวันแน่นอน แบตอึดมาก (ถ้าไม่เอาไปเล่น Pokemon GO ทั้งวัน)
และแน่นอน ... Note 7 ถอดแบตไม่ได้นะจ๊ะ (ซึ่งหลังๆการถอดแบตก็เริ่มไม่ใช่ประเด็นละ)
- มี Fast Charging และ Fast Wireless Charging ในตัว (แต่ไม่มีแท่นชาร์จแถมมานะ ต้องซื้อเพิ่ม)
- Fingerprint Scanner ยังอยู่ที่ปุ่ม Home และเป็นแบบแปะเช่นเดิม ใช้งานได้ดีเหมือนเดิม
- Iris Scanner สามารถสแกนม่านตาได้ ! ใช้งานได้หลากหลายมาก ปลดล็อคงี้ ทำธุรกรรมงี้ อันนี้ว้าวและเจ๋งมากจริงๆ ตอนแรกนึกว่าแค่ Gimmick ขำๆแต่เอาจริงๆไม่ใช่เลย มันเยี่ยมมาก ไว้อ่านละเอียดในหัวข้อหลังจากนี้
- กันน้ำด้วยมาตรฐาน IP68 อยู่ใต้น้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที
- ใช้ USB-C เสียบทางไหนก็ได้
- ที่เหลือสิ่งมาตรฐานล้วนมีหมด Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), Bluetooth 4.2 ฯลฯ ไม่พูดถึงละนะ
โดยรวมก็คือการเอา S7 Edge มาอัปพลังให้แกร่งขึ้นเจ๋งขึ้นพร้อมพ่วงปากกาและความว้าวสุดๆอย่าง Iris Scanner มาด้วย จึงเกิดเป็น Note 7 ที่ทุกคนพูดถึงกันอยู่ ณ ขณะนี้ เย้ เย
แรกสัมผัส
เนยเป็นพวกเชื่อในรักแรกพบ ถ้าสบตาแล้วไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่ แต่กับ Note 7 แว้บแรกแล้วปิ๊งเลอออออ
อันนี้ปิ๊งจริงอะไรจริง คือตอนนี้เนยใช้ S7 Edge อยู่แล้วแฮปปี้กับมันมากกกกกกก ไม่มีมือถือที่เราพอใจทุกอย่างจนไม่รู้สึกขาดอะไรมานานละ จอชัด กล้องชัดมากและถ่ายที่มืดสวย รอมไม่งอแง แบตอึด ฯลฯ พอเจอ Note 7 ซึ่งหน้าตาภายนอกเหมือน S7 Edge ที่ขยายใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับปากกาที่ใช้เป็นปกติมาหลายปีก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ S7 Edge (คือเป็นแฟนมือถือตระกูล Note ว่างั้น)
แว้บแรกที่หยิบ Note 7 ขึ้นมาเล่น คำๆนี้แล่นขึ้นมาในหัวเลยทันที
อยากได้
ก็รู้สึกเหมือนเป็นรุ่นพี่ของที่ใช้อยู่และชอบมากๆ ข้างนอกก็สวยจนอยากจะหยิบมากดเล่น พอเปิดมาทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ ซอฟต์แวร์ไม่รก มีมาเฉพาะที่ต้องใช้ ลื่นไหล กล้องชัด เอาเป็นว่าครบทุกอย่าง แถมมันยังมาพร้อมปากกาสุดรักอีก
ยังไงถ้าเครื่องเข้าไทยอยากให้ลองไปจับดูที่ช็อป เราถามมาหลายคนละ เกือบทุกคนพอจับเครื่องแล้วบอกว่าชอบหมดเลย งานดีไซน์ตั้งแต่ S6 มาเรียกว่าแซงอีกค่ายไปแล้ว พอรุ่นใหม่ๆมาพร้อมวัสดุที่สวยงามขึ้นอีก คนก็เลยชอบกันเยอะ อันนี้ต้องยอมรับ
ปากกา S-Pen บางลง ฟีเจอร์เน้นใช้งานจริง
มันเป็น Note 7 จะไม่พูดถึง S-Pen ได้อย่างรัยยย
อย่างที่เขียนไว้ด้านบนหัว S-Pen บางลงอีกเหลือเพียง 0.7 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเล็กมากกกกนะ ลองคิดดูสิ น้อยกว่า 1 มิลลิเมตรอีกนะนะนะนะ
สำหรับคนที่วาดรูปก็คงฟินกันไปกับความบางลงของหัวปากกา คงได้เห็นรูปวาดสวยๆโผล่มาอีกเพียบหลังจากนี้ =)
