Startup Startup Startup คำคำนี้ได้ยินบ่อยเหลือเกินในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณหลายๆท่านที่ช่วยกันผลักดันจนเกิดกระแสนี้ให้คนได้รู้จักอย่างแพร่หลาย
สำหรับคนที่ไม่รู้จักว่า Startup คืออะไร มันคือชื่อเรียกบริษัทเกิดใหม่ไฟแรงที่พร้อมจะสร้างโปรดักส์เพื่อสร้างรายได้ เตรียมเป็นผู้ประกอบการใหญ่น้อยตามความสามารถ
ซึ่งแน่นอน การจะทำโปรดักส์ใดๆได้นั้น จำต้องมีเงินลงทุน ซึ่งเงินเหล่านี้ก็จะมาจาก Investor ต่างๆที่มีอยู่มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Angel หรือ VC เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย ถึงแม้นักพัฒนาจะมีฝีมือไม่น้อยหน้าประเทศอื่นในโลก แต่ Startup กลับไม่ค่อยเกิดเพราะสาเหตุง่ายๆแต่น่าเศร้าใจคือ "ประเทศเราไม่ค่อยมี Angel หรือ VC เลย" ผลคือปัญหาระหว่างทางมีเยอะมาก บางคนเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ก็อาจจะท้อเลิกทำไปเลย บางคนอาจจะต้องรับงานมาเพื่อหมุนเงินไปทำโปรดักส์อีกที ซึ่งจะทำให้ไม่มีเวลาไปทำโปรดักส์นั้นๆมากเท่าที่ควร หากฟิตหน่อยอาจจะทันการณ์ออกมาสำเร็จได้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ทัน ก็คือเจ๊ง เงินทั้งหมดที่หามาหมุนก็ละลายไปกับการทำโปรดักส์(ที่ไม่สำเร็จเพราะไม่มีเวลาให้มัน)
แต่เหมือนชะตาจะเริ่มเข้าข้างนักพัฒนาชาวไทยบ้างแล้ว เมื่อ Operator เจ้าใหญ่ๆอย่าง AIS และ DTAC เริ่มทำตัวเป็น Investor เข้ามาเล่นกับ Startup ทางด้าน Mobile Application อย่างเต็มตัว เปิดเป็นโครงการสองตัวชื่อ AIS Startup และ DTAC Accelerate ตามลำดับ เราจึงขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักโครงการดีๆทั้งสองนี้ เผื่อท่านๆจะมีผลงานที่อยากทำในใจแล้ว แต่ไม่รู้จะหาเงินทุนที่ไหน ... ที่นี่แหละ โอกาสของคุณมาแล้ว
AIS Startup
งานนี้ไม่ได้ไปร่วมด้วย เพราะเค้าไม่เชิญ (ซึ่งปกติถึงไม่เชิญก็จะไป แต่ครั้งนี้ไม่รู้เลยว่ามี เลยอด) แต่ส่วนตัวต้องบอกว่าสนใจมาก เพราะเป็นโครงการแรกๆของไทยเลยมั้งที่ทำด้าน Startup อย่างเต็มตัว ด้วยเม็ดเงินที่ค่อนข้างเยอะมาก เพราะ Singtel บริษัทแม่ของ AIS Intouch เงินเหลือ เลยขอใช้เงินนี้มาลงทุนกับ Startup ทั่วโลก และได้แบ่งมาที่ไทยจำนวนหนึ่ง เกิดเป็นโครงการ AIS Startup เริ่มต้นตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนีก็จัดอีกครั้งเป็นครั้งที่สองแล้วจ้าาาา
ซึ่งวีดีโอตัวนี้ก็ทำให้รู้ว่าสังคม Mobile App Dev เมืองไทยมันเล็กแค่ไหน เพราะวีดีโอด้านบนนี้เรารู้จักเป็นการส่วนตัวไปซะ 4 จาก 5 คน แถมคนทำวีดีโอเราก็รู้จักอีกตะหาก อื้มมม สังคมมันเล็กจริงๆนะงานด้านนี้
ปีที่แล้วมี Success Case ให้ดูอยู่หลายตัวจากโครงการนี้ แต่ตัวที่เป็น Startup จริงๆและเข้าตามีอยู่สองตัวคือ Got it และ ShopSpot ซึ่งตัวหลังหลายๆคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะเพิ่ง Raise Funding ไปได้ 20 ล้านบาทจาก VC สององค์กรที่สิงคโปร์ ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกๆของบริษัทไทย(ที่เปิดเผยนาม)อีกเช่นกันที่สามารถ Raise Funding ได้ ส่วนตัวแรก Got it ตอนนี้ก็เป็นโปรดักส์ด้านคูปองที่ใช้งานได้จริงและมีคนใช้เยอะพอควร
