"เวลามีค่ามากกว่าเงิน"
อวสานโปรแกรมเมอร์มือถือไร้ฝีมือ
14 Sep 2013 21:10   [17480 views]

เป็นอีก Blog ที่ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่ก่อนมาสิงคโปร์ แต่ไม่มีเวลาเลย ไหนๆก็ไหนๆ พอมาถึงนี่เลยมาศึกษาดูเทรนด์ที่สิงคโปร์ไปด้วยเลย ก่อนอื่นต้องบอกว่า Blog นี้เป็น Blog เชิงพยากรณ์ตลาด ไม่ใช่ Fact ที่เป็นจริงแน่นอน แค่อยากให้รับรู้ข้อมูลไว้จากมุมมองของเนย เป็น Original Content ที่ไม่ได้แปลจากใครหรือรับข้อมูลจากใคร มันมาจากเนยล้วนๆ จึงขอกล่าวดักตั้งแต่ตอนนี้ว่า "ฟังหูไว้หู" นะจ๊ะ และก็ ... มีอะไรจะขอพูดตรงๆ พิมพ์ตรงๆเน้อ ไม่มีเวลาจะมาเกรงจงเกรงใจละ ชีวิตมันสั้น !


ตลอดสามปีที่ผ่านมา ตลาด Mobile App เติบโตต่อเนื่องแบบพุ่งปรี้ดดดดดด ต้องกราบขอบพระคุณ Steve Jobs และ Apple ที่ปฏิวัติเทคโนโลยีมาอยู่บนมืออย่างเต็มรูปแบบ หากวันนั้นไม่มี iPhone รับรองว่าก็ไม่มีวันนี้ แม้แต่ Android ก็ไม่มี จงยอมรับเถิดว่า iPhone และ App Store เป็นอดัมและอีฟสำหรับโลกสมาร์ทโฟนจริงๆ


และการที่ iOS เป็นผู้นำด้านตลาด Potential User หรือผู้ใช้ที่ใช้มือถือเป็น Smartphone จริงๆอยู่นั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าสามปีก่อนจนถึงปีที่แล้ว ทุกคนบอกว่า "ต้องทำ iOS ส่วน Android ถ้าทำได้ก็ดี" ส่วนปีนี้เทรนด์เปลี่ยนไปแล้วอย่างเห็นได้ชัดเป็น "ต้องทำทั้ง iOS และ Android พร้อมกัน ไม่งั้นเจ๊ง" ทั้งนี้ก็ไม่มีอะไรมากกว่าการที่สงคราม OS มือถือได้จบลงไปแล้วนั่นเอง


และหลังจากสงคราม OS ได้จบลง มีผู้ชนะนามว่า Android และ iOS ในขณะเดียวกัน ทางด้านสงคราม Software สำหรับ End User ก็สงบลงแล้วด้วยเช่นกัน กลายเป็นทะเลเลือด Red Ocean ที่มีผู้ชนะอยู่แล้วในทุกตลาด หรือหากยังไม่มีผู้ชนะ ก็ไม่มีพื้นที่ให้ผู้ท้าชิงอีกแล้ว


ตลาดแอพฯสำหรับ End User ถึงทางตันแล้ว


ตอนนี้สนามที่ยังเหลือให้เล่นอยู่สำหรับตลาด End User คือ "เกม" เพราะเกมมีคุณสมบัติว่าอายุสั้น เล่นแล้วเบื่อ ต้องหาเกมใหม่เรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีที่สำหรับเกมใหม่เรื่อยๆ ไม่ต้องแปลกใจที่มีคนพยายามกวาดเกมในตลาดมาเป็นระบบเพื่อหวังจะครองตลาดนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น LINE เอย Google เอย กวาด Game Network ที่วางมาดีเป็นสิบตัวร่วงกราวไป และตลาดนี้สุดท้ายจะถูกผูกขาดกับระบบ Game Network / Game Center ของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ต้องมารอดูว่าเจ้าไหน ใครทำได้ ครองโลก ...


