วันก่อนไป Pitch งาน AIS Startup Commercial Pitch มา สนุกสนานดี เป็นการ Pitch ภาษาอังกฤษครั้งแรกของชีวิต โดยตั้งใจไปเพื่อ "ล้มเหลวโดยสมบูรณ์" เนื่องจากห่างหายเวทีมานาน และสิ่งที่ต้องการไม่ใช่รางวัล หากแต่เป็น Connection แต่มันก็ไม่ราบรื่นซะทีเดียวหรอก เพราะสัปดาห์ที่แล้วงานเยอะมาก ไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย
พอปลายสัปดาห์เริ่มมีอาการไข้ แต่ณิชนำไปก่อน 1-0 ด้วยการป่วยหนักจนต้องไปเข้าห้องฉุกเฉินโรงบาล นั่งตรวจไข้หวัดใหญ่ 40 นาที สุดท้ายไม่ได้เป็น ทางหมอก็เลยบอกว่าคงเป็นไวรัสสักอย่าง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นไข้เลือดออกมั้ย แต่ดูจากอาการและสีหน้าของหมอแล้ว น่าจะเป็นไข้เลือดออกใน Severity ที่ไม่สูงมาก ส่วนเราอาการไม่ค่อยดีแต่ไม่ต้องถึงมือหมอ (กินยากดอาการไว้สองวัน)
จนวันเสาร์ ณิชหายดีเป็นปลิดทิ้ง เราตั้งใจจะเตรียม Present และซ้อมในวันนั้น ... ถูกฮะ เราป่วยหนัก อาการแย่ลงแบบ Exponential ตอนเช้ายังดีๆอยู่ แต่ตอนเที่ยงเริ่มไม่ไหว ต้องลงไปนอนบนโซฟาทั้งบ่าย ตกเย็นเดินไม่ได้ (แต่ก็ต้องเดินไปซื้อยากิน) ตกค่ำไข้ขึ้น 40 องศา ดูอาการแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรจริงๆ ไม่เคยเป็นอาการนี้ ที่แน่ๆไม่ใช่ไข้หวัด เพราะไม่มีน้ำมูกหรือเสมหะใดๆ เดาๆว่าไข้เลือดออกแหละ แต่ก็แค่เดา
สรุป ทั้งวันไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง อย่าว่าแต่ซ้อมเลย สไลด์ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งจากการพยายามฝืนมาตลอดวัน แต่ไม่ไหวจริงๆอ่ะ แต่ถ้าไปหาหมอก็เกรงจะโดน Admit จนไม่ได้ไป Pitch เลยกินยาไป 4 ขนาน แล้วนอนทันทีตั้งแต่ 1 ทุ่ม แบบว่าไม่ไหวแล้วววว (เดี๋ยวคงโดนด่าจากประโยคนี้ แหะๆ)
ตื่นมาเที่ยงคืน สุดที่รักซื้อข้าวต้มมาให้กิน แต่สติตอนนั้นไม่มีแล้ว Auto Pilot งงทุกอย่าง เหมือนเมายา (ก็อาจจะเมาจริงๆ) กินข้าวเสร็จ แปรงฟัน วัดไข้ ... 40 เท่าเดิม -0- เลยกินยาอีก แล้วนอนต่อ หลับภายใน 1 นาที
ตื่นมาอีกที เที่ยงวันอาทิตย์ ... ไข้หาย ! อาการกลับมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หายแบบปลิดทิ้ง ไม่ไอ ไม่ป่วย เหลืออาการเดียวคือตัวอ่อน ขาไม่มีแรง เดินไม่ค่อยได้ แต่โดยรวมแล้วสามารถทำสไลด์และซ้อมได้
จึงใช้เวลา 12 ชั่วโมงจากนั้น นั่งทำสไลด์ เขียนสคริปต์และซ้อมจนถึงตีหนึ่ง รวมแล้ว 50 รอบ จึงหลับไป ตื่นมาอีกทีตีห้าครึ่ง และพบว่า ... ร่างกายอ่อนแอลง แต่ไม่ได้ละ มี Pitch ตอน 10 โมง ก็เลยอาบน้ำและเดินทางออกไปออฟฟิศในสภาพมึนๆงงๆ
ตั้งใจจะซ้อมที่ออฟฟิศอีก 20 รอบ แต่ ... ไฟดับจ๊ะ เลยซ้อมได้อีกแค่ 10 รอบ แล้วก็เก็บของไปนั่งรอที่โรงแรมที่จัดงานแต่เช้าตรู่
เช้านั้นไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรเพราะซ้อมมาเยอะแล้ว แต่พยายามทำตัวผ่อนคลายเพื่อกดอาการป่วยไว้ มีเวลา Pitch แค่ 5 นาทีเท่านั้น ห้ามพลาด