AIS ให้คำนิยามของงานนี้ไว้ได้สั้นๆแต่น่าประทับใจว่า "Fast Track to be entrepreneur" หรือ "ทางลัดสู่การเป็นผู้ประกอบการ" ต้องชื่นชมคนตั้งนิยามนี้ไว้ และนั่นเป็น Mission ที่ชัดเจนมากของโครงการ หากคุณมุ่งมั่นที่จะทำโปรดักส์อะไรเพื่อกวาดรายได้เข้ากระเป๋าแล้วหละก็ งาน AIS Startup เป็นงานที่น่าสนใจและคุณควรจะเข้าร่วมเป็นอย่างยิ่งครับ นี่คือ Roadmap ของงานนี้ ออกจะกระชั้นนิดหน่อยเพราะรอบแรกปิดรับสมัคร 17 มีนาคมนี้แล้ว
สนใจเชิญกดสมัครโดยพลัน เว็บไซต์โครงการคือ http://www.ais.co.th/thestartup/ คร้าบผมมมม
DTAC Accelerate
งานนี้ไปร่วมด้วยตัวเองมา เพราะแค้นใจที่ AIS ไม่ยอมเชิญไปงาน AIS Startup (ล้อเล่นนะค้าบบบ) ซึ่งคำที่หลอกล่อเนยไปร่วมงานนี้ได้ มีแค่สองคำครับ "Silicon" และ "Valley"
งานนี้เป็นงานแบบเดียวกับ AIS Startup ทุกประการ หากแต่คนลีดงานนี้เหมือนจะไม่ใช่บริษัทแม่อย่าง Telenor แต่เป็นตัวพี่กระทิง(ในนามดีแทค)เอง (รู้จักพี่กระทิงกันทุกคนอยู่แล้วมั้งงิ?) ซึ่งจุดขายของโครงการนี้ต้องบอกว่าทำให้เราสนใจเป็นอย่างมาก ตลอด 1 ชั่วโมงที่นั่งฟัง เรียกได้ว่าเคลิ้มตามไปทุกอย่าง โดย DTAC ชูจุดขายของโครงการนี้ว่า "ใครชนะจะได้ไป Silicon Valley"
อย่างที่คงทราบกันดีกว่า Silicon Valley เป็นแหล่งบ่มเพาะ Startup ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทั้งผู้มีพรสวรรค์และนักลงทุนทั้งหลายล้วนอยู่ที่นั่น คำว่า "ใครชนะได้ไป Silicon Valley" ก็เหมือนกับบอกว่า "ใครชนะก็เตรียมตัวเกิดได้"
โดยคนที่ทาง DTAC จับมือด้วยคือเจ้าของบริษัท BlackBox ที่เป็น Accelerator อยู่ที่ซานฟรานฯ จะบินมาเป็นกรรมการตัดสินในไทยด้วย และถ้าใครชนะก็จะได้เป็น 1 ใน 12 คนจากทั่วโลกที่ได้ไปอบรมใน Accelerator ที่นั่น
ทั้งนี้ DTAC Accelerate เป็นชื่อโครงการระยะยาว จะจัดอีกหลายครั้ง ซึ่งครั้งแรกนี้มีชื่อว่า Wizard of Apps เฟ้นหาแอพฯมือถือที่จะเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนชีวิตของคนทั่วโลกได้ อย่างที่หลายๆแอพฯได้ทำได้มาแล้ว
ส่วนเว็บโครงการคือ http://dtac.co.th/dtac-accelerate จ้าาา
เปรียบเทียบ AIS Startup และ DTAC Accelerate
คร่าวๆคือ งาน AIS Startup จะเป็นที่ดูเป็นเอเชียหน่อย เพราะ Host หลักคือ Singtel และจากปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าโครงการเน้นเอเชียจริงๆ เพราะอย่างเจ้าของ ShopSpot ก็ต้องบินไปบินกลับสิงคโปร์ทุกเดือน และผลงานก็จะเน้นไปอยู่ในภูมิภาคนี้ (ซึ่งเอาจริงๆตอนนี้ทุกผลงานก็ยังโฟกัสอยู่แค่ในไทย ยังไม่ได้ขยายออกไปนอกประเทศ)
ส่วน DTAC Accelerate ถึงจะจัดเป็นปีแรก แต่พี่กระทิงจัดเต็มค่อนข้างมาก เพราะพาไปถึง Silicon Valley เลย ถึงจะไปอยู่แค่ Accelerator ไม่ใช่ไปคุยกับ Investor เลย แต่จริงๆแล้วค่าย Accelerator นี่แหละที่จะช่วยให้เราได้เจอกับ Investor ตัวเป็นๆ สร้าง Connection ดีๆได้มหาศาล
หากเทียบตรงจุดนี้ DTAC Accelerate เซ็กซี่กว่ามากๆครับ เพราะดูแล้วจะมองไปไกลกว่า
