เดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็ Cloud Cloud Cloud Cloud ได้ยินจนเบื่อเลยทีเดียว
ว่าแต่ว่าพูดถึง Cloud กันอยู่ทุกวัน จะบ้า Cloud อะไรกันนักหนา ได้ใช้จริงกันบ้างป่ะเนี่ย !
บ่นๆๆๆๆ แล้วพอรู้สึกตัวอีกที ทุกอย่างในชีวิตก็อยู่บน Cloud เรียบร้อยแล้วจ้าาาาา ทั้งในฐานะ Developer และ User -_-
นาทีนี้พอได้เครื่องใหม่แล้วต้อง Set up ข้อมูล เราแทบไม่ได้ใช้ Harddisk ก็อปปี้ข้อมูลแล้ว แต่จะดึงข้อมูลจาก Cloud ลงมาแทน ซึ่งดีตรงที่ว่าตอนนี้ไม่กังวลว่าเครื่องจะพัง น้ำท่วม ไฟไหม้หรือโดนขโมยแล้ว ยังไงข้อมูลก็ยังอยู่ครบ
เลยมาลิสต์บริการ Cloud ที่ใช้ เขียนไว้เผื่อใครจะใช้ตามบ้างอะไรบ้าง
Source Code ใส่ BitBucket
นาทีนี้ หากพัฒนาซอฟต์แวร์แล้วไม่ใช้ git ก็เป็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อหายนะมาก
ใครยังไม่รู้ว่า git คืออะไร คร่าวๆมันคือ Source Control ที่ช่วยดูแล Source Code ของเราให้อยู่อย่างปกติสุข และร่วมงานกับคนอื่นได้อย่างสบาย ยังไงรายละเอียดเยอะๆแยะๆจะเอาไว้เขียนใน Blog ถัดไปละกันนะะะะ
ความจริงหากพูดถึง git คนก็คงจะคิดถึง github เป็นอย่างแรก แต่ที่เราเลือกใช้ Bitbucket ก็เพราะว่ามัน "สร้าง Private Repository ฟรีไม่จำกัดจำนวนและขนาด" ในขณะที่ Github เน้นฟรีไปที่ Public Repository ถ้าจะสร้าง Private Repo ต้องจ่ายตังค์
โดยข้อจำกัดของ bitbucket คือจำนวนคนที่ Collaborate ในโปรเจค ต้องไม่เกิน 5 คน ไม่งั้นต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่สำหรับ Startup โดยปกติมันก็ไม่เกิน 5 คนหรอก
ส่วนฟีเจอร์ของ bitbucket ก็ทำมาได้สมบูรณ์ ทำพวก Hook ได้หมดผ่านหน้าเว็บเลย ตอนนี้ก็เลยใช้ bitbucket นี่แหละเก็บ Source Code ของโปรเจคทั้งหมดที่มี รวมทั้งเว็บทุกเว็บของเราด้วย แล้วก็ตั้ง Cron ให้มันหมั่น Backup ขึ้น git เรื่อยๆ วันดีคืนดีถ้า Server ของเราพังขึ้นมา หรือ Harddisk เกิดเสียขึ้นมา ก็ไม่ต้องหวั่นอะไร สบายใจเฉิบ
สำหรับเรื่อง Maintenance ก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย ตั้งแต่ใช้มาเจออยู่สองครั้งเท่านั้นเอง ซึ่งระหว่าง Maintenance ก็จะเข้าถึงไม่ได้ ต้องรออย่างเดียว แต่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง
ก็แอบแนะนำเบาๆว่า ถ้าคุณเป็น Software Developer แล้ว ลองหันมาใช้ git เป็นนิสัยดู มันสำคัญมากเลยนา (สำคัญยังไงเดี๋ยวไว้เขียน Blog หน้า) ตอนนี้ Repo ใหญ่สุดของเราคือเว็บไซต์แห่งหนึ่ง กินพื้นที่ไปราวๆ 15GB แต่ก็ยังใช้ฟรีกันต่อไป มีไฟล์เพิ่มมาก็ Backup ได้ภายใน 1 นาทีด้วยพลังของ git สบายใจ ^ ^
สนใจใช้บริการ เชิญ https://bitbucket.org/ ครับ =)
ไฟล์งานและภาพถ่ายใส่ Dropbox