และยิ่งไปกว่านั้น Note 7 ยังวัดระดับน้ำหนักได้เพิ่มขึ้นจาก 2048 ระดับเป็น 4096 ระดับ (มันจะละเอียดไปไหน) ซึ่งทำให้ความละเอียดของเส้นต่างๆจะดีขึ้นมาก เป็นไปตามที่ต้องการได้เลย
ฟีเจอร์ของ S-Pen ที่ออกมาในรุ่นนี้ถือว่าลดความหวือหวาลง แต่ในแง่การใช้งานจริงถือว่าตอบโจทย์มนุษย์ทั่วไปเลย เอาแบบเบสิคก่อนก็คงหนีไม่พ้นฟังก์ชันการวาดที่มาพร้อม Effect ที่เหมาะกับงานวาดมากขึ้นไปอีกขึ้น มาพร้อมซอฟต์แวร์สำหรับวาดสีน้ำหรือสีเทียนตามที่ต้องการได้เลย ซึ่งผลการวาดออกมาสวยงามมากด้วย ทำได้ดีและเหมือนวาดด้วยสีและกระดาษจริงๆมากๆ
ต่อไปก็ Advance ขึ้นมาหน่อย สำหรับคนที่มีปัญหาด้านสายตาและอยากจะอ่านตัวอักษรอะไรที่เล็กมากๆ เราสามารถใช้ S-Pen ซูมมมมมมหน้าจอส่วนนั้นขึ้นมาได้ด้วยฟังก์ชันที่ชื่อว่า Magnify ลองดูตัวอย่าง
สุดท้ายก็ การแปลภาษาแบบสดๆจากข้อความใดก็ได้บนหน้าจอ! (Translate) คือ อันนี้เจ๋งมากและเวอร์คมากในแง่ปฏิบัติ ไม่เคยคิดถึงมาก่อนว่า S-Pen จะทำอะไรแบบนี้ได้ น่าจะช่วยลดข้อจำกัดทางด้านภาษาลงไปได้เยอะมากๆ
วิธีใช้ก็แค่เปิดโหมด Translate แล้วเอา S-Pen "จ่อ" ไปตรงคำที่ต้องการ (ไม่ต้องจิ้มโดนจอนะ แค่จ่อลอยอยู่บนจอ) แล้วคำๆนั้นจะถูกแปลเป็นภาษาที่เราตั้งไว้ด้วย Google Translate โดยอัตโนมัติ มาดูเดโมกัน!
ซึ่งภาษาที่สามารถแปลงได้ก็หลากหลายตามที่ Google Translate ทำได้นั่นแหละ เราว่าฟีเจอร์นี้ตอบโจทย์มากมายจริงจัง เป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่ประทับใจมากๆ บางทีอ่านข่าวภาษาอังกฤษแล้วเจอศัพท์ยากๆ ตอนนี้ก็ไม่ต้องสลับไปเปิด Dict ละะะ
จริงๆมีฟังก์ชันอื่นของ S-Pen อีกเพียบเลยเช่นการแปลงวีดีโอที่เล่นอยู่บนหน้าจอให้กลายเป็น GIF แล้วเอาไปโพสต์ลง Social ได้เลย แต่คิดว่าแค่สามอันนี้ก็น่าจะเป็นตัวหลักที่ทุกคนได้ใช้ทุกวันแน่นอนแล้ว ที่เหลือนี่ยังมีท่าให้เล่นอีกเป็นสิบแบบ ถือเป็นอาวุธขั้นไม้ตายของรุ่นนี้เลย
ใช้ Note มาหลายรุ่นแล้ว พูดเลยว่า S-Pen นี่แหละเด็ดจริง ไม่ใช่แค่ Gimmick มันได้ใช้ไม่รู้ตัวอยู่เรื่อยๆเลย
กันน้ำได้ทุกส่วน ... S-Pen ก็ใช้ในน้ำได้ !
เหมือนจะกลายเป็นมาตรฐานของมือถือ High End ในยุคนี้แล้วที่จะต้องกันน้ำได้! แน่นอนว่า Note 7 ก็กันน้ำได้ตาม S7 และ S7 Edge ไปเรียบร้อยด้วยมาตรฐานการกันน้ำ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตรเป็นระยะเวลา 30 นาที
ถามว่ามันสำคัญมั้ยกับการกันน้ำเนี่ย? จากประสบการณ์การใช้มือถือ S7 Edge อยู่ตอนนี้ ก็ขอบอกว่ามัน "สบายใจ" ขึ้นเยอะมาก กับการที่บางทีต้องเดินตากฝนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลัวมือถือพังอีกต่อไป หรือบางทีไปเที่ยวน้ำตก ก็ไม่ต้องหวาดระแวงว่ามือถือจะตกน้ำมั้ยอีกต่อไป ถ้าได้ลองใช้จะรู้ถึงความสบายใจนี้ครับ =)
โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีสกิลทำมือถือตกน้ำบ่อยๆ มันทำมาเพื่อคุณแล้ว ... 555
และคำถามยอดฮิตที่บางคนถามมาเพื่อจะกวนเล่นๆอย่าง "แล้ว S-Pen หละ ใช้ในน้ำได้มั้ย?"
