ตั้งแต่ก่อนมาอยู่ที่นี่ รวมถึงตลอด 3 สัปดาห์ที่อยู่ที่นี่ คำที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็ว่าได้คือคำว่า
แน่นอนว่า ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่ไทย (นั่นมันโลตัส) ไม่ใช่ระบอบ Seniority (นั่นมันโซตัส) และไม่ใช่นางเอกแฟนฉัน (นั่นมันโฟกัส ... ถูกแล้ว!) หากแต่คำว่า "โฟกัส" แปลแบบไม่ตรงตัวนักแปลว่า "ความตั้งใจ" และเป็น "หัวใจ" ของ "ความสำเร็จ" เลยก็ว่าได้
ตอนที่ JFDI สัมภาษณ์ก่อนมาเข้าร่วมโครงการ เค้าถามหลายครั้งเหมือนกันว่า "จะมีใครมาทำบริษัทที่จะเปิดใหม่แบบจริงจังมั้ย และมีกี่คน" และเค้าบอกว่า "เค้าต้องการคนที่โฟกัสจริงๆเท่านั้น"
มาอยู่นี่ได้คุยกับ Mentor และคนที่อยู่ในวง Startup จำนวนมาก เชื่อหรือไม่ว่า 80% ของคนที่บอกว่าเค้าล้มเหลว เค้าเจ๊ง มีคำหนึ่งที่คนเหล่านั้นหลุดมาร่วมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นคำสั้นๆที่เรียกว่า
Distract
หรือให้ยาวหน่อยคือ
Lost Focus
Distract เป็นคำตรงข้ามกับ Focus โดยสิ้นเชิง เป็นศัตรูตัวฉกาจของความสำเร็จ เพราะถ้า Focus แปลว่าความตั้งใจแล้วหละก็ คำว่า Distract ก็แปลว่าความไม่ตั้งใจ ความไม่ใส่ใจ รวมถึงความไม่รักไม่ให้เกียรติในผลงานของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
Distract เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการไม่มีโอกาส เช่นไม่มีเงินทุนจนต้องไปรับงานอื่นจนตัวเองโฟกัสโปรดักส์ตัวเองไม่ได้ จนถึงการมีโอกาสมากเกินไป จนเลือกทุกทางที่อยากจะทำ และ ... เสียทุกโอกาสไปในที่สุด
SMOVE เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จับต้องได้ของเรื่องนี้
SMOVE เป็น Startup ที่ชื่อดังพอสมควรที่นี่ โดยเค้าเปิดให้เช่ารถเป็นนาทีที่สิงคโปร์ สำหรับคนที่ไม่มีรถแต่ต้องใช้รถขับไปไหนมาไหน โดยมี Stand อยู่หลายที่ทั่วประเทศ ถ้าจะเช่าก็ขับจาก Stand แล้วก็ไปคืนที่อีก Stand ได้ทันที ทุกอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่
เขาเล่าว่าเขาเริ่มมาหลายปีแล้ว แล้วปรากฎว่าฮอตมาก ใครก็อยากมาลงทุน ใครก็อยากร่วมด้วย ผลคือโอกาสประดังเข้ามาไม่หยุด
ถึงจุดนั้นเขา Realize ว่าโปรดักส์ของเขาไปได้หลายทางมาก ทางโน้นก็ดี ทางนี้ก็เยี่ยม เลยกะจะไปทุกทาง แต่สุดท้ายผลกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ... เขาไปไม่ได้สักทางเลย เพราะเขาใส่ใจในแต่ละทางไม่มากพอ เขาตระหนักได้ในที่สุดว่าเขาอยู่ในจุดที่เรียกว่า "Lost Focus" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาตัดสินใจโยนทุกหนทางและทุกโอกาสทิ้งไปหมด และเลือกที่จะคว้าหนทางที่เขามองว่าเขาต้องการ เขาอยากให้เป็น และเขาลุยไปในเส้นทางนั้นเส้นทางเดียวอย่างเต็มที่ ... ผลคือ ... เขากำลังจะ Raise Series A ละครับ
เขาพูดไว้ประโยคนึงที่น่าสนใจ "อย่ามองไกลจนเกินไป เพราะการจะไปถึงจุดนั้นได้ คุณต้องทำสิ่งที่ใกล้ให้สำเร็จก่อน ทำแค่ที่ตั้งใจในเฟสต่อไปก่อนก็พอ อย่าข้ามขั้น อย่าโลภ"
คนเก่งในโลกนี้มีมากมาย ทำไมไม่ใช่ทุกคนที่สำเร็จ? ช่วงนี้เจอคำถามนี้เยอะโดยเฉพาะในไทย ผมให้เหตุผลอย่างงี้ครับ เพราะคนที่เก่งเค้ามีโอกาสมากเกินไปกรูเก่งหนิๆ ทำทุกอย่างเลยละกัน แต่ไม่ตั้งใจสักอย่าง ... และนั่นเอง เป็นการขุดหลุมฝังตัวเองที่ดีมาก รู้ตัวอีกที คุณก็แพ้คนอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากคนเก่งคนนั้นรู้จักคว้าโอกาสไว้ให้เหมาะสมกับตัวเอง ดั่งนกน้อยทำรังแต่พอตัว ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดียิ่ง เมื่อถึงจุดที่โปรดักส์ไปต่อด้วยตัวเองได้แล้ว ค่อยปล่อยให้คนอื่นดูแลและตัวเองไปเริ่มโปรดักส์ใหม่ คนเก่งที่แท้จริงเป็นแบบนี้ครับ
จงจำไว้ การโยนทุกอย่างทิ้งเพื่อสิ่งที่คุณต้องการเพียงอย่างเดียว ยังมีโอกาสสำเร็จมากกว่าการคว้าทุกโอกาส แต่ไม่ตั้งใจจริงแม้แต่อย่างเดียว ...
ท่องไว้เสมอครับ ท่องไว้ พุดตามผมครับ
โฟร์มด ...
ผิดสินะ
โฟกัสครับ โฟกัส
พูดเสร็จและทำตามให้ได้ด้วย มันไม่ใช่เคล็ดลับความสำเร็จนะครับ แต่เป็น "พื้นฐาน" ของความสำเร็จ ทำได้ไม่ได้แปลว่าจะสำเร็จ แต่ถ้าทำไม่ได้ ... พับโปรเจคแล้วไปขายน้ำเต้าหู้เถอะครับ (ได้ยินมาว่ารวยด้วยนะอาชีพนี้)
นี่แหละชีวิตหละ
สวัสดีครับ