"ไม่ต้องมีเวทมนตร์ ไม่ต้องไปหาแม่มด แค่คุณทำสิ่งที่โลกระลึกถึงตลอดกาล แค่นั้นคุณก็เป็นอมตะแล้ว"
ทำความรู้จัก Android Wear หน้าต่างที่ไร้หัวใจ ...
21 Mar 2014 12:08   [5947 views]

(ตั้งชื่อ Blog ดราม่าเข้าไว้ๆ คนอ่านเยอะๆ)

เป็นข่าวที่น่าสนใจเมื่อโมโตโรล่าประกาศเปิดตัว Moto 360 พร้อมระบบปฏิบัติการ Android Wear เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับนาฬิกาที่ Android ทำออกมาอย่าง Official เป็นตัวแรก เพื่อตอบรับตลาด Wearable Device ที่กำลังบูมมากในขณะนี้ และต้องขอชมเลยว่าทำออกมาน่าใช้มากกกกกกกกกก

เมื่อวานมีโอกาสได้เล่นใน Emulator ก็เลยมาขอเขียนถึงประสบการณ์การใช้งานสักนิดสักหน่อย แต่ขอหมายเหตุไว้ก่อนว่ามันยังเป็น Developer Preview นะขอรับ เวอร์ชั่นเต็มอาจจะต่างจากนี้

แนวคิดของ Android Wear เกิดมาเพื่อใช้กับ Android Phone

ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจใน Concept ของ Android Wear เลยนึกว่ามันคงเหมือนกับพวก Galaxy Gear หรือ Smart Watch มั้ง แต่หลังจากได้ลองแล้ว มันไม่ใช่แฮะ เพราะพวก Gear มันเกิดมาเพื่อเสริมฟังก์ชั่นการใช้งาน Smart Device ก็จริง แต่ยังสามารถใช้เป็น Standalone คือใช้เป็นนาฬิกาได้เลย มีแอพฯต่างๆรันได้บน Gear อย่างอิสระ อยากได้ฟังก์ชั่นเพิ่มค่อยไป Pair กับมือถือ เพื่อต่อเนตหรือดูดข้อมูล

แต่สำหรับ Android Wear แล้ว มันเป็นเหมือน หน้าต่างที่ไร้หัวใจ คือ มีหน้าที่แสดงผลข้อมูลจาก Android Phone เท่านั้น ไม่มีการคิดประมวลผลอะไรเองบน Wear เป็นแค่หน้าต่างไว้แสดงผลเท่านั้น โดยต้อง Pair กับมือถือให้เรียบร้อย แล้ว Notifications บนมือถือทั้งหมด จะถูกนำไปแสดงผลบนนาฬิกา ให้เรารู้ทันทีเมื่อมีอะไรใหม่เด้งมา เรียกว่าทำให้เราละสายตาจากมือถือลงได้มาก ... ไปจ้องนาฬิกาแทน ! (มองในแง่ดี มันก็ช่วยประหยัดแบตมือถือหละนะ)

UI ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ Suggest และ Demand

Suggest คือการ์ดข้อมูลในแนวตั้งให้เรา Scroll เลื่อนดูข้อมูลได้ และเมื่อต้องการทำอะไรกับข้อมูลนั้น ก็เลื่อนขวาเพื่อเลือก Action

โดยพื้นฐาน ถ้าเป็น Notifications ธรรมดาที่ถูกส่งไปแสดงผลบน Wear เลยแบบดื้อๆ จะมีปุ่ม Open ให้โดยอัตโนมัติ เมื่อจิ้มแล้ว ก็จะเหมือนเราจิ้ม Notification บนมือถือทุกประการ แอพฯจะเด้งขึ้นมา เราก็ไปทำอะไรต่อในมือถือ

อีกส่วนคือ Demand หรือการสร้างแอคชั่นสำเร็จรูป เพื่อแสดงเป็นเมนูสั่งได้ด้วยการคลิกทำได้เลยบนนาฬิกา เช่น จิ้มทีเดียว มือถือก็จะส่ง SMS ไปหาคนที่ตั้งไว้ด้วยข้อความที่กำหนดล่วงหน้าไว้แล้ว เป็นต้น เราเรียกโหมดนี้ว่า The Cue Card เข้าสู่โหมดนี้ด้วยการกดปุ่ม g มุมขวาบน หรือสั่งด้วยเสียง "OK Google"