ที่เหลือ ตลาดนักพัฒนาเริ่ม Shift มาทาง Enterprise App เพื่อเน้นไปยังแอพฯที่ใช้ภายในองค์กร ช่วงปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นคนทำขึ้นมาเยอะพอสมควรละ แต่ตลาดยังเหลืออีกกว้างมากกกกกกกกกกกก เพราะแต่ละองค์กรมีความต้องการไม่เหมือนกัน ยังมีโอกาสให้ทำให้เล่นอีกเยอะเหมือนกัน


จนถึงตอนนี้สรุปให้สั้นๆว่า ตลาดแอพฯสำหรับ End User ขาลงดิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้ก็อย่าจับมาก (แต่ไม่ได้แปลว่ายังลุยไม่ได้นะ ยังมีพื้นที่อยู่ แค่แคบเหลือเกิน เช่น M-Commerce นี่กำลังจะมาเลย) แต่ตลาด Enterprise ยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอยู่ สำหรับนักพัฒนา Mobile App จากนี้ต้องมองไปที่ตลาด Enterprise เป็นหลัก ไม่ใช่สำหรับ End User อีกต่อไปแล้ว สาเหตุเพราะแอพฯจำพวก Enterprise เราสามารถปรับๆแล้วเอาไปขายยังองค์กรอื่นได้อีกด้วย เกิดเป็น Product ของตัวเองได้ด้วย นับเป็นประโยชน์ที่ดีกว่าแอพฯสำหรับ End User อย่างเหลือคณานับ


แต่อย่างหนึ่งที่อยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บปวด คือประโยคสั้นๆที่ว่า


"หมดเวลาแล้วสำหรับโปรแกรมเมอร์มือถือไร้ฝีมือ"


ก่อนหน้านี้มีโปรแกรมเมอร์มือถือจำนวนมากอยู่ในตลาด แต่จากที่ได้สัมผัส ต้องบอกว่ามีแค่ < 10% เท่านั้นที่ทำแอพฯได้อย่างมีคุณภาพ ที่เหลือทำแอพฯได้ แต่ไม่สามารถควบคุมประสิทธิภาพได้ แอพฯแครชเอย กินเมมเอย สุดท้าย Launch จริงไม่ได้ แต่จากการที่ Demand สูงจัด คนเหล่านี้ก็ยังมีงานอยู่ (ส่วนใหญ่เพราะค่าตัวถูก) ซึ่งคนเหล่านี้กำลังจะลำบากอย่างรุนแรง


ทำไมเล่า ทำไม? ก็ไหนบอกว่าตลาด Enterprise App ยังมีอยู่ Demand ก็ยังมีหนิ แต่ทำไมถึงจะหมดเวลาสำหรับโปรแกรมเมอร์มือถือไร้ฝีมือเล่า? หากยังมี Demand ก็ต้องยังอยู่ได้สิ ... จริงครับ มี Demand แต่ Demand เหล่านั้นกำลังจะถูก "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" กินตลาดหมด


ตลาด Mobile App มัน Develop มามากและนานแล้ว ตั้ง 4-5 ปี นานพอที่จะสามารถกรุ๊ปได้ว่ามีแอพฯประเภทไหนบ้าง มีฟังก์ชั่นไหนบ้างที่แอพฯเค้าใช้กัน แบ่งออกเป็นหมวดๆ เป็นฟังก์ชั่นๆ และเกิดเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่สามารถเลือกใช้ได้ทันที ปรับเปลี่ยนหน้าตาตามต้องการ ลากวางฟังก์ชั่นที่อยากได้ และ Build ออกมาเป็น ipa/apk สำหรับ iOS/Android เพื่ออัพขึ้น Store ได้ทันที และที่สำคัญ ทำงานเร็วดั่ง Native !


หากใครทำเว็บก็จะเริ่มคุ้นๆ ใช่ครับ มันเริ่มเข้าสู่ในวันที่แอพฯสามารถสร้างออกมาเป็น Template ดั่งที่ตลาดเว็บเป็นอยู่ในขณะนี้แล้วนั่นเอง และสิ่งที่ขับเคลื่อนแอพฯเหล่านี้คือ Content ที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกันนั่นเอง


ถึงตรงนี้กะๆไว้ว่า 30% ของ Demand ที่จะเกิดขึ้นนับจากต้นปีหน้าเป็นต้นไป จะสามารถใช้เครื่องมือสำเร็จรูปสร้างได้หมด ส่วนอีก 70% (ซึ่งถือว่าเยอะอยู่) ยังจำเป็นต้องใช้โปรแกรมเมอร์ในการพัฒนาขึ้นมาอยู่ หากแต่ถ้าหลุด 30% นั้นมาแล้ว นั่นก็จะแปลว่าไม่สามารถใช้โปรแกรมเมอร์กากกาได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง


ถึงตอนนี้อาจจะยังมีเครื่องมือสำเร็จรูปที่ว่านี้ไม่มากนัก แต่ก็เริ่มมีให้เห็นอย่างน้อยก็ 3 ตัวละ และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสงครามที่สุดท้ายจะมีผู้ชนะอยู่ 2-3 ราย ที่เหลืออยู่รอดแต่ก็กระท่อนกระแท่น แต่กว่าจะสงครามนี้จะจบก็คงอีก 2 ปีหละ และใครก็ตามที่ชนะ จะโดนรายใหญ่อย่างกูเกิ้ลซื้อไปในที่สุด