ขอตอบกลับไปอย่างหน้าใสซื่อ ... "S-Pen ใช้ในน้ำได้ค้าบบบบบบบบบบ" อันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้ในงาน ขอตบวีดีโอซีมาแปะละกัน พิสูจน์กันด้วยตาตัวเองไปเลยกับเกมแงะหอยใต้น้ำาาาา
ก็อาจจะมีคำถามต่อว่า ใครจะบ้าไปใช้ S-Pen ใต้น้ำกัน ... จริงๆก็ยังนึกการใช้งานจริงใต้น้ำไม่ออกเหมือนกัน แต่สิ่งนึงที่สบายใจได้แน่นอนและไม่ต้องลองเองแล้วคือ S-Pen ตกน้ำไปก็ไม่พัง เพราะขนาดใช้งานใต้น้ำยังใช้ได้เลย นั่นแหละประเด็น
สำหรับกลุ่มนางเงือกที่สนใจซื้อ ยังไงอาจจะต้องดูก่อนว่าตัวเองเป็นนางเงือกน้ำจืดหรือนางเงือกน้ำเค็ม เพราะถ้าเป็นน้ำเค็มมันจะไม่กันนาจา คือกันน้ำเข้าได้แหละ แต่พอแห้งเกลือขึ้นเท่านั้นแหละะะะ พังจ้าาา ระวังให้ดีๆ ใช้ให้ถูก จำไว้นะ นางเงือกน้ำเค็มห้ามใช้ๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะกันน้ำได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้เอาไปใช้ในน้ำนะ เอาไว้อุ่นใจว่าตกน้ำไม่พังก็พอ =)
รูสแกนม่านตา (Iris Scanner) ทะลุได้แม้กระทั่งแว่นดำ!
สิ่งที่ถือเป็น Wow Factor สุดๆของ Note 7 เพราะถือเป็นมือถือรุ่นแรกๆในตลาดที่มี Iris Scanner (ก่อนหน้านี้มี Lumia 950 แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมนัก)
ตอนแรกสารภาพว่าดูถูกในใจไปเรียบร้อยว่าคงเป็นฟังก์ชันที่ใช้งานจริงไม่ได้ น่าจะกระจอกมากแน่ๆ แต่ปรากฎว่าผิดคาดค้าบบบ มันกลายเป็นของที่เจ๋งมากเป็นอันดับต้นๆของ Note 7 เลย แบบประทับใจมากจริงอะไรจริง นี่จะเอามาให้ดูว่าเจ๋งยังไง
เริ่มแรกเอาวิธีการเซตมาให้ดู ทำเหมือนกับกำหนด PIN หรือ Pattern สำหรับ Unlock จอเลย คือเข้าไปที่ Settings -> Lock Screen and Security จะมีเมนู Iris ให้กด แล้วก็เริ่มสแกนครั้งแรกเพื่อจำรูปแบบของม่านตาได้เลย ใช้เวลาไม่นาน (ในวีดีโอนี้คือนานนะเพราะเกร็งตอนถ่ายวีดีโอ ตอนชิวๆบางทีแค่ 2 วิเสร็จ)
แล้วพอจำรูปแบบเสร็จแล้วก็สามารถตั้งใช้สำหรับปลดล็อคจอได้ทันที และนี่คือความเร็วครับ ...
ที่เห็นในวีดีโอด้านบนคือไม่ได้เร็วที่สุดที่ทำได้นะ แค่อยากให้เห็นว่าตอน Unlock จอจะมีช่องให้ส่องตาเพื่อสแกนม่านตา แต่ถ้าทำคล่องๆแล้วมันจะเร็วขนาดนี้เลย ...
ก็คือยังไม่ทันขึ้นหน้าจออ่ะ มัน Unlock เรียบร้อยแล้ว! คือว่าเร็วมากกกกกกกก เร็วจนร้องเหยดดดอยู่ตรงนั้น อันนี้ยอมเลยว่าทำได้ดีจริงๆ ใช้งานได้จริง เป็นฟีเจอร์ที่ประทับใจที่สุดแล้วในรุ่นนี้
โดยรวมแล้วออกแบบมาดีมาก เพราะเค้าวาง Sensor ไว้ตรงตำแหน่งที่ดวงตาคนจะอยู่พอดี (ด้านบนของจอ) ทำให้ไม่ต้องกะหรือเล็งแต่อย่างใดเลย มันจะพอดีเองทุกครั้ง
และเผอิญในงานเราใส่แว่นดำ ทางพนักงานก็ยิงมาบอก "รู้มั้ยใส่แว่นดำก็สแกนได้"
ตอบไปแบบยิ้มๆ "Are you serious?" ก็กะว่าเค้าจะตอบว่าโนว กุล้อเล่นไรงี้ แต่เค้าดันยิ้มกลับแล้วตอบว่า "Yes, I do. Please try it yourself"
เฮ้ยยยย ไม่เชื่อออออ ไหนลองดิ๊!!
