บล็อกตอนสุดท้ายละ มาถึงเรื่องของจุดประสงค์หลักที่ไปซานฟรานฯครั้งนี้สักที 555
จริงๆกูเกิลส่งไปงาน GDE Summit จ้าาาาา แล้วก็เผอิญช่วงนั้นมีงาน Android Dev Summit จัดต่อกันด้วยพอดี ก็เลยไปงานนั้นต่อเลย
ในงานทั้งสองไม่ค่อยมีอะไรมาก ก็พามาดูบรรยากาศกันแบบขำๆละกันนะ =)
งาน GDE Summit
งาน GDE Summit เป็นงานประจำปีที่รวมเหล่า GDE จากทั่วโลกมาเจอกัน โชคดีที่ปีนี้จัดที่ Mountain View พอดี ก็เลยได้แวะไปโน่นไปนี่ตามบล็อกก่อนหน้านี้
ซึ่งกูเกิลก็น่าร้ากกกกก จัดที่พักบรรยากาศดีๆและอาหารให้พร้อมทั้งสองวัน
ขอขอบพระคุณกูเกิลมา ณ ที่นี้ครับ ^_^
แต่อย่างที่บอก งานนี้เป็นงานรวม GDE ซึ่งถูกคัดเลือกมาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆอยู่แล้ว เนื้อหาภายในงานก็เลยไม่ค่อยมีอะไรที่สร้างความตื่นเต้นเท่าไหร่นัก (เนื่องจากรู้กันหมดแล้ว)
แล้วจะไปทำไม? สิ่งดีๆที่ได้จากการไปร่วมงานคือ "การได้เจอกัน" เพราะถ้าพูดถึงเนื้อหา ทำ Online กันก็ได้ป่ะ? งานนี้เลยพูดคุยกันสนุกเลย รู้สึกได้รับพลังจากคนเก่งๆทั่วโลกซึ่งมีค่ามากนะ
พูดเนื้อหายภายในงานไม่ได้เพราะเป็นความลับซะส่วนใหญ่ เอารูปมาฝากละกันนน
และนี่เป็นกลุ่ม GDE จาก SEAP ขอรับ ค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ =D
ภาพถ่ายรวมและ ... เบื้องหลัง
อย่างที่บอกว่าเนื้อหาไม่ค่อยมีอะไร และที่มีอะไรก็เปิดเผยไม่ได้ ดังนั้นเน้นแต่รูปละกันนะ แหะๆ แต่ก็น่าจะพอเห็นภาพว่าเราจะบินไปทำไม สุดท้ายเนื้อหาอ่ะไม่สำคัญหรอก สำคัญที่เราได้เจอกันต่างหาก โลกออนไลน์มันก็ดีอย่างนะที่ทำให้ทุกอย่างดูเข้าถึงง่ายไปหมด จนลืมความสำคัญของการพบเจอ =)
และอีกอย่างที่ได้จากงาน GDE Summit คือ การได้รับมุมมองจากคนที่ทำงานภายในกูเกิลระดับเทพหลายคนใน Session ที่เค้าให้มาแชร์เรื่องราวให้เหล่า GDE ฟัง
มา ไปต่อกัน
Lesson Learnt
ในงาน GDE Summit ก็มีคนจากในกูเกิลมาแชร์ข้อมูลอะไรให้ฟังเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ที่ชอบสุดก็คงเป็น Session ที่เอาทีมดีไซน์เนอร์ระดับเทพมานั่งเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังสอง Session รวด (แต่ถ่ายมาอันเดียว อีกอันลืม T_T)
เรื่องของเนื้อหาวิธีการดีไซน์เราเฉยๆแหละ เพราะเรื่องพวกนี้ก็ทำกันอยู่แล้ว แต่ที่ชอบคือตอนที่มีคนยิงคำถามไปว่า "ความผิดพลาดใหญ่ๆของดีไซน์เนอร์คืออะไร" (จริงๆไม่ได้ถามแบบนี้ตรงๆ แต่สุดท้ายมันสรุปเป็นคำถามได้แบบนี้)