ตัดไปจนถึงช่วงเวลา Pitch เลยละกัน เราก็เข้าไป Pitch อาการตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้น 20% ทันที ผนวกกับอาการป่วยที่เพิ่มขึ้น 50% ตอนนั้นกลับสู่สถานะ "เมา" และ "มึน" เรียกว่าซวยมากจริงๆอ่ะ อาการทรุดลงได้ถูกเวลา โชคดีที่ทำสคริปต์ไว้และซ้อมเยอะ เลยทำออกมาได้เนียนๆ (ถามจากคนที่ฟัง เค้าบอกว่าไม่รู้ว่าป่วยอยู่) เค้าให้เวลา 5 นาที เราใช้ไปเท่าไหร่รู้มั้ย ... 4:59.10 นาทีจ้าาา เอิ๊กๆ สรุปแล้ว ความพึงพอใจทำออกมาได้ 90%
จบงาน ไม่ได้รางวัล แต่ "มีคนให้ความสนใจเยอะมาก" มีคนเดินเข้ามาถาม ขอข้อมูล ขอโบรชัวร์ เอกสาร ฯลฯ แต่น่าเสียดายที่เราไม่ไหว จึงไม่มีแรงไปคุยกับใคร อยู่ต่อจนทานข้าวเที่ยงและถ่ายรูปรวม แล้วก็กลับไปพักที่ห้องเพื่อรองานตอนเย็น น่าเสียดายโอกาสเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ไหวจริงๆนี่นา
พักที่ห้องได้ไม่นานก็ต้องออกไปงานตอนเย็นต่อ (จริงๆไม่ได้พักเลย เพราะนอนไม่หลับ ไม่สบายตัว) ไปถึงที่งาน ต้องใช้ร่มยันตัวไม่ให้ล้ม เดินแบบไม่มีแรงขา แต่ไม่อยากพลาดโอกาสเลยไปร่วมแจมงานด้วย ได้คุยกับคนหลายคนเหมือนกัน จนจบงานก็แว้บไปกินข้าวกับที่รัก โทษฐานครบรอบ 4 ปีที่กินข้าวด้วยกันมื้อแรก โดยไปนั่งกินที่ร้านเก่าร้านเดิม
บรรยากาศการกินก็ดี โต๊ะซ้ายคุยเรื่องมือถือแอนดรอยด์และบอกว่าไม่คิดจะใช้ไอโฟน ส่วนโต๊ะขวาชมไอโฟนตลอดเวลา สนุกอย่างยิ่ง ทำไมโชคชะตามันช่างเหมาะเหม็ง ได้ตำแหน่งที่ดีชะมัด 555
ก็เป็นมื้ออาหารที่มีความสุขดี ได้รำลึกความหลัง วันดีๆ ชีวิตดีๆ ความสุขที่มี อิจฉาตัวเอง ... เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของคนป่วยเลยทีเดียว
หลังจากจบงาน ตอนเย็นปรากฎว่ามีชาวต่างชาติอีเมลมาบอกว่า "สนใจ MOLOME อยากได้รายละเอียดเพิ่ม ช่วยส่งให้หน่อยสิ" กลายเป็นว่าที่ไม่คิดไม่คาดหวังว่าจะได้อะไรเลย แค่อยากลองดูว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไร อยากรู้จักคนเพิ่ม กลับได้สิ่งที่ไม่ได้คาดหวังไว้ซะงั้น ตอนนี้ก็ Go on กับเรื่องนี้กันต่อไปอยู่ และมันพ่วงมาด้วยโอกาสที่จะได้ไปร่วมงานที่ต่างประเทศด้วย ยังไงถ้าได้โอกาสนั้นจะมาเล่าให้ฟังอีกที
เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที มีคนติดต่อเข้ามาในหลายๆวิธี สร้างโอกาสที่ไม่คิดว่าจะได้ขึ้นมาเยอะมาก กับแค่การไป Pitch อย่างล้มเหลวด้วยเวลา 5 นาที + ตอบคำถามแบบไม่พร้อมสุดๆ 5 นาที
ชอบ Quote ที่น้อง Tuner เม้นท์ไว้
"Know how ไม่สำคัญเท่า Know who"
นี่แหละครับ ชีวิตธุรกิจ Connection สำคัญเสมอ =)
ก็ฝากถึงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ Pitch ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เข้าถึงคนที่ปกติเข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ สร้างโอกาสที่ไม่ได้หาเจอกันบ่อยๆ มีโอกาสก็ไป Pitch กันนะครับ อย่าพลาดโอกาสดีๆไป มีพี่คนนึงบอกมาว่า "เค้าไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณ Pitch ดีไม่ดี เค้าสนใจที่ Concept งานคุณมากกว่า นั่นคือหัวใจ"
สุดท้ายก็ขอขอบคุณ AIS ที่จัดงาน Pitch ขึ้นมา เป็น Role Model ให้คนอื่นๆทำตามอีกหลายเจ้า ได้ยินแว่วๆว่าจะมีงานแบบนี้ตามออกมาเรื่อยๆ
ส่วนอาการป่วย ยังไม่หาย ทรุดลงอีกแล้ว ขอตัวไปรักษาตัวก่อนหละค้าบบบบ แหะๆ แว้บบบบ