"เวลามีค่ามากกว่าเงิน"
รีวิว Lumia 800 ฉบับเต็ม
29 Apr 2012 23:07   [20198 views]

ทิ้งช่วงไปนานสำหรับการรีวิว Lumia 800 เหตุผลครั้งนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา แต่เพราะ 1) ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรีวิว 2) อยากใช้จนชินและคล่องก่อน ซึ่งตอนนี้เห็นว่ามันสมควรแก่เวลาแล้ว เพราะมันใกล้ขายในไทยแล้ว เลยขอปล่อยรีวิว "ฉบับเต็ม" สักทีนึง โดยคราวนี้ขอไม่รีวิวเป็นวีดีโอละกัน เป็นข้อความน่าจะสรุปได้ใจความกระชับกว่า และการรีวิวครั้งนี้คงเป็นการรวมกันระหว่างรีวิว Lumia 800 และ Windows Phone ละกัน ซึ่งแน่นอน รีวิวแบบตรงไปตรงมาเช่นเคย อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็ว่าไม่ดี


แกะกล่อง

อันนี้เอาวีดีโอตัวเก่ามาให้ดูละกัน

โดยรวมเหมือน N9 เด๊ะ ที่ชอบคือมีเคสตรงสีมาให้ด้วย ไม่ต้องไปดิ้นรนหาซื้อข้างนอก ทนและสวยดีทีเดียว แถมมันยังคลุมตัวเครื่องไปถึง 95% จะมีก็แค่ด้านบนตรงช่อง USB กับด้านล่างช่องลำโพง ที่ไม่ถูกคลุมอยู่ ถ้าอยากเปลี่ยนสีก็ซื้อเคสสีอื่นมาใส่ Lumia 800 คุณก็จะเปลี่ยนสีได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนบอร์ดี้

... กลายเป็น Lumia สีชมพูแล้ว !


รอบตัว

ของเก่าอีกสักอัน กับการหยิบ Lumia 800 มากำมือขึ้นแล้วหมุนๆให้ดูกัน


A Peice of Art : วัสดุและดีไซน์ สวยล้ำ ไม่มีใครเทียบเทียม

โดยส่วนตัวชอบดีไซน์และวัสดุของ N9 อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่เราจะชอบ Lumia 800 ด้วยเหมือนกัน เพราะทั้งสองตัวก็พิมพ์เดียวกันแหละ ดีไซน์ของสองตัวนี้ทำออกมาได้ในระดับ "ดีเลิศ" งานดีไซน์ภายนอกถูกออกมาแบบสวยงาม เครื่องบางกำลังดี ขนาดกำลังเหมาะมือ วัสดุเยี่ยม ไม่ใช่พลาสติกกากกาๆ หน้าจอเงาวับประดุจจอที่อยู่ในน้ำ ตัวเครื่องเป็น Unibody ของจริงที่ออกแบบมารับกันทุกโค้งเว้าและสัดส่วน สรุป ... นี่คือมือถือที่ดีไซน์สวยเรียบง่ายที่สุดตั้งแต่เคยใช้มาและเคยเห็นมา

ขอยกให้ Lumia 800 เป็น "A Piece of Art" ที่เป็นมากกว่ามือถือ แต่เป็นงานศิลปะดีๆชิ้นนึงเลย


DNA ของ Windows Phone ที่ชื่อว่า Live Tiles

Live Tile นี่ถือเป็น DNA หลักของ Windows Phone ใน Metro UI เลยหละ โดยมี Concept ว่า คนมองมือถือบ่อยมาก โดยเฉพาะตอนเดินทางอยู่บนถนน การจะให้ต้องมาโฟกัสบนหน้าจอมันไม่ดีต่อการใช้ชีวิตเลย ทาง Microsoft จึงออกแบบมาให้ UI สี่เหลี่ยมๆ สามารถเปลี่ยนรูปและข้อมูลไปๆมาๆได้ เพื่อให้คุณสามารถอ่านข้อมูลได้เพียงแค่ "ชำเลืองมอง"


Concept ดี แต่เอาเข้าจริง จนถึงตอนนี้ข้อมูล Live Tile ไม่เคยมีประโยชน์ต่อการใช้งานจริงเลย อย่างเดียวที่พอจะเตะตาคือ ตัวเลขจำนวน Notification เช่น มี Miss Call กี่อัน มีเมลไม่ได้อ่านกี่อัน โผล่ขึ้นมา แล้วเราก็ต้องกดเข้าไปอ่านอยู่ดี ...

