"มีเพื่อนดี คนเดียว ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา..."
เลิกการแบกคอมพ์ไปมา ฝากชีวิตไว้บน Cloud
3 May 2013 14:18   [6112 views]

อายุอานามก็ใกล้ 30 เข้าไปทุกที อีกปีกว่าๆก็จะถึงเลข 3 แล้ว แต่ชีวิตยังคงดำรงเป็นโปรแกรมเมอร์กากๆอยู่เหมือนเดิม แบกคอมพ์ MacBook Pro 17 นิ้ว ไปกลับออฟฟิศทุกวันจนไม่วายต้องซื้อคอนโดในเมืองเพื่อลดระยะการเดินทางและบรรเทาความเมื่อยล้า(และจริงๆอยากลงทุนเองด้วย) แต่สุขภาพทุกอย่างก็ยังแย่ลงจากความเหนื่อยสะสมและอายุ ขนาดแค่ 3 สถานียังแบกคอมพ์มาไม่ไหว จนตอนนี้แค่คิดจะเก็บคอมพ์ลงกระเป๋ายังลำบากใจ ไหนจะต้องม้วนเก็บสาย ไหนจะต้องเก็บเม้าส์และคีย์บอร์ด (คีย์บอร์ดมันพัง ต้องซื้อมาต่อแยก) อาการตอนนี้เหมือนคนอายุสัก 50 หนะ เพียงแต่อายุจริงๆคือ 28 ปีกว่าๆ


ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงต้องลดทุกสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงานลง ถ้ามันเหนื่อยจากการเดินทางนัก ก็ไม่ต้องแบกคอมพ์ ! จึงตัดสินใจซื้อ PC มาตั้งที่ออฟฟิศหนึ่งเครื่องถ้วน ราคาเบาๆสองหมื่นต้นๆ เท่าๆกับมือถือ Smartphone High End สักเครื่องนึง แต่อันนี้รู้สึกคุ้มกว่ามาก ... และนี่มันยุค Post PC ใช่มั้ย? ได้ ได้ ได้ งั้นเราขอถ่ายรูปแล้ว Post PC เรามาให้ดูละกัน ! (เอ๊ะ มันความหมายเดียวกันป่ะ Post PC เนี่ย)

ใช้เวลาตัดสินใจซื้อคอมพ์เครื่องนี้เพียง 6 เดือนเท่านั้นเอ๊ง จริงๆจะซื้อนานแล้วแต่ติดโน่นติดนี่ ต้องหาคำตอบให้ตัวเองก่อนแป๊บนึง จนวันก่อนใช้อารมณ์ ทนไม่ไหว ค้นหาข้อมูล Benchmark CPU, RAM, HDD, การ์ดจอ ฯลฯ เป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง แล้วสั่งไปทาง Hardware House เลย !


เช็คของโน่นนี่สองวัน แล้วก็ถือโอกาสวันแรงงาน ไปแบกมาจาก Fortune แล้วมาติดตั้งที่ออฟฟิศ วันนั้นกว่าจะกลับบ้านก็สี่ทุ่ม หะหะ วันหยุดที่มาทำงาน ชิว ชิว

ราคาสองหมื่นต้นๆนี้สเปคก็เบาๆ อุอุ ตามนี้เลย


Mainboard:
ASUS P8Z77-M Intel Z77

CPU: Intel Core-i7 3770K 3.5GHz

RAM: G.Skill DDR3 8GB 2400 MHz

HDD: WD Black 1TB 7200rpm

Optical Drive: Samsung DVD-RW 24X

Case+Power Supply: GView 550W

WiFi USB: DLINK


ซึ่งถามว่าตอนสั่งแต่ละอันเลือกจากอะไร? อย่างแรกที่เลือกคือ CPU ตัว i7 3770K ที่ได้ Benchmark ค่อนข้างสูงในราคาที่ค่อนข้างย่อมเยาว์ และการมีตัว K ก็ทำให้ Overclock ได้อีก แลกกับการไม่สนับสนุน VT-d


จากนั้นก็เลือกเมนบอร์ดตาม Socket ของ 3770K โดยดูจากพวกพอร์ตที่มีให้และสนับสนุนบัสแรมสูงสุดที่เท่าไหร่ แล้วก็เลือกแรมตามเมนบอร์ด โดยดู Benchmark จากเว็บนอกว่าตัวไหนประสิทธิภาพดีและราคาคุ้มค่ากว่ากัน


ฮาร์ดดิสก์เลือกด้วยอารมณ์ล้วนๆ ไม่ได้ดูอะไร ใจจริงอยากได้ SSD แต่สู้ราคาไม่ไหว กระซิกๆ


ตอนยืนรอเค้าประกอบเค้าก็บอกว่า "RAM เทพเลยนะเนี่ย หาคนใส่ไม่ได้ง่ายๆนะ" "โหว Harddisk Black เลยหรอ เทพมาก" ซึ่งตัวเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ได้แต่ยิ้มๆ ตอนเลือกก็เลือกแบบใจเร็วด่วนได้อ่ะนะ หะหะ


และสุดท้ายเราก็มี PC เป็นของตัวเองเครื่องแรกในรอบสิบปี ...