เหยดเหยดเหยดเหยดดดดดด ตัดสินใจซื้อเลย ณ นาทีนั้น ไม่คิดอะไรแล้ว 55555
ถามว่าทำไมถึงสแกนทะลุแว่นดำได้? อันนี้ลองไปอ่านเทคนิคเบื้องหลังในหัวข้อถัดไปดูแล้วจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งงงง
ส่วนคำถามที่ว่ามันสแกนทะลุเสื้อผ้าได้มั้ยนั้น ... ไว้ไปหาคำตอบกันเอาเองนะ บุย อิพวกจิตอกุศลลล
เบื้องหลังการทำงานของ Iris Scanner
ก็คงสงสัยกันว่าทำไมมันสแกนทะลุแว่นดำได้ แล้วมันจะอันตรายต่อดวงตามั้ยถ้าจะทะลุทะลวงขนาดนั้น บลาๆๆๆๆ อันนี้เป็นหลักการทำงานของเจ้า Iris Scanner ที่เปิดเผยโดยซัมซุงเองครับ
หลักๆคือตอนเราสแกน ช่องซ้ายสุดของส่วนบนหน้าจอจะยิงลำแสง Infrared (ซึ่งเรามองไม่เห็นแต่กล้องเห็น) ออกมา ซึ่งในมุมมองของกล้องแล้วก็เหมือนส่องไฟเข้าตาเรา กล้อง Iris Camera ก็เลยจะเห็นรายละเอียดม่านตาอย่างชัดเจน และนำไปโปรเซสหารูปแบบได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
ซึ่งภาพที่ Iris Camera จับภาพได้จะเป็นเหมือนกล้อง Night Vision
สรุปก็คือเหมือนส่องไฟเข้าตา ซึ่งไม่ได้เข้มข้นและยาวนานมากพอจะทำให้ดวงตาเรามีปัญหา อย่างไรก็ตาม บางคนอาจจะมีผลข้างเคียง ปวดหัวงี้ มึนงงงี้ คนกลุ่มนี้ก็อาจจะไม่ควรใช้งานครับ (แต่ส่วนตัวมีไมเกรนเป็นโรคประจำตัว แต่ตอนสแกนเป็นสิบๆครั้งก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ)
และคำเตือนเลย คำเตือน ห้ามใช้กับเด็กทารกเป็นอันขาด เพราะทารกดวงตายังไม่นิ่ง อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อดวงตาถาวรได้ ใช้กับผู้ใหญ่เท่านั้นนะครับ
Iris Scanner สแกนภาพถ่ายดวงตาได้มั้ย?
ก็มีคำถามด้านความปลอดภัยว่าถ้ามีคนเอาภาพถ่ายดวงตาเรามาปลดล็อคจอจะทำได้มั้ย?
คำตอบคือ ไม่ได้ครับ เพราะว่าถ้าเห็นตามเทคนิคด้านบนจะเห็นว่ามันใช้วิธียิง Infrared เข้าตาและเอาสิ่งที่สะท้อนกลับไปเป็นลายดวงตา
ซึ่งหากเป็นภาพถ่าย วิธีนี้จะไม่ทำให้เกิดลายม่านตาที่ถูกต้อง ส่งผลให้ปลดล็อคจอไม่ได้นั่นเอง
โดยรวมแล้วหากเทียบกับ Fingerprint Scanner "ณ ขณะนี้" Iris Scanner ยังถือว่าปลอดภัยกว่าเพราะยังไม่มีวิธีปลอมแปลงแบบชัดเจน อย่าง Fingerprint นี่มีวิธีเอาภาพถ่ายนิ้วมาสร้างเป็นลายนิ้วมือและพิมพ์ออกมาจาก 3D Printer และใช้ปลดล็อคได้ (วันก่อนที่ไปลงประชามติกันก็พลาดกันเยอะมาก)
แต่กับ Pattern ของม่านตานั้นซับซ้อนและยุ่งเหยิงกว่าจนยังไม่สามารถปลอมแปลงด้วยวิธีไหนได้
อย่างไรก็ตาม ซัมซุงออกมาบอกเองว่า Iris Scanner ไม่ใช่ระบบรักษาความปลอดภัยหลักของ Note 7 นะ อันนี้เป็นเหมือนการทดลองมากกว่า หลังจากนี้ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆครับ
Iris Scanner กับการใช้งานจริง
ถามว่าเราสามารถใช้ฟังก์ชันการสแกนม่านตากับอะไรได้บ้างใน Note 7?
คำตอบคือ คิดซะว่าปกติเราใช้ PIN หรือ Fingerprint ทำอะไร Iris Scanner ก็ทำแบบนั้นได้หมด อย่างที่เห็นด้านบนไปแล้วคือ การปลดล็อคหน้าจอ
และก็มีการยืนยันแล้วว่าจะมีการเปิดใช้ในการยืนยันตัวตนตอนทำธุรกรรมผ่าน Samsung Pay อีกด้วย ก็ปลอดภัยขึ้นไปอีกระดับ
และถ้าใช้ Browser ของซัมซุง มันจะมีฟังก์ชัน Login Social Account อัตโนมัติโดยใช้ม่านตา ซึ่งในรุ่นก่อนเราก็สามารถทำได้กับลายนิ้วมือเช่นกัน
อีกอันก็ Secured Folder หรือโฟลเดอร์ส่วนตัวลับเฉพาะ เราก็สามารถใช้ม่านตาเพื่อเข้าถึงได้เช่นกัน สำหรับฟีเจอร์นี้จะมาพูดถึงในหัวข้อหลังๆเพิ่มครับ ลองอ่านดูเรื่อยๆ
คร่าวๆก็ประมาณนี้ จริงๆทำอะไรได้อีกเยอะเลย และคิดว่าหลังจากนี้ Iris Scanner จะกลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานของ Smartphone โลกเลยหละ =)
ข้อจำกัดของ Iris Scanner
จริงๆเงื่อนไขของการใช้ฟังก์ชันสแกนม่านตาคือ "ต้องเห็นลายม่านตาชัดเจน" ดังนั้นถ้าใครผมปิดหน้าก็อาจจะสแกนไม่ติดได้ (ก็แหงหละ มันไม่เห็นหนิ)
ส่วนคอนแทคเลนส์ ซีได้ลองให้แล้วว่าถ้าเป็นคอนแทคเลนส์แบบมีลายจะสแกนติดบ้างไม่ติดบ้าง ส่วนใหญ่ไม่ติด แต่ถ้าเป็นคอนแทคเลนส์ใสจะไม่มีปัญหาอะไร