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักมั้งกับบริการเก็บไฟล์ขึ้นบน Cloud อย่าง Dropbox ที่ทำเอาบริการ Copycat ผุดออกมาเพียบในตอนหลังไม่ว่าจะเป็น Google Drive, Copy, Sugarsync, Box.net, iCloud และอีกเพียบ เมื่อครึ่งปีที่แล้วลองใช้ทุกเจ้า เอาไป Compare เลือกอย่างใดอย่างนึง แต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป หลังจากใช้ครบทุกอย่าง สุดท้ายก็ตกลงปลงใจกับ Dropbox ที่ราคาแพงเกือบสุด ไม่ได้เร็วที่สุด แต่ประทับใจในบริการที่เสถียรมาก พร้อมกับระบบที่ทำมาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นแอพฯบนคอมพ์หรือมือถือ ที่ใช้บ่อยสุดก็คือ Camera Upload ที่คอยเอารูปที่ถ่ายจากกล้องขึ้น Dropbox ให้อัตโนมัติ ต้องยอมรับจริงๆว่าทำได้สมบูรณ์แบบ
ล่าสุดก็เลยจ่ายเงินไปเดือนละ $10 เพื่อซื้อพื้นที่ 100GB เก็บข้อมูลเรียบร้อย
หลักๆเราใช้เก็บงานที่เป็นเอกสาร ภาพ Presentation งานออกแบบ eBook ฯลฯ ที่ไม่ใช่โค้ดดิ้ง (เพราะโค้ดเก็บไว้ใน Version Control อย่าง git จะเหมาะสมกว่า)
ตอนนี้พอได้เครื่องใหม่มาทำงาน ก็จะ Sync Dropbox ลงมาไว้เลย เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ Collaborate ไฟล์ได้ดีมากๆ
ความหล่อความเท่อย่างนึงของ Dropbox คือ มันจะเก็บไฟล์ที่เราลบทิ้งไปแล้วไว้ 30 วัน เผื่อกรณีที่ลบไฟล์พลาด ก็สามารถกู้คืนได้ผ่านหน้าเว็บ
เชิญใช้บริการได้ที่ http://dropbox.com จ้าาา (น่าจะมีกันหมดอยู่แล้วมั้ง)
To Do ใส่ Trello
พยายามหาบริการ Todo ดีๆมาหลายอัน ลองมาอย่างต่ำก็ 10 ตัวหละ ที่เคยใช้ยาวๆ(และเกลียดมาก)ก็คือ Basecamp แต่สุดท้ายหลังจากทดลองมาอย่างหนักหน่วง ก็มาลงตัวที่บริการตัวนี้ Trello
Trello ใช้ Tagline ว่า Organize anything, together เพื่อเป็นการบอกสั้นๆได้ใจความว่า "เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการงานอะไรก็ได้ร่วมกัน"
ก็ตรงตัว Trello เป็น Collaboration Tools ที่น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจาก Sprint Backlog เพราะทำออกมาเป็นบอร์ด (Board) ที่ด้านในเริ่มต้นมาในรูปแบบ To Do, Doing, Done แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างได้ตามต้องการ จะเพิ่มแถว (หรือที่เรียกว่า List) และจะเพิ่มการ์ดก็ทำได้ทันที ลากไปมาได้เหมือนกับการย้ายการ์ดบน Sprint Backlog กำหนดสีเพื่อแสดง Priority หรืออะไรตามต้องการได้ พร้อมทั้งยังแนบรูปลงไปกับได้ด้วย
เป็น Collaboration Tools ที่ค่อนข้างตอบโจทย์การ Co งานกันมากๆ ภายในการ์ดเราสามารถคุยกันได้ ทำ Checklist ได้ แนบไฟล์ได้ กำหนดได้ว่าใครรับผิดชอบงานนี้ ต้องเสร็จเมื่อไหร่ บลาๆๆๆ
และด้วยการที่มันมีฟีเจอร์ค่อนข้างครบถ้วน ก็เลยทำเป็น Bookmark ซะเลย มีประสิทธิภาพมากด้วย =)
ที่สำคัญ Trello เป็นบริการ "ฟรี" เค้าบอกว่าเค้า Totally Free ฟังก์ชั่นหลักสามารถใช้งานได้ครบถ้วนตลอดไป แต่ถ้าอยากได้ฟังก์ชั่นเสริม เช่นการตกแต่งหน้าตา เปลี่ยน Background แปะสติกเกอร์ บลาๆๆๆ ก็สมัครเป็น Trello Gold ได้ หรือถ้าใครสามารถ Invite คนอื่นเข้ามาได้ ก็จะได้ Trello Gold 1 เดือนต่อ 1 Invites สูงสุด 12 เดือน
