"ท้อมีไว้ให้ลิงถือ"
ผล 20 ปีให้หลัง เมื่อเด็กคนหนึ่งถูกครูทำร้าย
28 Sep 2013 00:38   [28614 views]

"ปัญหาการศึกษาไทย" เป็นข่าวที่ได้ยินบ่อยเหลือเกิน บ่อยน้อยกว่าข่าวนายก ข่าวฆาตกรรม ฆ่าข่มขืน และข่าวคนทำเลวต่างๆนานาเพียงนิดเดียวก็ว่าได้


จนถึงตอนนี้ก็คงต้องยอมรับได้แล้วมั้งว่ามันเป็นปัญหาของประเทศไทยจริงๆ


ส่วนตัวอยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้างนิดหน่อยว่าชีวิตตัวเองต้องสูญเสียอะไรไปบ้างจากการเจอครูที่ตัวเองไม่ชอบ ... ซึ่งเอาจริงๆอยากจะใช้คำว่าถูกครูฝังความรู้สึกไม่ดีเข้าไป (Imprinting) ทำให้เมื่อโตขึ้นพอเจออะไรคล้ายๆที่ครูคนนั้นสอน ก็เกลียดไปเลย


ส่วนตัวเป็นคนอ่อนภาษาอังกฤษมาสักพัก ทั้งๆที่เขียนได้ อ่านออกค่อนข้างสบาย แต่พอต้องพูดหรือฟัง กลับทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร อึกอัก ไม่กล้าพูด รู้สึกว่าพูดไปจะโดนด่ามั้ย


นั่งย้อนกลับไปตอนประถม ผมได้เกรด 4 ภาษาอังกฤษมาตลอด รวมทั้งการพูดภาษาอังกฤษหน้าชั้นเรียน ผมได้คะแนนสูงสุด คุณครูชม บอกว่าเป็นคนที่เก่งอังกฤษมาก สำเนียงเป๊ะ บลาๆๆๆ


แต่พอขึ้นมัธยม ปรากฎว่าเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลัง...หลังอะไรดีหละ หลังแมวละกัน


นั่นแหละ เจอครูภาษาอังกฤษคนแรก บ้านาซี ... ปกติพอครูเข้าห้องเราต้องสวัสดี ทำความเคารพครูใช่มั้ย? แต่ครูคนนี้บอกว่าไม่ต้อง ทุกครั้งที่เริ่มเรียน ให้ยืนแบบ ... แบบนี้เลย แต่ทำมุมกับพื้นเพิ่มอีก 25 องศา ...

แล้วระหว่างทำท่านี้ ก็ให้พูดๆๆๆบทอะไรสักอย่างนึง ร่วมนาทีนึง เป็นอย่างงั้นทั้งหมด ... สองปีจ้า


นี่หรือโรงเรียนที่มีผู้ปกครองอยากให้เด็กเข้าติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ (ในขณะนั้น)


ผลคือ เรารู้สึกเกลียดภาษาอังกฤษไปเลย ภาพที่เราเห็นคือภาษาอังกฤษมันแย่ มันมาพร้อมการบังคับให้ทำอะไรที่น่าอาย ตอนนั้นนาซีคืออะไรยังไม่รู้ รู้แต่สิ่งที่ทำมันช่าง ... ตลก ไร้สาระ อายเพื่อน สรุปคือไม่มีอะไรดี


สองปีนั้นเป็นช่วงที่เราทิ้งภาษาอังกฤษไปทันที


ช่วงที่เราทิ้งภาษาอังกฤษไป เราก็มีโอกาสดึงอีกสกิลที่ติดตัวมาแต่เด็กอย่าง "การวาดรูป" เพราะพ่อเป็น Artist ทำให้เราเคยชินกับการวาดภาพมาแต่เด็ก จนม.1 ไม่ก็ม.2 นี่แหละ ในวิชาศิลปะ เราส่งภาพภาพนึงที่เราตั้งใจวาดมากเป็นผลงานของการสอบ Final ขุดทุกเครื่องมือที่มีในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพู่กัน Air Brush ยันแปรงสีฟัน รวมแล้วน่าจะเกิน 20 ชิ้นที่วางกองๆอยู่


สบายใจมาก ได้เกรด 4 แน่ๆ แต่พอเกรดออกมา ได้เกรด 2 ...


ไปทวงถามครู ครูบอกว่า "ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณทำเอง"


ถามกุสักคำมั้ย ....