คำตอบที่เค้าตอบกลับมาคือ
ปัญหาใหญ่มากๆคือไม่เข้าใจอะไรอย่างแท้จริง ใช้ตามคนอื่นเค้าอย่างเดียว Expert ที่แท้จริงหนะเค้าไม่มานั่งทำตามคนอื่นกันหรอก แต่เค้าต้องเข้าใจทุกอย่าง รู้ข้อดีข้อเสีย แล้วเอามาเรียบเรียงใหม่ให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ
และคนตอบแบบนี้มีถึงสองคนจากสอง Session คนนึงคือคนที่ทำงานด้านดีไซน์มาอย่างยาวนานและมีบารมีสูงระดับ Jony Ive เลยก็ว่าได้ (หน้าก็เหมือน) อีกคนคือทีมที่ออกแบบ Material Design เลย
ซึ่งคำตอบนี้ไม่ได้เฉพาะแค่กับดีไซน์เนอร์หรอก กับทุกสายงานเลย มัวแต่เชื่อคนโน้นคนนี้ว่าดี แต่ตัวเองกลับไม่รู้เลยว่าจริงๆมันดียังไงหรือไม่ดียังไง สุดท้ายมันก็เละสิ
ตรงนี้เราว่ามันสำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับ Developer Community เมืองไทยที่เจออยู่เรื่อยๆ พวกแบบว่า "พวกเมืองนอกเค้าทำแบบนี้ มันต้องดีสิ" แล้วก็ดราม่าคนที่ไม่ทำตาม ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นซะหน่อย สุดท้ายก็คือคิดเองไม่เป็น แล้วจะเก่งได้อย่างไร?
อย่างที่สองที่ได้เรียนรู้คือตอนได้พูดคุยกับ GDE หลายคน ประโยคที่ได้ยินมามากกว่า 1 ครั้งคือ
คนเราอ่ะ เมื่อรู้ถึงระดับหนึ่งแล้วจะรู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย
และมันก็เป็นจริงตามนั้น เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้จากการคุยกับพวก Expert จำนวนมากในงาน พวกเค้าเก่งมาก ผลงานเพียบ แต่กลับบอกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะกันทั้งนั้น มันไม่ใช่การถ่อมตัวด้วยนะ แต่พวกเขารู้ว่าตัวเองยังไม่รู้อีกเยอะจริงๆ
มันเป็นบรรยากาศที่รู้สึกดี ไม่มีการข่มกัน แต่ทุกคนต่างบอกว่าตัวเองยังไม่เก่ง และทุกคนก็พยายามผลักดันตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
นี่สินะ Expert =)
งาน Android Developer Summit
งาน GDE Summit จัดระหว่างวันที่ 19-20 ส่วนงาน Android Dev Summit จัดในวีคถัดไปคือวันที่ 23-24 แต่เราบินกลับ 24 ก็เลยไปได้แค่วันแรกวันเดียว
งานจัดที่ Computer History Musuem ซึ่งเป็นอาคารที่เอาไว้จัดอีเว้นต์อยู่เรื่อยๆ
ส่วนตัวรู้สึกว่างานมันน่าเบื่อแฮะ ทั้งงานมีเนื้อหาน่าสนใจหลายอย่างแหละ แต่ว่าดูออนไลน์ก็ได้ประมาณนั้น ส่วน Community ในงานก็ไม่ค่อยเชื่อมต่อกัน ดูอารมณ์ต่างจากใน GDE Summit พอสมควร อาจจะเพราะว่าเหมือนมันเป็นงานทั่วไปหละมั้ง
