"จงเรียนรู้เพื่อเติบใหญ่ จงตัดสินใจเพื่อเติบโต"
การย่อยความสำเร็จเป็น "ขั้นบันได" ทางเดินสู่ความสำเร็จใหญ่ในชีวิต
20 Mar 2016 04:43   [179833 views]

วันก่อนมีโอกาสได้ไปพูดที่คณะไอทีลาดกระบัง ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีของเริ่มกลับมาบรรยายตามสถาบันต่างๆ

แต่ตอนนี้อายุก็ใกล้จะ 32 ละ ผ่านสิ่งต่างๆในชีวิตมาเยอะแยะมากมาย สิ่งที่อยากจะส่งต่อน้องๆก็ไม่ใช่เรื่อง Hard Skill พวกว่าต้องเขียนโปรแกรมยังไง ต้องทำโน่นทำนี่ยังไงอีกต่อไป แต่จะเริ่มพูดเรื่องของ "Mindset ของการใช้ชีวิต" ก็คือปรับทัศนคติว่าชีวิตจากนี้ต้อง "พัฒนาตัวเอง" ยังไง เพราะถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ ทุกคนจะเก่งขึ้นได้ด้วยตัวเอง ต่อให้นั่งอยู่ในห้องคนเดียวก็เก่งขึ้นได้ และเราก็เชื่อว่าเรื่องพวกนี้ควรจะรู้ตั้งแต่อายุ 20 ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

เรื่องนึงที่เอาไปพูดคือเรื่องของ "ความสำเร็จ" ที่ทุกคนต้องการไปให้ถึงให้ได้ แต่จะไปถึงยังไง? ความสำเร็จหน้าตาเป็นยังไง? วันนี้เลยยกเนื้อหาส่วนนั้นมาเขียนเป็นบล็อกครับ

ซึ่งของใส่หมายเหตุไว้ว่าแนวคิดตรงนี้ไม่ได้เอามาจากไหน ไม่ได้ Reference หรือแปลใครมา เป็นสิ่งที่เรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเองล้วนๆครับ ดังนั้นจะผิดจะถูกโปรดใช้วิจารณญาณและปรับเอาไปใช้กันดู =)

ความสำเร็จในชีวิตมันเป็นขั้นบันไดและมีได้ไม่จำกัด

คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะเด็กๆมักจะมองเห็นความสำเร็จของคนโน้นคนนี้เป็นคนๆหนึ่งแล้วประสบความสำเร็จเลย

แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ชีวิตจริงคนแต่ละคนต้องผ่านอะไรมามากมาย กว่าจะถึงจุดที่ทุกคนมองเห็นได้ก็อาจจะใช้เวลาและเจ็บปวดมานับครั้งไม่ถ้วน

ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองไปกดดู Infographic ของ Anna Vital บนเว็บ Funders and Founders มาก ลองจิ้มดูว่าพวก Elon Musk, Bill Gates, Mark Zuckerberg, Steve Jobs ฯลฯ มีชีวิตยังไงก่อนจะมาถึงวันนี้ แล้วจะเห็นว่าทุกคนผ่านอะไรมามากมายทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว

ความสำเร็จที่ว่าก็ไม่ใช่ว่าต้องใหญ่โตอะไร แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่มีอยู่ ณ ตอนนั้นๆเช่น Elon Musk เคยเขียนวีดีโอเกมขายตอนอายุ 12 ขวบ ได้เงิน $500 มันยิ่งใหญ่มั้ย? ก็ถ้าเทียบกับชีวิตเศรษฐีพันล้านมันเล็กน้อยมาก แต่ถ้าเทียบกับสถานะตอนนั้น เด็กอายุ 12 ขวบทำเกมขายได้ $500 มันยิ่งใหญ่มั้ยหละ? ถือว่าสุดยอดมากเลยนะเอาจริงๆ

และนั่นก็ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งในหลายๆความสำเร็จที่เค้ามีในชีวิต

นั่นแหละครับ "ความสำเร็จ" มันไม่ได้มีแค่หนึ่งครั้ง แต่มีได้นับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งที่สำเร็จเราก็จะเติบโตขึ้น ไขว่คว้าหาความสำเร็จที่สูงขึ้น เป็นดั่งขั้นบันได (The Stairway of Success)

หากคุณต้องการไขว่คว้าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ควรจะรู้จักแบ่งความสำเร็จออกมาเป็นชิ้นย่อยๆและค่อยๆเก็บไปทีละขั้น ปีนขึ้นไปทีละขั้น

คำถามคือเราจะ Break Down ความสำเร็จออกมาเป็นขั้นๆยังไง?