สิ่งที่โปรแกรมเมอร์มือถือต้องปรับตัวหลังจากนี้คือ


- ต้องปรับปรุงฝีมือตัวเองให้ไม่ใช่แค่ทำเป็น แต่เป็นโปรแกรมเมอร์มีฝีมือ (จริงๆไม่ควรมาบอกเลย เป็นโปรแกรมเมอร์ต้องพัฒนาฝีมือตัวเองเรื่อยๆอยู่แล้ว) สุดท้ายการเขียนโปรแกรมบนมือถือจะเป็นสกิลพื้นฐานของโปรแกรมเมอร์ยุคถัดไป ทุกคนจะโดนผลักให้เขียนเป็นไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งในที่สุด เพราะ OS มือถือจะย้ายไปอยู่บน Wearable Device หลายๆตัว หนีไม่พ้น ทุกคนทำได้ จะสร้างความแตกต่างได้ยังไง จะโดดเด่นได้อย่างไร? นี่คือโจทย์

- ทำโปรดักส์ของตัวเอง แต่อย่าโฟกัสไปที่ End User มากเพราะมันเล่นยาก ให้เน้น Enterprise จะดีกว่า เพราะตลาดกำลังต้องการและขายได้หลายเจ้า ขายดีๆก็ได้เป็นสิบล้าน ตามภาษาธุรกิจคือเน้นตลาด B2B ดีกว่า B2C ตอนนี้ (ซึ่งก็ไม่เสมอไปหรอกนะ สุดท้ายแล้วแต่ Business Model และ Segmentation พวกนี้เป็นรายละเอียดลึกๆที่พูดเป็นวันก็ไม่จบ)

- หากต้องการทำแอพฯสำหรับ End User ให้ขี่ Platform ที่สร้างสำเร็จแล้วเช่น LINE/Facebook/Twitter/Instagram เป็นต้น เป็นโอกาสที่ดีมากที่แอพฯจะสำเร็จและติดตลาดง่ายๆ

- การรับจ้างทำจะอยู่รอดได้อีกไม่นานและไม่รวย หากบริษัทไหนไม่มีโปรดักส์เป็นของตัวเอง จะไม่สามารถอยู่ได้และตายจากใน 1-2 ปีจากนี้ ทางรอดคือมีโปรดักส์หรือไม่ก็ย้ายสายไปยังสายอื่น

- แอพฯมือถือที่จะอยู่ยั้งยืนยงได้ จำเป็นต้องทำงานด้าน Server ประกอบด้วย หากเป็นไปได้จงอัพสกิล Server ด้วย หากเป็นไปไม่ได้ หาคนทำ Server มาเข้าทีมสร้างความแข็งแกร่งเสีย

- สุดท้ายเครื่องมือสำเร็จรูปอาจจะกลายเป็นเครื่องมือในการช่วยหาเงินสำหรับนักพัฒนาก็ได้ รับ Requirement มา ลากวางๆ แล้วก็เก็บเงิน เย ... ปัญหาคือใครก็ทำได้นี่แหละ


ที่พิมพ์วันนี้ค่อนข้างคร่าวๆและไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก แต่ก็ค่อนข้างครอบคลุมสิ่งที่จะสื่อแล้วหละครับ มีโอกาสจะลง Details ทีละส่วนๆละกันเน้อ


อันนี้เป็น Slide ประกอบการพูดที่จุฬาฯเมื่อเดือนก่อน อาจจะดูไม่รู้เรื่องเพราะเน้นพูดมากกว่าในงานนั้น แต่ถ้าอ่านคร่าวๆก็จะพอเข้าใจครับว่าอะไรเป็นอะไรยังไงเมื่อไหร่ทำไม อัย อัย อัย อัย

จบครับกับการพยากรณ์ตลาด Mobile App จากนี้ โปรแกรมเมอร์ทั้งหลาย ปรับตัวด่วน ! สวัสดีก๊ะะะะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

May 3, 2013, 17:41
15957 views
เหตุใดต้นทุนการพัฒนาแอพฯ Android จึงแพงกว่า iOS
Sep 18, 2013, 14:50
12482 views
ตรวจเช็คคำทำนายตลาดมือถือปี 2013 ที่เขียนไว้ตอนต้นปี
0 Comment(s)
Loading