และแน่นอน ... มันมีแอพฯบนมือถือด้วย หรือถ้าไม่ได้ลงแอพฯ Mobile Web ก็ทำมาดีมากเช่นกัน
ตอนนี้ข้อมูล To Do เกี่ยวกับงานทั้งหมดก็เลยถูกย้ายมาอยู่บน Trello ช่วยจัดการชีวิตได้ดีมากๆเลยหละ มีความสุข =)
ใครอยากลองใช้บริการ ลองดูที่ https://trello.com/ ได้เลยจ้า แรกๆเข้าไปอาจจะไม่ชิน แต่ถ้ามีงานในมือเยอะมาก ลองเพิ่มการ์ดดูสัก 10-20 ใบ จะเริ่มมองเห็นช่องทางละว่าจะ Organize ยังไง จากนั้นชีวิตจะดีเองครับ ^_^
ข้อมูลส่วนตัวใส่ Google Account
รู้สึกตัวอีกที ข้อมูลส่วนตัวจำนวนมากของเราก็ไปอยู่กับ Google ผูกกับ Google Account ไปเป็นที่เรียบร้อย
หลักๆที่เราใช้คือ
Mail - ทั้งการสื่อสารและข้อมูลที่สำคัญจำนวนมาก ถูกเก็บไว้ในรูปแบบเมล
Contacts - เบอร์โทรของทุกคนที่เมมไว้ ตอนนี้ฝากไว้บน Google Contacts เป็นที่เรียบร้อย พอได้มือถือเครื่องใหม่มา ก็ Sync กับ Google Account แล้วใช้งานต่อได้เลย สะดวกมากมาย
Calendar - ธุระและนัดเยอะมาก จำไม่ได้ว่าวันไหนต้องทำอะไร ถ้าไม่มี Calendar นี่ ตายไปแล้ว
Docs (Drive) - ไว้เก็บเอกสารที่แชร์กับคนอื่น (ส่วนเอกสารที่ไม่ได้แชร์กับคนอื่น เก็บไว้ใน Dropbox)
ซึ่งก็เป็นข้อมูลสำคัญของชีวิตจำนวนมากเลยหละ ถ้าหายไปนี่ก็จบกันเลยทีเดียว งิ้ววว ~~~
ต้องปรบมือให้กับ Vision ของ Google ที่มองเห็นมานานว่าสุดท้ายทุกอย่างจะถูกฝากไว้บน Cloud จนทำดักไว้ล่วงหน้าหลายต่อหลายบริการ จนตอนนี้แทบจะผูกขาดไปแล้ว
อันนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าต้องเข้าไปใช้บริการที่ไหนโนะ
Feed ข่าวใส่ Feedly
โลกนี้ืมีเว็บเยอะแยะมากมายเหลือเกิน ครั้นจะนั่งไล่เปิดทีละเว็บก็คงไม่ใช่เรื่อง เราก็เลยกองทุกเว็บไว้ในเว็บเดียว ตอนนี้เวลาเราจะอ่านข่าวจากเว็บไทยและต่างประเทศ เราก็จะอ่านผ่านแอพฯตัวนี้ Feedly
Feedly เป็นตัวอ่าน Feed ที่ดีที่สุดสำหรับเรา เคยใช้ Flipboard แล้วมันไม่คล่องตัวเลย เล่นแล้วปวดหัว แต่กับ Feedly นี้ใช้งานได้จริง
ตอนนี้เราเลยฝากข้อมูล Feed ทั้งหมดไว้กับที่นี่ ถือเป็นข้อมูลอันมีค่าอีกชุดที่ฝากไว้บน Cloud =)
เว็บใส่ Digital Ocean
เคยเขียนถึงเมื่อต้นปีที่ผ่านมากับ DigitalOcean ที่นับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆเติบโตยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดขยาย Region ไปลง London เป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้เรายกเลิก Hosting ในไทยไปเกือบหมดละ คงเหลือแต่เว็บที่ต้องการการเข้าถึงแบบเร็วมากๆ ส่วนเว็บทั้งหมดที่เหลือก็เอาไปลง DigitalOcean หมด เนื่องจากราคาถูกเหมาะสมกับฐานะเราดี และไม่ต้องกลัวใครไปดับไฟตึก Data Center จนข้อมูลเสียหายอีก ...