วิธีของเนยคือ อย่างแรกให้มองความสำเร็จระยะยาวของตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร ต้องการเป็นอะไร แต่ยังไม่ต้องลงรายละเอียดมาก แค่คร่าวๆพอ เช่น "จะมีเงินให้ได้ 100 ล้านภายในอายุ 40 ปี" อะไรแบบนี้ (ยกตัวอย่างเฉยๆนะ ไม่ใช่เป้าหมายเราหรอก)

ซึ่งเป้าหมายพวกนี้มักจะใหญ่มากจนรู้สึกเหมือนฝัน ทำไม่ได้หรอก หลายๆคนก็ล้มเลิกไป แต่เอาจริงๆถ้าเรารู้จักวางแผนชีวิต มันเป็นไปได้ และวิธีที่เราทำคือแบ่งความสำเร็จออกมาเป็นชิ้นย่อยๆเพื่อปีนสู่จุดที่ตั้งความหวังไว้นั่นเอง

และ ขั้นบันไดแต่ละขั้นนั้นจะถูกสร้างขึ้นมาโดยอิงกับสถานะปัจจุบันของเราเป็นหลัก เช่น สมมติว่าอยากจะมีเงิน 100 ล้านภายในอายุ 40 แต่ตอนนี้เรามีหนี้อยู่ 5 ล้าน จะทำยังไง?

ความสำเร็จแรกที่ควรจะตั้งไว้คือ "ต้องเคลียร์หนี้ให้หมด" และหากความสำเร็จนั้นใหญ่ไป (ตั้ง 5 ล้านแหนะ) ก็อาจจะแบ่งความสำเร็จเป็นงานย่อยๆก่อนก็ได้ เช่น ความสำเร็จแรก ต้องเป็นที่รู้จักอะไรอย่างงี้เป็นต้น เอาที่เป็นไปได้และไม่เกินตัว

จากนั้นก็ไม่ต้องอะไร ลุยเลยจ้าาาา ซึ่งการลุยตรงนี้ก็ควรจะวางแผนให้อิงกับสถานะปัจจุบันของตัวเองด้วยเช่นกัน หากยังเป็นเด็กน้อยไม่มีใครรู้จักก็อาจจะต้องปีนบันไดขั้นนั้นด้วยการยอมทำสิ่งที่ไม่ได้รักเพื่อให้ได้เงิน (เพราะนั่นคือความสำเร็จของบันไดขั้นนั้น) พอถึงจุดที่เริ่มเลือกได้ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนวิธีไปตามสถานการณ์

ฟังๆดูมันคือ Divide & Conquer นั่นแหละ เป็นเทคนิคนั้นครับ แบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อยๆแล้วค่อยๆแก้ไปทีละส่วน =)

ลุยๆๆๆๆลุยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเก็บความสำเร็จนั้นได้แล้ว ก็ใช้เวลาชื่นชมมันสักนิดสักหน่อยจากนั้น ... จงวางความสำเร็จนั้นทิ้งไป กระบวนการนี้สำคัญมาก อย่ายึดถือยึดติดกับความสำเร็จที่ผ่านไปแล้วเป็นอันขาด มันผ่านไปแล้วมันจบไปแล้ว ตราบใดที่เป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ยังไม่สำเร็จ คุณยังต้องปีนต่อไป

หากคุณยึดติดกับมัน คุณจะไปไหนต่อไม่ได้อีกแล้ว ระวังไว้ ...

