มาอยู่สิงคโปร์ได้เดือนนึง (หรือจำนวนวันคือ 32 วัน อยู่เกินไป 2 วัน โดนตม.จับไปด่า 3 นาทีก่อนปล่อยตัวกลับไปไทยได้โดยสวัสดิภาพ และบินกลับมาอยู่สิงคโปร์อีกรอบแล้ว)
มาอยู่นี่ก็มีงานแทรกอีกแล้ว (เสียใจพอสมควรที่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับ JFDI ในวันสัมภาษณ์ไม่ได้) พองานเสร็จ เกิดต่องานที่นี่ไม่ติด ชีวิตหายไปสองสัปดาห์ ไปออฟฟิศแต่ละทีก็สู้หน้าเค้าไม่ได้เพราะอยู่ดีๆก็หายหน้าไป งานที่คิดไว้ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ก็มีอันต้องโยนทิ้งไป แล้วคิดใหม่หมด เวลาที่ Launch แอพฯก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ฯลฯ เริ่มรู้สึกตัวเองเคว้งคว้างอยู่สักแห่งใน Universe และนั่นเองเป็นช่วงที่ถึงนาฬิกาจะเดินอยู่ แต่เวลาสำหรับเรากลับหยุดนิ่ง
เกิดความเหงา ความเปล่าเปลี่ยวแบบแปลกๆ เกิดคำถามที่ดูง่ายๆ แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
"เรามาอยู่ที่นี่ได้ไงนะ?"
ย้อนไปเมื่อสองเดือนก่อน ในวันที่มั่นใจว่าไม่ได้มา JFDI แน่แล้ว เพราะสัมภาษณ์รอบแรกทำได้ไม่ค่อยดี (ประหม่า ตกใจ ไม่เข้าใจ พานิค ฯลฯ)
แต่อยู่ดีๆ การที่เราตัดสินใจไป Pitch งาน AIS Startup Commercial Pitch ทั้งๆที่ไม่พร้อมเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งสกิลการพูดเอย ทั้งอาการป่วยเอย ฯลฯ แต่สุดท้ายก็กัดฟันไปโดยไม่หวังอะไร นอกจากความล้มเหลว
แล้วด้วยอะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้ Director ของ JFDI นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย แล้วด้วยอะไรก็ไม่รู้ เค้าเกิดสนใจมาก และด้วยอะไรก็ไม่รู้ ... เค้าเลยเลือกทีมเราเป็น 1 ใน 10 ทีมสุดท้ายของค่ายนี้
และการที่ได้มาอยู่ที่นี่ ก็ทำให้ได้พบกับคนมากมาย ทั้งเกี่ยวกับ JFDI ทั้งไม่เกี่ยว ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกเยอะ ทั้งที่เกี่ยวกับ Startup และไม่ใช่ อีกทั้งยังได้เจอเหตุการณ์ที่ถ้ายังอยู่ไทยคงไม่มีวันได้พบเจอไปตลอดชีวิต
น่าแปลกที่อยู่แค่เดือนเดียว แต่มีราวๆ 3 เหตุการณ์แล้วที่คนร่วมเหตุการณ์พูดว่า "มันช่างบังเอิญจังที่..."
เลยเกิดคำถามในใจต่อมา
"นี่มันความบังเอิญหรือโชคชะตากันนะ"
นั่นหนะสิ นี่มันบังเอิญหรือชะตาลิขิตให้ชีวิตมาอยู่ที่นี่กันนะ มันถึงนำพาสิ่งที่เกือบเปลี่ยนชีวิตเราเข้ามา 2-3 หนในเดือนเดียว
บ่อยครั้งเหลือเกินที่เวลาเราโชคร้าย มีปัญหา เราก็จะโทษโชคชะตา เพราะมันง่ายหนิ แต่ความจริง บางทีมันก็เป็นแค่ความบังเอิญ ...
ณ ขณะที่เวลาหยุดนิ่งอยู่นั้น ได้ข้อสรุปในหัวตัวเองว่า
"เราไม่มีทางรู้หรอกว่า การได้เจอเหตุการณ์อะไรสักอย่าง
หรือได้เจอใครบางคน
มันเป็นที่ฟ้าลิขิต หรือแค่ความบังเอิญ"
ทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไป ทำมันให้ดีที่สุด อย่าพึ่งดวง พึ่งโชคชะตา อะไรจะเข้ามามันก็เข้ามา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อย่าเข้าข้างตัวเอง และอย่าดูถูกตัวเอง นี่แหละ ชีวิตหละ ...
เขียนทำไมไม่รู้ อาจจะไม่ได้ข้อคิดอะไร แต่มันเป็นความรู้สึกในตอนนี้ที่อยากบันทึกไว้ ช่วงนี้มีความทุกข์อย่างหนักที่ระบายและบอกใครไม่ได้ เป็นความทุกข์ในระดับที่เรียกว่าเจ็บปวดหรือ Pain เลยทีเดียว ปกติเนยเป็นคนมีความทุกข์อะไรก็จะบอก จะบ่น จะพูด ไม่เก็บไว้ให้ซึมเศร้า แต่ครั้งนี้พูดอะไรไม่ได้ ทรมานดีจัง แต่ก็เชื่อว่าสุดท้ายจะผ่านมันไปได้
และหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
สวัสดีครับ