สุดท้าย เนื่องจากมันใช้ Infrared ในการทำงาน ทำให้ Iris Scanner มีจุดอ่อนอยู่ที่ไม่สามารถทำงานในที่แสงแดดจ้าๆได้ เท่าที่ลองก็ใช้กลางแจ้งได้นะถ้าแสงแดดไม่ได้ส่องมาตรงๆ ยังไงลองดูได้ๆ
ก่อนจะซื้อกันรอยหน้าจอ ให้คิดถึง Iris Scanner ด้วย
พูดเรื่อง Iris Scanner ซะเยอะเลย ก็มันชอบนี่นา 555 อันนี้หัวข้อสุดท้ายของเรื่องนี้ละๆ
เนื่องจากระบบสแกนม่านตาใช้การยิงแสงและรับภาพกลับ สิ่งสำคัญสิ่งนึงที่ผู้ใช้ Note 7 ทุกคนควรจะตระหนักคือ ถ้าจะซื้อกันรอยหน้าจอ ต้องทดสอบด้วยว่าใช้ Iris Scanner ได้มั้ย
ซัมซุงออกมาบอกว่าถ้าเป็น Official Protection Screen จะสามารถใช้งานได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นพวกของจีนอะไรงี้ก็ต้องลุ้นกันว่าจะใช้ได้มั้ย
แต่ส่วนตัวอ่านะ ... ใช้ S7 Edge แล้วไม่ติดกันรอยอ่ะ นี่ก็ยังไม่เป็นรอยใดๆ คือหน้าจอมันกันรอยด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ใช้แบบเปล่าๆนี่แหละสวยดี =)
Secure Folder โฟลเดอร์ลับเพื่อนห้ามยุ่ง เหมือนมีมือถืออีกเครื่องอยู่ใน Note 7
มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ทีนี้ก็มีข้อมูลลับมากมายอยู่ในมือถือเรา แอปต่างๆก็ Login ทิ้งไว้ ตอนโดนเพื่อนยืมมือถือไปทีก็เสียวทีว่าข้อมูลจะหลุดรั่วไปมั้ย หรือจะโดนแอบอ่านอีเมลมั้ย
ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ถ้าข้อมูลมันสำคัญขนาดนั้นก็ยัดมันใส่ในโฟลเดอร์ลับที่มีแค่เราเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงซะเลยกับฟีเจอร์นี้ Secure Folder
โดย Secure Folder ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็เหมือนกับการแยกมือถืออีกเครื่องนึงยัดเข้าไว้ในมือถือเราและแสดงผลมาเป็นโฟลเดอร์หน้าตาบ้านๆอันนึง เพียงแต่ความแตกต่างของโฟลเดอร์นี้คือ จะเปิดได้ต้องมีรหัสปลดล็อค ! ซึ่งพอเปิดแล้วก็จะมีโปรแกรมต่างๆอยู่ข้างในเหมือนปกติเลย
แต่แอปที่เห็นทั้งหมดใน Secure Folder เป็นคนละตัวกับแอปที่อยู่ข้างนอก เพราะทุกอย่างที่อยู่ในโฟลเดอร์จะถูกเก็บข้อมูลแยกกับแอปด้านนอกทั้งหมด
เอาง่ายๆ ถ้าเราเก็บภาพไว้ในเครื่อง เราก็จะไม่เห็นใน Secure Folder และตรงกันข้าม ถ้าเราเก็บภาพไว้ใน Secure Folder เราก็จะหามันไม่เจอใน Gallery ปกติของเครื่อง
หรือถ้าซับซ้อนขึ้น ... เราสามารถ Login LINE, Facebook หรือ Instagram ได้สองแอคเค้าท์ในเครื่องเดียวครับ เพราะมันเหมือนเรามีมือถือสองเครื่องอยู่ในเครื่องเดียว แอปแยกกันอย่างอิสระ
ซึ่งการใช้งานก็ค่อนข้างง่ายมากและตรงไปตรงมา การใส่แอปเพิ่มเข้าไปก็แค่กดปุ่ม (+)ADD และเลือกแอปที่ต้องการ ก็จะมีแอปโผล่เพิ่มมาใน Secure Folder ให้ใช้งานได้ทันที พอใช้งานเสร็จก็ล็อคโฟลเดอร์ซะ ไม่ต้องห่วงเรื่องข้อมูลรั่วไหลอีกต่อไป
อาจจะมีคนถาม เอ๊ะ ทำไมมันเหมือน KNOX เลย ... ก็เพราะมันคือ KNOX งายยยยยย
จริงๆเราสามารถใช้ฟีเจอร์เดียวกันนี้ในมือถือรุ่นก่อนหน้าได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็น Note 7 แต่มีน้อยคนมากที่รู้ เพราะ KNOX มันชื่อฟังดูเป็น Technical Term มากๆ และก็ทำอะไรได้หลายอย่างจัดๆ พอ Note 7 ออกทีมมาร์เก็ตติ้งก็เลยทำให้สื่อสารง่ายขึ้นด้วยการตัดเอามาฟังก์ชันนึงที่ใช้กันบ่อยๆอย่างการสร้างโฟลเดอร์ลับขึ้นมาเพื่อแยกข้อมูลและแอปออกเป็นอีกส่วน (ซึ่งใน KNOX เราเรียกกันว่าสร้าง Container) แล้วก็ตั้งชื่อมันว่า Secure Folder หูตาลุกวาวในความสามารถกันไป (ทั้งๆที่มีมานานแล้ว 555)
เห็นป่ะหละ การตั้งชื่อมันสำคัญแค่ไหน =)
และการที่มันเป็น KNOX จึงทำให้เราไว้วางใจได้ในความปลอดภัย เพราะ KNOX ถูกพัฒนามานานมากและมีการเก็บข้อมูลเข้ารหัสทั้งระดับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จนแฮคยากมาก หากเก็บของไว้ในนี้ก็สบายใจได้ครับ
แต่ถ้าเมียบังคับให้ปลดล็อคก็ตัวใครตัวมันสวัสดี ...