อย่างไรก็ตาม โบราณว่าไว้ นกน้อยทำรังแต่พอตัว การที่เราโลภไปโฟกัสสเกลโลก แต่จริงๆผลงานมันเหมาะกับเอเชีย ผลก็อาจจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังติงได้ เพราะแทนที่จะร่ำจะรวย ก็จะกลายเป็นเฟลกันไป ดังนั้นอย่าไปมองว่าใครพาเราไปไหน แต่ต้องมองว่าใครจะพาเราไปหาคนที่เหมาะกับการเติบโตของผลงานเราได้ดีที่สุดครับ
มองอีกมุมนึง ถ้าพูดถึงจำนวนแล้ว AIS Startup เหมือนจะพาไปหลายคนกว่า อาจจะมีผู้ชนะสัก 5 ทีม ก็ไปเสี่ยงดวงกันต่อที่สิงคโปร์ แต่ DTAC Accelerate ก็เสี่ยงหน่อย เพราะรางวัลใหญ่มีแค่รางวัลเดียว ที่เหลือก็จะได้เป็นการสนับสนุนอย่างโน้นอย่างนี้ซะส่วนใหญ่
พูดถึง AIS Startup สักหน่อย จากผลงานปีที่แล้ว ส่วนตัวรู้สึกค่อนข้าง Doubt กับวิสัยทัศน์การลงทุนของด้าน AIS เล็กน้อยครับ (ขอออกตัวก่อนว่าเราแค่ไม่เข้าใจ ไม่มั่นใจ เพราะยังไม่ได้ศึกษาลงลึก ไม่ใช่ AIS ทำไม่ดี) เพราะเหมือนงานที่โดดเด่นหลายตัว กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่มันควรจะเป็น ทั้งๆที่อยู่ในมือของ AIS ผู้เป็น Operator รายใหญ่ของไทย ทำให้คนที่เฝ้าดูผลงานของน้องๆค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างเรา รู้สึกสงสัยว่า AIS เอาจริงแค่ไหนกันแน่ กลัวว่าจะเป็นแค่การเอาเงินมาลงตามนโยบายทางด้านเงินของบริษัทแม่เฉยๆจริงๆ (อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่อย่าง Singtel นั้นเอาจริง เพราะเห็นผลการทำงานออกมาชัดเจนแล้ว) แต่ถึงกระนั้นก็ขอออกตัวว่ายังสนับสนุนให้คนเข้าร่วมโครงการอยู่นะ เพราะโอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนักหรอก
สิ่งสำคัญของการเป็น Startup
ทิ้งท้ายด้วยหนทางการเป็น Startup ที่ดี จริงๆแล้วองค์ประกอบมีไม่มากหรอก สามอย่างให้ไว้
1) ทีมที่พร้อม
2) Business Model และ ROI ที่ชัดเจน
3) เงินทุน
สามสิ่งนี้สำคัญเท่ากันหมด หากขาดทีม ผลงานไม่มีทางเกิด หากขาด Business Model อนาคตไม่มีคำว่ารายได้ มีแต่หนี้ หากขาดเงินทุน คุณก็เหมือนคนขาดวิตามิน อ่อนแอ ไม่แข็งแรง ไม่มีตัวคอยสนับสนุนให้ทำงานลุล่วงไปได้
สำหรับอย่างที่ 3 เป็นสิ่งที่เราต้องวิ่งหา แต่สองอย่างแรกเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อม หากสองอย่างแรกยังทำออกมาไม่ชัด ผมบอกได้เลย ส่งไปยังไงก็โดน Reject
เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว จัดทั้งสองอย่างที่เราควบคุมได้นี้ให้เรียบร้อย "ทีม" นั้นต้องเป็นทีมจริงๆ ไม่ใช่การรวมตัวกันของคน แต่เป็นการรวม "ใจ" กันของคน ทุกคนต้องมีใจ ทุกคนต้องรักผลงาน อย่าเริ่มทีมเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ จงเริ่มทีมเพื่อเห็นแก่การเติบโตร่วมกัน
เมื่อได้ทีมแล้ว นั่งคิด Business Model ของโปรดักส์ที่จะทำให้ชัดเจน คิดให้รอบคอบ ลูกค้าคุณคือใคร รายได้ต่อเดือนที่จะได้อยู่ที่เท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ฯลฯ หากสงสัยอะไร ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสีย แล้วร่างออกมาเป็น Business Plan ให้สวยงาม เท่านี้ นักลงทุนก็จะอ้าแขนรับคุณแล้วครับ
รอดูผลงานดีๆจากทุกท่านอยู่นะจ๊ะ จ๊วบบบบส์ !