ทั้ง Suggest และ Demand ทาง Android Wear SDK ก็เปิด API ให้นักพัฒนาสามารถควบคุมตรงนี้ได้ โดย Suggest จะทำบนพื้นของ Notifications เรียกว่า Notification Builder

โดยนักพัฒนาสามารถแพคชุดข้อมูลแล้วส่งไปให้ Wear เรนเดอร์ได้ ที่ดูจะพิเศษหน่อยคือการสร้าง "Action Button" หรือปุ่มเพื่อรับ Event ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่นใน Google+ ก็จะมีปุ่ม +1 ให้สามารถกด +1 ได้บน Wear เลยตรงๆ แล้วก็ไม่ต้องไปทำอะไรบนมือถือ (แต่คนที่ +1 ให้จริงๆคือมือถือ แต่มัน Handle ทำให้แบบ Background เราเลยไม่ต้องไปยุ่งกับมือถือ) หรืออีเมลที่เด้งมา ก็กด Archive ผ่าน Wear ได้เลย

เราสามารถ Handle Event ตรงนี้ได้ตามต้องการ เท่าที่จินตนาการได้ตอนนี้ก็มีอยู่สองวิธีคือ

1) จิ้มบน Wear แล้วไปทำงานบนมือถือต่อ

2) จิ้มบน Wear แล้วให้โปรแกรมสร้าง Notifications ใหม่ขึ้นมาแสดงผลบน Wear แล้วก็ทำงานต่อบน Wear ไม่ต้องยุ่งกับมือถือ (เป็นวิธีที่ดีและทาง Android เชียร์ให้ทำแบบนี้)

สรุปแล้ว ถ้าเขียนโปรแกรม Handle ดีๆ คนก็จะสามารถทำงานเบื้องต้นบน Wear ได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับมือถือเลย (แต่ต้อง Pair กับมือถือตลอดเวลา อย่างที่บอก มันคือหน้าต่างที่ไร้หัวใจ ...)

ตัวอย่างการใช้งานที่เท่คือการ Reply ด้วยเสียง จิ้มบนจอว่าจะ Reply ไปหาคนที่ส่งข้อความมา แล้วก็บ่นกับ Wear ได้เลย แล้วมันก็จะ Reply ข้อความที่เราพูดให้ด้วย Speech to Text เท่ๆ

ทางด้าน Demand เท่าที่อ่านดูก็ยังไม่ชัดเท่าไหร่ว่าเค้าจะเปิดให้ 3rd Party ผูกเข้าไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่ได้แน่ๆคือรับ Intent จาก Voice Commands บน Wear คือสั่งๆๆๆๆนาฬิกา เช่น "OK Google, Take a Note" แล้วมันก็จะส่งคำสั่งมาที่แอพฯเรา แต่ที่คาดหวังให้เค้าเปิดคือการผูก Custom Intent เพื่อผูกเมนูของแอพฯเพิ่มเข้าไปใน Wear ได้ ไว้รอดูตัวเต็มอีกที

โครงข้างในเป็น Android 4.2.2 เวอร์ชั่นลดทอน

เข้าไปรื้อตัว OS เล่นแบบนิดๆหน่อยๆละ ก็พบว่าเป็น Android 4.2.2 นี่แหละ แต่เป็นเวอร์ชั่นเดียวกัน ขนาด image เท่ากันเด๊ะ คือ 550MB สำหรับ system.img และ 200MB สำหรับ userdata.img เท่ากับตัว Android Phone เลย เด๊ะๆ เด๊ะๆ เด๊ะๆๆๆ

พอ df ดู ก็พบว่าถึง image จะขนาดเท่ากัน แต่เนื้อหาจริงๆมีน้อยกว่าเท่าตัวพอดี ก็เลยเชื่อว่าน่าจะตัดทอนอะไรหลายอย่างทิ้งไปพอสมควร

มี UI ให้เลือกใช้สองแบบคือแบบเหลี่ยมและแบบกลม ชอบแบบกลมมาก ขอบอก มันดูใช่ มันเป็นนาฬิกา มันงาม

ภาษาไทย ... หายสิ้น

หลังจากทดลองแสดงผลภาษาไทยบน Wear ดู ก็พบว่า ...

