ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา อาการแพ้อากาศค่อยๆกำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่อาจจะเคยเห็นเราบ่นๆใน Blog นี้อยู่บ้าง ซึ่งการแพ้อากาศพักหลังหนักในระดับที่ "ไม่สามารถใช้ชีวิตได้" ก็คือ น้ำมูกไหลจมูกตันเป็นเวลา 90% ของวัน จามวันละ 300 ครั้งโดยเฉลี่ย และวันไหนจามเยอะกว่าปกติก็จะหอบหืดกำเริบ ซึ่งแน่นอน ลองหลับตาคิดถึงคนที่จามวันละ 300 ครั้งดู ... แค่คิดก็เหนื่อยแล้วป่ะ ใช่แล้ว ชีวิตคนที่เป็นอ่ะเหนื่อยกว่าที่คุณคิดอีกหลายเท่านัก สุดท้ายคือทำงานไม่ได้ครับ Productivity ตกต่ำ จิตใจห่อเหี่ยว เรียกสั้นๆว่าชีวิต "บัดซบ" ไปเลยนั่นเอง
เมื่อสัก 4-5 เดือนที่แล้วเลยทนไม่ไหว ขอลางานแว้บไปหาหมอที่บำรุงราษฎร์แบบ Walk In ซึ่งก็โชคดีที่คิวไม่ยาวมาก ประมาณ 15 คนเท่านั้นเอง (ห่าน) นั่งรอไป 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ แต่เราไม่ย่อท้อฮะ เพราะตอนนั้นไม่ไหวแล้ว ให้รอสามวันก็รอได้
สุดท้ายก็ได้เข้าไปตรวจ เจอคุณหมอหน้าตาใจดีอายุราว 54 ปี เห็นจะได้ ถามไถ่อาการเราว่าเราเป็นอะไรมา ซึ่งโรคนี้ค่อนข้าง Sensitive เพราะหลายคนคิดว่าตัวเองแพ้อากาศ แต่จริงๆแล้วแค่จามธรรมดา เราก็เลยเล่าอาการให้หมอฟังโดยละเอียด ซึ่งตอนแรกๆเหมือนหมอจะไม่เชื่อว่าเราเป็นโรคแพ้อากาศ (เพราะไม่เคยตรวจ) แต่พอเล่าอาการไปจนจบ หมอก็พาขึ้นเก้าอี้ตรวจ (น่ากลัวกว่าเตียงทำฟันอีกขอบอก)
เสร็จแล้วหมอก็เอาไฟส่องจมูก แล้วก็บอกให้พยาบาลเอา Sucker มา ตอนแรกงงๆ จะเอาฟุตบอลมาทำไมฟระ (แพ้อากาศ หูอื้อ ได้ยินผิดเป็น Soccer ไรงี้) มารู้อีกทีก็ตอนโดนยัดจมูกแล้วดูดน้ำมูกที่ไหลไม่หยุดออกไปจนหมดภายในเวลา 3 วินาที ... จมูกโล่งครั้งแรกในรอบ 3 ปี กรี้ดดดดดดดดดดดดดด !!! แทบจะถามหมอว่าซื้อที่ไหน ต้องการมากกก
แล้วหมอก็เอาอะไรมาพ่นๆในจมูกไม่รู้ แล้วก็เอายามาทา แล้วก็พ่นๆ แล้วก็ทำอะไรอีกสารพัดไม่รู้ ผ่านไป 10 นาทีได้ หมอก็ส่องไฟแล้วก็ให้มานั่งฟังสรุปผลการตรวจ
หมอสรุปฟันธงว่าเราเป็น "โรคแพ้อากาศ" จริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง และที่พักหลังน้ำมูกไหลไม่หยุดเพราะอาการมันหนักจนโพรงจมูกอักเสบ เริ่มเห็นเส้นหนองในโพรงจมูกแล้ว หมอเลยให้ยามาสองขนานคือ ยาแก้อักเสบ เพื่อให้อาการอักเสบหายไป และ ยาแก้แพ้ เพื่อให้หยุดน้ำมูกไหลหยุดจามสักที
ซึ่งหมอก็สรุปต่อให้อีกคือ วิธีที่ถูกต้องของคนแพ้อากาศคือต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราแพ้ แต่ปรากฎว่าเราแพ้อากาศกรุงเทพ! (แทบไม่เคยมีอาการนี้ตอนอยู่นอกกรุงเทพฯ) ครั้นจะหนีไปอยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ถึงอยากทำก็ทำไม่ได้ หมอเลยบอกว่าเราคงต้องอยู่กับโรคนี้ไปจนตายนะ และ วิธีที่จะทำให้เราอยู่ได้โดยไม่ทรมานก็คือต้องกินยาแก้แพ้ไปเรื่อยๆ
และเป็นที่น่ามหัศจรรย์มาก แค่กินยาแก้แพ้เม็ดแรกเข้าไป 3 นาทีถัดไปน้ำมูกก็หายหมดและหยุดจามในทันที กรี้ดด
ตอนนี้เหมือนได้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่เหนื่อยกับการจาม ชีวิตที่ไม่ต้องคอยวิ่งเข้าห้องน้ำทุกสามนาทีเพื่อสั่งน้ำมูก ชีวิตที่ไม่ต้องหอบหืดเหมือนคนจะตาย แต่ชีวิตนี้ได้มาด้วยการ "กินยา" และยาที่หมอจ่ายให้คือตัวนี้ Xyzal ยาแก้แพ้จากนอก
ก่อนหน้านี้เนยกินยาตระกูล Zensil เม็ดละ 5 บาท แต่กินได้แป๊บนึงก็ดื้อยา ตอนนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่หาย ส่วน Xyzal ราคาแพงขึ้นมาหน่อย ... เม็ดละ 20 บาท ! แต่กินแล้วหายทันที หายฉับพลัน ทุกวันนี้เลยต้องกิน Xyzal เรื่อยๆ เฉลี่ย 3 วันครั้ง
ชีวิตจากนี้คงดีขึ้น ไม่ต้องมาเหนื่อยและหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ใช้ชีวิตได้เต็มที่กับสิ่งที่ต้องทำและอยากทำ แต่ขอร้อง ... ยาตัวนี้อย่าเลิกผลิตหรือเลิกนำเข้านะ ไม่งั้นเราคงจะกลับไปเป็นแป้งเปียกอีกรอบนึง - -
แต่ก็รู้สึกแย่เล็กๆนะ ที่ชีวิตอยู่ได้ด้วยยา ใจจริงไม่อยากเลย แต่ทำยังไงได้ ร่างกายมันอ่อนแอ และก็ต้องทำงานที่กรุงเทพฯไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสคงจะย้ายไปอยู่ในที่ที่อากาศดีๆและหยุดยาซะ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้เมื่อไหร่ =)