กล้องเทพ
กล้องเดียวกับ S7 ... จบ
พิสูจน์แล้วว่าเทพจริงจากการเอาไปถ่ายที่สิงคโปร์ ลองไปดูในบล็อกเก่าได้ ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S7 Edge กับการก้าวข้ามขีดจำกัด "กล้องมือถือ"
แค่นี้เลย สื่อสารง่ายมะ 5555
ปรับลดความละเอียดหน้าจอได้
นับวันเริ่มจะเหมือนคอมพ์ขึ้นเรื่อยๆ Note 7 มาพร้อมฟังก์ชันปรับลดความละเอียดหน้าจอลงเป็น Full HD (1080x1920 พิกเซล) หรือ HD (720x1280 พิกเซล) เพื่อลดพลังการประมวลผลและการใช้แรมลง ผลคือจะกินแบตลดลงและเปิดแอปได้เยอะขึ้นด้วย เราว่าเจ๋งดีนะฟังก์ชันนี้
USB Type-C
Note 7 เป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่เอา USB Type-C มาใช้
คุณสมบัติของ USB Type-C มีมากหลาย เช่น ส่งข้อมูลเร็วขึ้นมากและใส่ทางไหนก็ได้ด้วย รุ่นหลังจากนี้คงจะทยอยใช้ USB Type-C กันหมด
สำหรับในกล่องนี้จะให้สายชาร์จมาเป็น USB Type-C อย่างไรก็ตามอาจจะมีคำถามว่าถ้าเราจะใช้สายชาร์จเดิมหละจะทำยังไง? ซัมซุงใจป้ำจ้าาา แจกหัวแปลง microUSB to USB Type-C ฟรีทุกกล่อง! ไม่ต้องซื้อเพิ่มเหมือนบางแบรนด์นาจาาา (กัด)
ก็ไม่ต้องห่วง ใช้สายเก่าได้เลยไม่มีปัญหา =)
และการที่ Note 7 เปลี่ยนมาใช้ USB Type-C อุปกรณ์เสริมต่างๆที่ใช้ USB Type-C ก็ออกมาวางขายพร้อมกันเพียบ ยกตัวอย่างนึงคือ Gear VR มาดูกัน
Gear VR ใหม่ ใช้ได้กับ USB Type-C
Gear VR ตัวใหม่หน้าตาคล้ายเดิมที่เพิ่มเติมคือสามารถเปลี่ยนพอร์ตระหว่าง microUSB และ USB Type-C ได้ เพื่อให้ใช้ได้กับทั้งรุ่นใหม่อย่าง Note 7 และรุ่นเก่าอย่าง S7, S7 Edge, Note 7, S6, S6 Edge และ S6 Edge+
และไม่ใช่แค่นั้น ด้านล่างของแว่นยังมาพร้อมพอร์ต USB OTG ในแบบ Type-C เพื่อให้เราสามารถชาร์จแบตไปด้วยใช้งานไปด้วยหรือจะเสียบใช้งาน Thumb Drive ก็ได้
ส่วนที่เหลือก็ค่อนข้างเหมือนเดิมครับ =)
Samsung Backpack Battery
Accessory สุดเจ๋งอีกอันนึงที่ปล่อยมาเพื่อ Note 7 โดยเฉพาะคือ Power Bank แบบไร้สายในรูปของเคสปูด หน้าตาเป็นแบบนี้
เนื่องจากมันเป็นที่ชาร์จไร้สาย จึงกันน้ำและสามารถชาร์จในน้ำได้ด้วยนะะะะะ คือไม่รู้ Use Case หรอก แต่ก็สบายใจไง ถ้าตกน้ำไปไม่ระเบิดแน่นวล!