วางมันไว้และวนซ้ำเลยครับ เริ่มตั้งความสำเร็จขั้นต่อไปใหม่อิงตามสถานการณ์ตอนนั้นๆ(ซึ่งอาจจะเปลี่ยนไปเรียบร้อยจากความสำเร็จขั้นก่อนหน้า)แล้วก็ลุยๆๆๆ สำเร็จอีกก็ตั้งเป้าหมายใหม่อีก แล้วก็วนซ้ำไปเรื่อยๆ

สุดท้ายคุณจะอยู่ในจุดที่คุณตกใจว่าเราอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ... จงวางแผนชีวิตไว้และทำมันให้ได้ครับ สำคัญต่อการใช้ชีวิตจริงๆ เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ความสำเร็จเล็กๆ แล้วมันจะงอกเงยขึ้นไปเรื่อยๆเอง

ความสำเร็จเป็นของใครของมัน ลอกกันไม่ได้

ฟังๆดูก็เหมือนการตั้งเป้าหมายและทำมันให้ได้ธรรมดา แต่อีกหนึ่งใจความสำคัญของ "บันไดแห่งความสำเร็จ" อันนี้อยู่ตรงนี้

เคยเห็นคำพูดที่ว่า "Bill Gates ดร็อปจากฮาร์วาร์ดแล้วกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน ไม่ต้องเรียนก็รวยได้" ป่ะ?

แล้วลองดู คนที่ดร็อปมีกี่คนที่ได้เป็นเศรษฐีพันล้าน บางคนปัจจัยสี่ยังลำบากเลยนะ ...

ความสำเร็จมันลอกกันไม่ได้ครับ บันไดที่เขียนให้เห็นในส่วนที่แล้วมันเป็น "ของใครของมัน"

เพราะปัจจัยของการสร้างบันไดตัวนี้คือ "สถานการณ์ปัจจุบันของคนนั้นๆ" ซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกันเลย พันล้านคนก็ต่างกันพันล้านแบบ

คนที่เกิดมารวยเป็นร้อยล้านอยู่แล้วกับคนที่เกิดมาจนอาหารยังแทบไม่มีกิน สองคนนี้มีบันไดคนละแบบกัน และหากคิดจะลอกกันเมื่อไหร่ พังเมื่อนั้นครับ ...

อย่างในกรณีบิลเกตส์ เค้าเกิดมาในบ้านฐานะร่ำรวย(อินพุตที่หนึ่ง) ชอบด้านคอมพิวเตอร์(อินพุตที่สอง) และอยู่ในช่วงที่คอมพ์กำลังเติบโตพอดี(อินพุตที่สาม) เค้าเลยสามารถสร้าง Microsoft ขึ้นมาได้

ต่างคนต่างปัจจัย บันไดใครบันไดมัน และไม่มีใครสร้างบันไดตัวนี้ให้คุณได้ คุณต้องสร้างเองครับ เพราะมีตัวคุณเองเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ชอบอะไรและสถานการณ์ตอนนั้นๆเป็นยังไง

โลกใบนี้ไม่ได้เท่าเทียม อย่าเทียบความสำเร็จกับของคนอื่น

สิ่งหนึ่งที่ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้คือ "โลกนี้ไม่มีความเท่าเทียมหรอก" โลกทุนนิยมนี้คนรวยคนจนมีค่าต่างกันจริงๆ มีสิทธิ์จะได้รับโอกาสดีๆต่างกันจริงๆ

ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ความสำเร็จหากวัดเป็นเงินทอง แต่ละคนอาจจะต่างกันไปแบบเทียบไม่ได้ บางคนอาจจะหาเงินได้ปีละพันล้าน บางคนหาได้ปีละแสน แต่เราบอกไม่ได้หรอกนะว่าสองคนนี้ใครสำเร็จมากกว่ากัน เพราะเงินมันเป็นแค่มายาคติที่คนสร้างขึ้นมา ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่สามารถวัดได้เช่น ความสนุก การให้ ฯลฯ

ความสำเร็จของแต่ละคนจึงมีขนาดไม่เท่ากันครับ อย่าไปเทียบกับคนอื่น แต่จงเทียบกับเป้าหมายของตัวเองเป็นหลัก จงสู้กับสถานการณ์ของตัวเองแล้วค่อยๆไต่ขึ้นไปจนถึงจุดที่ชีวิตเราต้องการให้ได้ครับ และนั่นไม่ได้แปลว่าต้องร่ำรวยนะ ความสำเร็จไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป

คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราสามารถพลิกชีวิตได้ทุกคนครับ อาจจะใช้เวลาและปลายทางอาจจะไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่ได้เสมอนะ =)

อย่าเชื่อทุกคำแนะนำจากคนอื่น

สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสิ่งที่อันตรายมากคือ "คำแนะนำจากคนอื่น" ซึ่งจริงๆมันดีนะแต่เราต้องรู้จักบริหารและใช้งานอย่างถูกต้อง

เนื่องจากว่าแต่ละคนมีปัจจัยและข้อจำกัดในชีวิตที่ต่างกันไปหมด บันไดของแต่ละคนไม่เหมือนกันและลอกกันไม่ได้ หากคุณเชื่อคำแนะนำของทุกคนที่พูดมา ชีวิตคุณเตรียมตัวมลายได้เลย

เพราะคำแนะนำส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการมองในมุมของเค้า จากข้อจำกัดของตัวเค้า โดยไม่ดูเลยว่ามันเหมาะกับสภาพการณ์ของเรามั้ย

แต่ถ้าพูดกันแบบแฟร์ๆ นั่นก็ถูกแล้ว เค้าก็ต้องพูดมุมของเค้าดิ แต่หน้าที่ของเราคือ

จงฟังแต่อย่าเอาแต่เชื่อ

ฟังให้ดี จับจุดให้ได้ แล้วเอามาเทียบกับสภาพการณ์ของตัวเองว่ามันเหมาะกับเรามั้ย? เรารับความเสี่ยงได้มั้ย? มันจะช่วยให้เราประสบความสำเร็จและปีนสู่ขั้นต่อไปได้มั้ย? จากนั้นจงตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้น ห้ามเอาแต่ทำตามคำแนะนำคนอื่นเป็นอันขาด เพราะหากมีผลที่ตามมา คนที่แนะนำเค้าไม่ได้มาเจ็บกับคุณด้วยหรอกนะ ...

ยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ... การเล่นหุ้น ... มีคนแนะนำว่า "ซื้อตัวนี้เลย มีรถขายรถ มีบ้านขายบ้าน" แล้วเราก็ทำตาม ... หากปรากฏว่าหุ้นมันเกิดผันผวนแล้วตกฮวบไป 50% เราอาจจะเครียดระดับไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่คนแนะนำเค้าอาจจะมีธุรกิจอื่นเลยไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ดังนั้นคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องเล็กของคนนึงอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากของคนนึง แล้วแต่ชีวิตของแต่ละคนเลย ตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้นนะครับ จำไว้

จงพยายามเสาะหาแรงบันดาลใจ

อย่างหนึ่งที่ทุกคนจะต้องเจอระหว่างทางเดินสู่ความสำเร็จแต่ละขั้นนั้นคือ "อุปสรรค"

มันเหนื่อยและเครียดแน่นอน ซึ่งชัวร์ว่าต้องมีจังหวะที่ท้อและไม่อยากเดินต่ออยู่เรื่อยๆ

จงออกไปหาแรงบันดาลใจอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้เกิดมีแรงกลับมาและเดินต่อได้ ฟังสิ่งดีๆและเอามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง

บันไดนี้มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่เดินขึ้นไปได้ ดังนั้นอย่าลืมเติมเชื้อไฟให้หัวใจอยู่เรื่อยๆละกันครับ ^_^


ก็ขอจบบล็อกแต่เพียงเท่านี้ ... หากท่านยังไม่มีบันได เริ่มวางได้เลยตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้ครับ สำคัญนะ ชีวิตคนเรามีเวลาจำกัดเน้อ =)

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jun 9, 2019, 10:30
79097 views
คู่มือการย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา ตอนที่ 1: เรื่องของ "วีซ่า"
Sep 26, 2015, 20:58
69931 views
บันทึกการหลุดพ้นจากบ่วงกรรมการอ่อน "ภาษาอังกฤษ" ใน 2 ปี
0 Comment(s)
Loading