ซึ่งเชื่อมั้ยว่าประโยคสั้นๆนั้นได้ทำลายสกิลเด็กคนนึงลงอย่างราบคาบ ร้องไห้ไปเป็นอาทิตย์ จากนั้นก็เลยเลิกวาดรูป วางดินสอ พู่กัน ถังสีและทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะ มันเป็นความรู้สึกที่เสียใจมากที่สุดที่เด็กคนหนึ่งจะมีได้ ... (ม.ต้นถือว่าเด็กอยู่น่า 10 ขวบ) ทุกวันนี้กลับมาวาดได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ฝึกฝนมานาน มือไม่นิ่ง ไม่สามารถวาดภาพสวยๆได้อีกแล้ว


ยังไม่จบ ขึ้นม.3 เจอครูภาษาอังกฤษอีกคน ที่บังคับให้ท่องศัพท์ ถ้าท่องผิดแม้แต่คำเดียวจะตีด้วยไม้เรียว เกิดความพฤติกรรมฝังใจอีกครั้ง ภาษาอังกฤษคือสิ่งที่ถ้าผิดคือโดนทำโทษ ห้ามผิดแม้แต่นิดเดียว


ผลคือกลัวการพูดภาษาอังกฤษไปเลย ไม่กล้าเพราะกลัวว่าถ้าไปพูดแล้วผิด เค้าต้องด่าเราแหลกแน่ๆที่เราใช้ภาษาอังกฤษผิด


เป็นเช่นนั้นมาจนถึงตอนนี้


ก็เป็นเรื่องที่เอามาเล่าให้ฟังว่าการกระทำของครูทำร้ายเด็กได้มากมายเพียงใด


นาทีนี้เจ็บปวดมากที่ภาษาอังกฤษไม่เอาอ่าว ทั้งๆที่พัฒนาปรับปรุงมาหลายปี ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้


เสียใจมากนะจุดนี้ มากๆ แต่ก็จะพยายามฝึกฝนต่อไป จนกว่าจะทำได้ มันคงต้องได้สักวันแหละ คนอื่นเค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้ดิ ! ไม่ยอมแพ้หรอก


คือนาทีนี้ไม่อยากให้เถียงกันแล้วว่าการศึกษาไทยแย่แบบนี้ ผลจะเป็นยังไง ผลมันอยู่ตรงนี้แล้ว มันมีให้เห็นแล้วนี่ไง จะไปรออีก 20 ปีเพื่อดูผลทำไม มาดูผมนี่มาาาาา


อันนี้ที่เล่ามา แท้จริงแล้วไม่ใช่ปัญหาของระบบการศึกษาไทยซะทีเดียวหรอก มันเป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า ไม่ใช่ครูทุกคนที่ทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ แต่แค่อยากจะให้เห็นว่าคุณครูมีผลต่ออนาคตประเทศแค่ไหน ดูสิแค่ครูสองสามคนก็ทำลายความสามารถของเด็กคนนึงได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนี้ และอยากจะชี้ให้เห็นว่าถ้าระบบมันมีมาตรฐานแล้ว มันมีแบบแผนที่ให้ทำตามแล้ว ปัญหาเรื่องบุคคลเหล่านี้ก็คงจะไม่เกิด ผมเชื่อว่าเมืองนอกก็มีปัญหาคล้ายกันแหละ แต่คงเป็นเวอร์ชั่นที่อัพเกรดแล้ว ไม่ใช่เด็กโดน 0 คะแนนเพราะ 3x4 ไม่เท่ากับ 4x3 ไม่ใช่เด็กโดนตีเพราะท่องภาษาอังกฤษผิด 1 คำ ไม่ใช่เด็กโดนด่าหาว่าลอกการบ้านคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองทำเองทุกอย่าง เพราะมันคือ "การทำร้าย" โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่มีใครทำอะไรได้


เคยคาดหวังว่า โตมาทุกอย่างคงจะดีขึ้น รุ่นลูกเราคงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ แต่ ... จากข่าวที่ออกมาทุกวัน ปัญหามันกลับหนักขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่ถ้าผมมีลูก ผมคงจะส่งไปเรียนเมืองนอกเพื่ออนาคตของลูก (ซึ่งจะเอาตังค์ที่ไหนว้าาา)


ก็ได้แต่หวัง(ไม่รู้ว่าลมๆแล้งๆรึเปล่า)ว่าระบบการศึกษาไทยจะดีกว่านี้ อยากให้ทุกโรงเรียนมีมาตรฐาน อยากให้คุณครูเข้าใจความรู้สึกของนักเรียน ทำให้การสอนเป็นเรื่องสนุก ทำให้เด็กมีความสุขที่จะเรียน ทำให้เด็กจบไปพร้อมความรู้ เพราะอนาคตของเขาเหล่านั้น ฝากอยู่ในมือพวกคุณแล้ว ... คุณครูครับ


ดีใจที่ตอนเรียนจุฬาฯไม่เจออาจารย์แปลกๆ เจอแต่อาจารย์ดีๆ เพื่อนดีๆ ทำให้จบมามีวันนี้ได้ ขอบคุณอาจารย์ที่มีบุญคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จะไม่ลืม จะไม่เลือนเลย _/|\_

บทความที่เกี่ยวข้อง

Sep 12, 2013, 15:52
11931 views
จากจุดเริ่มต้นสู่อีกจุดเริ่มต้น MOLOME Pte Ltd.
May 2, 2014, 20:48
20706 views
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานที่เรียกว่า "ทีม"
0 Comment(s)
Loading