ลองสังเกตดูจากภาพด้านบน จะเห็นว่าตอนเสียบเคสเข้าไป ช่อง USB Type-C ยังว่างอยู่ ก็เป็นอีกประโยชน์นึง สามารถใช้ช่อง USB ได้อยู่ ไม่ต้องเลือกว่าจะเสียบอะไร =)
ตำแหน่งในตลาดของ Note 7 แบบอธิบายง่ายๆ
มือถือในตลาดมีเยอะเหลือเกิน แล้ว Note 7 ที่เพิ่งเปิดตัวนี้อยู่ใน Segment ไหนของตลาด?
มันก็เยอะจริงอ่ะนะ แต่ Note 7 เป็นอะไรที่วางตำแหน่งได้เข้าใจง่ายสุดๆละ ไม่ได้ทับกับอะไรเท่าไหร่เลยเนื่องจากมันมีจุดแข็งของมันเองอย่างปากกา S-Pen
เวลาเนยพูดกับคนอื่นเนยจะบอกว่า อยากให้มองมันเป็นมือถือกลุ่มเดียวกับ S7 และ S7 Edge แบบว่าถ้าชอบ S7 ก็ลองคิดดูว่า
1) อยากได้จอที่ใหญ่ขึ้นและแบตเยอะขึ้นมั้ย? ถ้าไม่อยากได้ S7 ก็พอ แต่ถ้าอยากได้ให้ไปดูข้อต่อไป
2) ถ้าอยากได้รุ่นที่เหนือกว่า S7 ให้คิดต่ออีกว่าอยากได้ปากกามั้ย? ถ้าอยากได้ Note 7 เลยจ้าาา ไม่ต้องคิดมาก
3) แต่ถ้าไม่ได้อยากได้ปากกาให้คิดว่าอยากได้ลุคที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่า S7 Edge มั้ย? ถ้าอยากได้ก็ Note 7 ครับ จะตอบโจทย์มากกว่า ผู้บริหารชอบใช้กันมากรุ่นนี้เพราะมันดู Luxury
4) ถ้าไม่ได้ต้องการข้อ 2-3 ให้ซื้อ S7 Edge ครับ
5) พอตัดสินใจได้แล้วอย่าลืมดูเงินในกระเป๋าแล้วไปคิดดูอีกทีด้วย 555
ไล่ Value ของรุ่นก็ประมาณนี้ครับ S7 Edge เป็นรุ่นที่อัปเกรดจาก S7 และ Note 7 เป็นรุ่นที่อัปเกรดจาก S7 Edge อีกที
ก็น่าจะเข้าใจง่ายขึ้นและตัดสินใจง่ายขึ้นใช่ม้า โชคดีที่ S7 และ S7 Edge ออกนานแล้วก็เลยเข้าใจอะไรง่ายขึ้น =)
ราคาเปิดตัวในไทย
เนื่องจากสเปคฟู่ฟ่ามากก็เลยเปิดตัวที่ราคาสูงหน่อย 28,900 บาท แต่ถ้าดูจากสเปคแล้วถือว่าเป็นราคาที่คุ้มมาก ตั้งต่ำกว่านี้ก็คงไม่ได้ (FYI ราคา iPhone 6S Plus รุ่น 64GB ราคา 34,500 บาท) จากใจคนที่เคยคิดจะซื้อไอโฟน เราว่ารุ่นนี้ถือว่าถูกเลยหละ
ตอนแรกก็กังวลเรื่องราคานะ กลับไทยมาเลยเริ่มสัมภาษณ์สาวๆที่ใช้ไอโฟนกันว่ารู้สึกยังไงกับราคานี้ ... ไว้ไปดูคำตอบข้างล่างกัน
มี 4 สีให้เลือก
Note 7 มีสีเพิ่มมาอีกหนึ่งสีคือสี Coral Blue (สีฟ้านั่นแหละ) จากเดิมมีแค่สีทอง สีเงินและสีดำ
ส่วนตัวจับสีฟ้าแล้วแทบจะขโมยออกมาจากงาน ชอบมากกกกก 555
มีคนกระซิบมาว่าใช้เวลาในการวิจัยเป็นปีเลยนะกว่าจะปรับปรุงส่วนผสมของ Pigment จนได้สีนี้ออกมา
น่าเสียดายที่สีฟ้ายังไม่เข้าไทยในช่วงแรก แต่อีกสักพักเข้าแน่นอนจ้าาา เห็นว่าหลายคนชอบเหมือนกันช่ะ
แต่เมื่อวานตั้งโพลเหมือนคนจะชอบสีดำกับสีฟ้าพอๆกันเลยแฮะ ยังไงใครชอบสีดำ ทองและเงินก็สั่งจองก่อนได้เลยยยย แล้วแต่คนชอบๆ =D
สั่งจองในไทย
1 นาทีหลังงานเปิดตัว ทุกค่ายโอเปอเรเตอร์มือถือทั้ง AIS, DTAC และ Truemove H ต่างก็ส่งโปรโมท Pre-Order ไปยังลูกค้าทันที ไวสุดๆ นอกจากนั้น Samsung e-Store เองก็ขายเองด้วย แต่ละเจ้ามีโปรน่ารักๆให้ไขว่คว้าเพียบ
นี่คือตั้งใจจะรอกระแส Pokemon GO ซาก่อนแล้วค่อยปล่อยบล็อก ปรากฎว่า Out of Stock ไปสองค่ายละจ้าาาา 5555 (T_T)
มาดูกันหน่อยพอเป็นพิธีละกันๆ น่าจะดูจากเว็บอื่นกันหมดละมั้งพวกนี้