แต่ถามว่าอะไรที่น่าสนใจสุดในงานนี้ ก็คงหนีไม่พ้นเจ้านี่แหละ Android Studio 2.0 และ Android Emulator 2.0
สายแอนดรอยด์ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่ามีอะไรใหม่บ้าง งั้นไม่พูดถึงละกันนะ ตอนนี้ก็รอแค่ Emulator 2.0 ออก แล้วอาจจะได้เลิกใช้ Genymotion กันเลยทีเดียว =)
เนื้อหา Geek ทั้งหลายไปดูจาก YouTube Playlist งาน Android Dev Summit 2015 ได้เลยครับ ^_^ Session ที่แนะนำให้ดูมีดังนี้
- "Mother, May I?" Asking for Permissions
- RecyclerView Animations and Behind the Scenes
ที่เหลือตามศรัทธาครับ ^_^
อ้อ อย่างนึงที่จับต้องได้และรู้สึกเลยว่าต่างจากงานในเมืองไทยคือ "คุณภาพของคำถาม"
คนที่ลุกขึ้นถามแต่ละคนตั้งคำถามได้อย่างยอดเยี่ยม มีการปูพื้น (Context) และถามอย่างกระชับ ไม่ถามอะไรที่ง่ายเกินไปหรือยากเกินไป เรียกว่า 100 ทั้ง 100 เลยนะที่เป็นคำถามที่มีคุณภาพ ลองฝึกกันครับคนไทย ทุกวันนี้ยังมีคำถามที่ไร้คุณภาพส่งมาถามทางเฟสบุ๊คอยู่เรื่อยๆอยู่เลย เรียกว่า 1 ใน 10 เองมั้งที่มีคุณภาพ
ยังไงลองอ่านบล็อกเก่าของเนยดูได้ครับ คำตอบที่ใช่เกิดจากคำถามที่ถูกต้อง "ศาสตร์ของการถาม" ถามอย่างไรให้ได้คำตอบ?
สุดท้ายตอนจบงานก็มีปาร์ตี้ขำๆชิวๆกันไป ซึ่ง ... คืนนั้นหนาวสาดดดดดดดด ยืนสั่นหงิกๆๆๆๆอยู่ข้างเตาผิง
ก็ถือเป็นงานที่ดีใจที่มีโอกาสได้ไปครับ แต่ไม่ได้เสี้ยนขนาดต้องไปอีกอะไรงี้ แต่อยากไปงาน Google I/O มากกกกก ...
ขอบคุณ
ก็ถือว่าจบทริปไปอย่างสมบูรณ์แบบ มีคนต้องขอบคุณเพียบ
รายแรกก็แน่นอน ขอบคุณกูเกิลที่ให้การสนับสนุนครับ เป็นทริปที่ประทับใจอันดับต้นๆของชีวิตเลย ^_^
รายที่สองคือเจ้าน้องแบรดสำหรับที่พักครับ ใครไปซานฟรานติดต่อได้นะๆ มี Airbnb ให้บริการจ๊ะะะ เป็นบ้านที่อยู่แล้วมีความสุขมาก มีครบทุกอย่างและอยู่ในโซนที่ปลอดภัย อยู่ใกล้กับ BART และ Caltrain ด้วย
แล้วก็ขอบคุณพี่เอคร้าบ บังเอิญจริงๆที่พักที่เดียวกันเลย ฮ่าๆ ได้คุยโน่นคุยนี่กันเพียบ ! =D
แล้วก็ขอบคุณน้องเอก GDE อีกคนนึงของไทยที่ไปร่วมทริปกัน นอกจากนั้นยังพาหลงและทำของหายอีกด้วย ดีจริมๆ ...
สุดท้ายขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกท่านที่ดูแลเราเป็นอย่างดีที่ซานฟรานฯครับ มีโอกาสจะแวะไปหาทุกคนอีกน้าาา =D
ซานฟรานฯยามค่ำคืน
ก็ถือว่าจบแล้วหละ ทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพยามค่ำคืนที่แอบไปถ่ายรูปมาตอนตีสอง ... หนาวสึสแต่มีความสุขๆ
ปีหน้าถ้ามีโอกาสเจอกันใหม่นะซานฟรานฯ !
สวัสดีครับ ^_^