ชีวิตที่เปลี่ยนไป ฝากชีวิตไว้บน Cloud

ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่ามีคอมพ์อยู่บ้านเครื่องนึง มีคอมพ์อยู่ออฟฟิศอีกเครื่องนึง เวลาไปออฟฟิศก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กๆเดินตัวปลิวมาได้ เช่นเดียวกับตอนเดิมกลับ ผ่านไปสองวันละ ชีวิตดีขึ้นพอสมควร


เกิดคำถามว่าแล้วเราจะ Sync ข้อมูลงานในสองเครื่องอย่างไร? อันนี้โชคดีที่บริษัทวางระบบ "ฝากชีวิตไว้บน Cloud" ไว้นานแล้ว คือพวกเอกสาร/Resources/Assets ต่างๆก็จะ Sync เก็บไว้ใน Dropbox ส่วน Source Code ก็ฝากไว้บน Git Server ที่ทำขึ้นมาเองอยู่บน Cloud และตอนทำ Word/Powerpoint ก็ใช้ Microsoft Office 2013 ซิงก์เข้า SkyDrive ง่ายๆสบายๆ ส่วนที่เป็นข้อมูลส่วนตัวจำนวนมหาศาลก็ก็อปใส่ External Harddisk แล้วเอามาแปะโป้ง จบ (ใช้เวลาครึ่งวันสำหรับ Developer ที่ใช้ Eclipse เยอะอย่างเรา เพราะไฟล์ยิบย่อยในโปรเจคและ Git มันเยอะจัด เลยก็อปช้า)


ซึ่งการ Migrate ข้อมูลครั้งนี้ทำให้รู้ว่า Dropbox มันรับส่งข้อมูลช้าเหลือเกิน ติดอยู่ที่ราวๆ 100 kB/s เท่านั้น นี่เลยใช้วิธีก็อปปี้โฟลเดอร์ Dropbox ของเครื่องเก่ามาแปะก่อน Sync ก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ถึงกระนั้นแล้ว ตอนนี้ผ่านไปสองวัน มันก็ยังขึ้นว่า ...

เลยเกิดความรู้สึกจากใจว่าการฝากชีวิตไว้บน Cloud แต่ยังมี Limitation เรื่อง Bandwidth อยู่อย่างนี้ มันก็ฝากชีวิตไว้แบบจริงๆจังๆยังไม่ได้หรอก นี่ถ้ามีคนทำบริการ Private Cloud Storage ในไทย จะย้ายไปใช้ทันทีไม่รีรอเลยหละ ... ใช้ข้อดีของประเทศที่ Bandwidth Domestic ถูกระดับโลกกกกให้เกิดประโยชน์ (ได้ยินว่ามีแล้ว แต่ยังหวั่นๆอยู่)


ตอนนี้การ Migrate ก็ทำเสร็จแล้ว เหลือแค่รอให้ Dropbox มัน Sync เสร็จเท่านั้น ส่วนต่อจากนี้ก็คือการทำงานระหว่างเครื่องสองเครื่องอย่างสมบูรณ์แบบ


ถ้ามีไฟล์เล็กน้อยๆต้องการ Sync ระหว่างสองเครื่องก็โยนขึ้น Dropbox/SkyDrive แล้วไปรอรับที่เครื่องปลายทาง แต่หากไฟล์ใหญ่มากเช่น SDK Installer ก็อาศัยวิธ๊เก่าๆ ก็อปใส่ External Harddisk ไป เพราะ Sync ขึ้น Cloud คงไม่ไหวกระมัง ... (ก็ยังบอกว่าฝากชีวิตไว้กับ Cloud เต็มตัวไม่ได้สินะ)


หากจะ Sync โปรเจคงานระหว่างสองเครื่อง ก็ใช้บริการ Git ทันที Merge ให้ Versioning ให้ ทำอะไรให้ทุกอย่าง สะดวกจนน้ำตาจะไหล


ถ้าทำ Word หรือ Presentation ตอนนี้ทุกไฟล์ก็จะสั่งเซฟลง SkyDrive อย่างไม่ลังเล เพราะมัน Sync ได้ "ฉลาดมาก" ไม่ใช่แค่ Sync ไฟล์นะ ตัว Office ยังเรียนรู้ว่า Recent Documents คืออะไรอีกด้วย นอกจากนั้นยัง Sync เข้ากับ Lumia 920 สุดเลิฟของเราได้อีกต่างหาก


การฝากชีวิตไว้บน Cloud ยังไม่จบแค่นั้น ตอนนี้เวลาถ่ายรูปก็จะสั่งให้มัน Upload ขึ้น DropBox อัตโนมัติอีกด้วย เพื่อที่จะเอารูปนั้นไปใช้ใน Device อื่นได้ทันที ส่วนบน Windows Phone ก็ให้มัน Upload ขึ้น SkyDrive ไป


ณ ตอนนี้ชีวิตดีขึ้น รู้สึกอยากทำงานมากขึ้น สมองโล่งขึ้น และยังติดหนี้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ก็หวังว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะ


อ้อ ... หลังจากสั่งประกอบไป 1 วัน ล่าสุด Intel ก็เปิดตัว Core i7 4th Gen ประสิทธิภาพดีกว่าเดิมมหาศาลเป็นที่เรียบร้อย ... บัดซบ!

อ้อ ... ยังไม่หมด พอซื้อคอมพ์เสร็จ บอกณิชว่า "ดีจัง จากนี้ไม่ต้องแบกคอมพ์ไปทำงานแล้ว" ณิชก็ตอบกลับมาทันทีว่า "ดีจัง จากนี้ณิชไม่ต้องแบกคอมพ์ไปทำงานแล้ว"

บทความที่เกี่ยวข้อง

Sep 15, 2013, 19:21
14499 views
ลองเล่น Instagram วันที่สอง รอบนี้สำหรับวีดีโอ
Jan 4, 2013, 15:10
19798 views
Ubuntu for Phone กับอนาคตที่ลำบาก
0 Comment(s)
Loading