AIS
มีโปร AIS HOT DEAL ลดราคาค่าเครื่อง 3,000 บาท แต่หมดโควต้าไปเรียบร้อย (ไวมาก)
และก็มีราคาติด Contract ลดราคาค่าเครื่องไป 2,000 บาท อันนี้น่าจะเป็นโปรยาว มีไม่จำกัด สามารถสั่งได้เรื่อยๆครับ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บ AIS
DTAC
เป็นราคาติด Contract ลดค่าเครื่องสูงสุด 3,000 บาท ยังไงไปดูแพคเกจเพิ่มเติมที่เว็บ DTAC ได้ครับ
Truemove
เครื่องเปล่าราคา 27,900 บาท แต่ถ้าเปิดเบอร์ใหม่สามารถซื้อได้ในราคา 25,900 บาท ดูเพิ่มเติมที่เว็บ Truemove H ครับ
Samsung e-Store
ลดราคาพิเศษ 1,000 บาทพร้อมแถมแล้วแถมเล่าเฝ้าแต่แถม Battery Pack งี้ Wireless Charger งี้ ประกันจอแตกสำหรับลูกค้าเก่างี้ อย่างไรก็ตาม เสียใจด้วย ... Out of Stock ละจ้าาาา ยังไงไปกดดูให้ช้ำใจได้ที่ Samsung e-Store (ปล. เราจองทัน วะฮะฮะฮ่าาาา)
ส่วนตัวหรอ ... สั่งจองไปเรียบร้อยแล้วจ่ะ ไม่ได้ซื้อมือถือใหม่มาราวๆ 4-5 ปี ถึงคราวละะะะ ได้ลองเล่นของจริงแล้วยอมใจเลย ซื้อ!
ใช้ Note 4 กับ 5 อยู่ ควรเปลี่ยนเป็น Note 7 มั้ย?
จริงๆก็แล้วแต่ศรัทธานานาจิตตังอ่านะ แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่า Note 7 กล้องดีกว่า Note 5 มากๆ (ทั้งๆที่ Note 5 ก็กล้องดีอยู่แล้วนะ) หากชอบถ่ายรูปเราว่าขาย Note 5 แล้วเปลี่ยนเป็น Note 7 ก็น่าจะตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้เยอะเลย
ส่วนใครใช้ Note 4 อันนี้ ... เงินถึงก็เปลี่ยนเถอะ ต่างกันเยอะมาก 555
ทำไมถึงข้าม Note 6 ไป?
จริงๆยังไม่มีเหตุผลอย่างเป็นทางการที่ทางซัมซุงออกมาบอก แต่ได้ยินมาแว่วๆว่าสาเหตุหลักๆเกิดจากการที่เทคโนโลยีมันก้าวกระโดดมาก ก็เลยขอข้ามไปรุ่นนึงละกัน
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวคิด(เอาเอง)ว่าเหตุผลนึงคืออยากจะ Sync รุ่นมือถือให้ตรงกับตระกูล S ไม่งั้นมันจะสื่อสารทางมาร์เก็ตติ้งยากมาก ซึ่งก็ดีเพราะพอตรงกันแล้วมันเข้าใจง่ายขึ้นมากๆแบบที่เราอธิบายตำแหน่งของ Note 7 ไปในด้านบน
ไม่ว่าจะเหตุผลไหน จากนี้ชีวิตพวกเราจะจำชื่อรุ่นกันได้สบายขึ้นว่าตัวไหนใหม่กว่าตัวไหนเก่ากว่า ... 555
มือถือที่เปลี่ยนใจคนใช้ไอโฟนได้
เราก็เป็น Power User อ่ะนะ มีความ Geek หน่อย (หรือไม่หน่อย?) เลยใช้เป็นมาตรฐานวัดความคิดผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้
ตอนกลับไทยเราก็เลยเดินถามผู้หญิงที่ใช้ไอโฟนอยู่ (ถามผู้หญิงเพราะผู้หญิงซื้อของจากความพอใจ) ถามไปสองคำถามง่ายๆทั้งหมด 5 คน
Q: แพงมั้ย?
A: 4 คนบอกว่าไม่แพง ไอโฟนแพงกว่าตั้งเยอะ ส่วนอีก 1 คนบอกว่าก็โอเค ไม่ได้แพงและไม่ได้ถูก
Q: อยากได้มั้ย
A: 4 คนบอกอยากได้ 1 คนบอกว่าเฉยๆ
ถึง Sample จะไม่เยอะ แต่ถือว่าได้ข้อมูลที่น่าสนใจเลย
แล้วคุณหละ? คิดยังไงกับ Note 7 เม้นต์บอกได้น้าาา จุ๊บบบ =)
ก็เขียนซะยาวเลย นี่เขียนนานมากนะเนี่ย 555 ก็หวังว่าข้อมูลจะมีประโยชน์ต่อท่านๆครับ ยังไงก็ขอขอบพระคุณซัมซุงอีกทีครับที่ส่งไปที่นิวยอร์ค เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ^_^