ทั้งนี้ เราใช้ DigitalOcean เป็น Web Server เท่านั้น แต่ข้อมูลทั้งหมดถูก Backup ไว้ตลอดเวลาขึ้น git ที่ Bitbucket ถ้า Server ระเบิดไปก็ไม่เดือดร้อนอะไร สร้างเครื่องใหม่แล้วรันต่อได้เลย
นอกจากนั้น เนื่องจากว่า DigitalOcean ให้ Bandwidth มาเป็น TB เลย ใช้ยังไงก็ไม่หมด เลยเอาไว้ทำ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บจากต่างประเทศได้อีกด้วย ในราคาเพียงเดือนละ $5 เท่านั้นเอง พร้อมได้ Web Server ด้วยนะ =)
แต่ถึง DigitalOcean จะโฆษณาว่าตัวเองเป็น Cloud แต่ความจริงแล้วในแง่การใช้งานจริง เหมือนว่ามันคือ VPS มากกว่า ไม่มีเครื่องมือสำหรับสเกลอะไรมาให้เลย ต้องสร้างขึ้นมาเองหมด อาจจะไม่เหมาะกับการสเกล แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปของผู้ใช้กว่า 90% แล้วหละ
บันทึกชีวิตประจำวันใส่ Social Network ต่างๆ
นอกจากบริการด้านบนที่เราเอาไว้เก็บข้อมูลต่างๆแล้ว Social Network ก็ยังเป็นที่ที่เราไว้เก็บข้อมูลตามประเภทอีกด้วย ที่เราเล่นก็มี Facebook, Twitter, Google+, Instagram, MOLOME, Pinterest, LinkedIn, YouTube, Slideshare และ 500px
ถามว่าทำไมเราถึงดึงมันมาเป็น Cloud ด้วย?
ก็เพราะว่ามันเอาไว้เก็บข้อมูลที่ต้องใช้งานได้หมดเลยทุกอันหนะสิ เช่น Facebook ก็เอาไว้จดเรื่องราว ย้อนดูได้ว่าวันไหนเราทำอะไร คิดอะไร หรือถ้าเป็น YouTube ก็เอาไว้ฝากวีดีโอได้ จะดึงมาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้
หลายต่อหลายทีเราก็ใช้ Social Network เหล่านี้แหละ Post แบบ Private ไว้ เพื่อไล่กลับมาดูย้อนหลัง ถือเป็น Storage แบบนึงที่ทำมาใช้สำหรับรูปแบบต่างๆ
ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่เราเก็บไว้น Cloud นี้ ทำให้ตอนนี้เราสามารถย้ายไปทำงานเครื่องไหนก็ได้ ได้คอมพ์เครื่องใหม่มาก็ Set Up แป๊บเดียว แล้วลุยงานต่อได้เลย หรือได้มือถือเครื่องใหม่มา ก็ Sync ข้อมูลระหว่างมือถือได้ทันที ชีวิตรู้สึก Secure และชิวขึ้นมาก มือถือจะพังหรือคอมพ์จะเสีย ก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรกับไฟล์งานอีกแล้ว (แต่จะเครียดกับค่าซ่อมมากกว่า)
ใครยังไม่ได้ใช้ Cloud เต็มรูปแบบ ก็ลอง Organize ข้อมูลตัวเองฝากไว้ขึ้น Cloud ดูนะครับ ชีวิตจะสบายขึ้นเยอะเลย =)
สวัสดีฮับ