"Yesterday is gone and Tomorrow may never come so.. Live for Today!!"
เมื่ออายุขึ้นเลข 3 กับชีวิตหนึ่งปีที่แสนยาวนานที่เพิ่งผ่านไป
20 Aug 2014 16:02   [5619 views]

ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยอายุ 30 เลย นี่นับเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมาก ...

เล่นทุกปีมุขนี้ แล้วก็จะเล่นต่อไป กรั่กๆ

1 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ประสบพบพานเรื่องราวเยอะแยะมากมายที่สุดในชีวิตปีหนึ่ง เป็น Turning Point ชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในรอบเป็นสิบปีที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่วงการ Startup อย่างเต็มตัว การออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง เผชิญปัญหาชีวิตครั้งใหญ่และกลับไปซึมเศร้า(ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นแล้ว) และทำให้ตอนนี้เหมือนเปลี่ยนไปคนละคน ภาพของการเป็น Blogger ชัดขึ้น เริ่มถ่ายรูปจริงจัง ทำอาหารจริงจัง จริงจังทุกอย่างยกเว้นเรื่องเขียนโปรแกรม ...

นับเป็นหนึ่งปีที่ผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็พ้นผ่านมาได้

เมื่อช่วงนี้ของปีที่แล้ว เรากำลังเตรียมตัวไป JFDI อยู่เลย นับเป็นครั้งแรกที่เข้าสู่วงการ Startup อย่างเป็นทางการ ได้เรียนรู้อะไรมากมายชนิดที่ทำให้มองโลกเปลี่ยนไปเลย นับเป็นประสบการณ์ล้ำค่ามากๆ

หลังจากกลับมา ก็เริ่มอิ่มตัวกับสิ่งที่ทำอยู่ทั้งหมด เลย Fade ตัวเองออกมาหมดทุกอย่าง (ทุกอย่างจริงๆ ไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียว ตั้งแต่โปรดักส์ยัน Web Community) เพื่อเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ (นี่สินะที่เรียกว่าทุบหม้อข้าว)

แล้วชีวิตก็เผชิญปัญหาตกต่ำทางจิตใจอันเกิดจากหลายๆปัจจัยรุมเข้ามา (เป็นความผิดของตัวเองไป 95%) ชีวิตหายไปราว 3 เดือน งานทุกอย่างที่รับไว้ก็เป็นอันต้องหยุดไปหมด (ทำเอารู้สึกผิดซ้ำซ้อนและไปกระตุ้นอาการซึมเศร้าเข้าไปอีก) สุดท้ายต้องไปหาหมอและกินยาจนได้ พร้อมยอมรับและปรับสภาพจิตใจ แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ต้องขอบคุณคนข้างกายที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง

ถือเป็นเรื่องดีในเรื่องร้าย ระหว่างจิตใจดำดิ่งอยู่นั้น สมองฝั่ง Art ก็ทำงาน เลยหันไปถ่ายรูป เขียน Blog ดีไซน์ ฯลฯ จนเปลี่ยน Blog เป็นหลายหมวดอย่างที่เห็นในทุกวันนี้เพื่อครอบคลุมเรื่องที่สนใจ

ล่าสุดมีคนเชิญไปเป็น Food Blogger, Fashion Blogger และ Lifestyle Blogger แล้ว รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะส่วนตัวก็ทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ภาพ Developer มันชัดเกินไป Mission การล้างภาพ Developer ทิ้งไปก็ถือว่าประสบความสำเร็จดี =)

ส่วนที่เคยทำอยู่แล้วอย่างเช่นการรีวิวมือถือ ก็ได้โอกาสดึงความ Art ที่เพิ่มมา ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปได้อย่างเต็มที่มากขึ้นและสนุกขึ้น

ทางด้าน Startup อาจจะไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นเท่าไหร่ แต่ก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือหลายต่อหลายทีม มีความสุข ^ ^

แล้วพอทุกอย่างดีขึ้น โลกที่มองก็เปลี่ยนไป เข้าใจปัญหา เข้าใจวิธีแก้ ก็เลยตัดสินใจเปิดบริษัทที่ตั้งใจไว้นานแล้วอย่าง The Cheese Factory Co.,Ltd.

Vision ที่วางไว้เป็นความฝันตั้งแต่สักอายุ 20 ได้ แต่เพิ่งได้เริ่มทำ Mission ช่วงแรกจะทำเป็น Tech Academy โฟกัสไปที่การยกระดับคุณภาพนักพัฒนาเมืองไทย ทุกวันนี้คนคิดเยอะเกินไปพอๆกับคนทำทีน้อยเกินไป จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มคนทำให้วงการนะ ^_^

ความตั้งใจไว้ตั้งแต่จบป.ตรีใหม่ๆคือจะหยุดเขียนโปรแกรมตอนก่อน 25 ให้ได้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นก่อน 30 ซึ่งถึงจะยังทำไม่ได้โดยสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำได้ 50% แล้ว และหลังจากรัน The Cheese Factory ไปอย่างเต็มตัว ก็น่าจะเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้แล้วหละ

ชีวิตเข้าสู่เลข 3 อย่างเป็นทางการ ทางเดินยังอีกยาวไกล จะสู้ต่อไปอย่างเต็มที่

ไปทำงานต่อแล้น =)

บทความที่เกี่ยวข้อง

Sep 22, 2014, 08:54
5672 views
เดินดูประวัติศาสตร์เทคโนโลยีโลกจากอดีตถึงปัจจุบันใน Samsung Innovation Museum
Jul 23, 2014, 20:31
12621 views
ชีวิตลิขิตเอง ... ที่ผมมาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะผมไม่เรียนหมอ
0 Comment(s)
Loading