ลองไปคุ้ยฟอนต์เล่นดูก็พบว่าฟอนต์ไทยม่ายมี

ก็ต้องรอดูเวอร์ชั่นเต็มว่าจะยัดฟอนต์ไทยมารึเปล่าอ่ะนะครับ แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร มันก็แค่ Emulator ไปแงะตัว data/fonts ของ platform ก็ยังมีอยู่ครบ แค่ยังไม่ได้ยัดลง image ให้ ^_^

สรุป Android Wear เกิดมาเพื่อเสริม Android Phone ไม่ใช่เกิดมาเพื่อเป็น Standalone

อย่างที่ได้อธิบายทั้งหมดแล้ว สามารถสรุปได้คร่าวๆ(ณ นาทีนี้)ว่า Android Wear ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น Standalone คือจะซื้อมาเป็นนาฬิกาก็คงทำได้ แต่คงทำได้แค่นั้น ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีแอพฯติดมาในเครื่องแบบใช้ได้เลยหรือไม่ เพราะทางเทคนิคแล้วมันก็ทำได้อยู่นะ มันเป็น Android แต่เท่าที่ดูตอนนี้ น่าจะไม่มี หรือถ้ามีก็จะเป็นแอพฯที่พื้นฐานมากๆ

ตำแหน่งที่ Android Wear ถูกวางไว้ค่อนข้างชัดเจนอยู่คือ "มีไว้ทำงานร่วมกับ Android Phone โดยเฉพาะ" เรียกว่าถ้าไม่มี Android Phone ก็อย่าไปซื้อใช้เลย Android Wear

ตอนช่วง Q&A ของ Moto 360 มีสื่อถามว่า "Moto 360 จะมีกล้องมั้ย?" ทางโมโตก็ตอบกลับว่า "เราไม่เห็นว่ามันจำเป็นต้องมีหนิ"

เป็นคำตอบสั้นๆ แต่ทำให้ได้รู้ Vision และ Position ของเจ้า Android Wear ได้อย่างดีครับ

ดังนั้นก็พอบอกได้ระดับหนึ่งว่า Android Wear กับพวก Gear และ Pebble ถูกสร้างขึ้นมาด้วยคนละแนวคิดกัน ใช้งานต่างกันค่อนข้างชัดเจนมาก แต่สุดท้ายแล้ว ผู้ใช้คงแยกไม่ออกเพราะมันค่อนข้าง Geeky ดังนั้นเลยเชื่อว่าวันหนึ่ง Android Wear ก็จะมี Position ทับกับ Gear และ Pebble คือเป็น Standalone "มากขึ้น" สามารถใช้งานได้ด้วยตัวมันเอง อยากจะเสริมอะไรค่อย Pair กับ Android Phone อีกที ให้พูดแบบง่ายๆก็คือแบ่งส่วนของ Offline Mode และ Online Mode ชัดเจน ถ้า Offline ก็ใช้แบบนี้ ถ้า Online ก็ใช้แบบนี้ ไม่สามารถทิ้งส่วนใดส่วนหนึ่งได้ สำคัญทั้งคู่ เพียงแต่ Wear ตอนนี้ยังไม่มีโหมด Offline ให้เห็น เป็น Online ล้วนๆเลย

คงสักวันแหละครับที่ Android Wear ไปถึงจุดนั้น แค่ไม่รู้ว่าวันนั้นจะเป็นวันไหนครับ อาจจะเดือนอาจจะปีหรืออาจจะสองปี รอดูกันไป


ใครอยากลองเล่นหรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติม เชิญที่ http://developer.android.com/wear/ ได้เลยครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jun 26, 2014, 15:20
12770 views
ทำความรู้จัก ART ผู้มาแทน Dalvik บน Android "L"
Jul 7, 2014, 21:21
10246 views
ถึงเวลาปรับ Baseline ของการพัฒนาแอพฯบนแอนดรอยด์
0 Comment(s)
Loading