สรุปแล้วมันคือวงกลมสีแดงๆบน iPhone นั่นแหละ ประโยชน์ของมันคืออันนั้น และที่มีประโยชน์อีกอย่างคือ มันทำตัวเหมือน Launcher ของแอนดรอยด์ ที่เราสามารถหยิบโปรแกรมที่ใช้บ่อยๆมาวางและกดใช้งานได้ทันที


เอะอะก็ Pin แหลก

นี่ก็เป็นอีก Concept ที่ดึงเอา Live Tile มาใช้ในอีกรูปแบบ คือเราสามารถ Pin โน่นนี่นั่นโน่นลงบน Live Tile ได้หมด แล้วแต่โปรแกรมนั้นๆจะรังสรรค์มา เบื้องต้นก็คือ Shortcut ของแอพฯ ต่อมาก็คือ Shortcut ของ "บางพื้นที่ในแอพฯ" เช่นใน Facebook เราสามารถดึงเอา Messenger ออกมาเป็นไอคอนบน Live Tiles ได้ทันที

หรือถ้าอยากจะทำ Shortcut สำหรับไปหน้า WiFi Settings / GPRS Settings ก็ทำ Live Tile ปักไว้เพื่อกดเข้าไปได้ทันที ลดขั้นตอนจากเดิมที่ต้องจิ้ม 3 ครั้ง เหลือเพียงครั้งเดียว แต่ตรงนี้ต้องลงโปรแกรมเสริม เช่น Toggle

มีโปรแกรมสร้าง Live Tile เพื่อตกแต่งหน้าตาให้สวยเลยก็มีนะ แต่เราเห็นมันเป็นแค่ Gimmic มากกว่า


ถ้าคิดจะใช้ Windows Phone ต้องเข้าใจ DNA ของ Live Tile พอสมควร เพราะพอใช้คล่องแล้ว มันจะมีประโยชน์พอสมควร และทำให้เราใช้งานได้คล่องขึ้นเร็วขึ้นได้อีก


Notification ไม่มีประสิทธิภาพ

ตอนนี้ Live Tile กับ Notification ถูกผูกติดกันอย่างเหนียวแน่น ผลคือ Notification จะปรากฎบนแอพฯที่ปักไว้บน Live Tile เท่านั้น แต่ถ้าไม่ได้ปักไว้ คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่ามี Notification เข้ามา (นอกจาก Lock เครื่องแล้วดูบน Unlock Screen อาจจะเจออยู่บ้าง) เช่น เนยเคยเอาโปรแกรมส่ง SMS ออกไปจาก Live Tile ผลคือ Message เข้ามาก็ไม่รู้ไม่ได้อ่านเลย เพราะไม่มีแจ้งไว้ ตรงนี้ขอบอกว่าเป็นการออกแบบที่ไม่ดีเอาซะเลย ไม่ชอบๆ


ลื่นโคดดดดดดดดดดดและเสถียร

Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความลื่นทัดเทียมหรือลื่นกว่า iOS ด้วยซ้ำ ต้องยอมรับ ณ จุดนี้ว่าลื่นจริงๆ ใช้แล้วมีความสุข และความลื่นนี้ก็อยู่ยั้งยืนยง ต่อให้ลงแอพฯเยอะแค่ไหน เปิดเครื่องนานแค่ไหน ระบบก็ยังลื่นอยู่ไม่เสื่อมคลาย


นอกจากลื่นแล้ว Windows Phone ยังเสถียรมากอีกด้วย นานๆทีมันถึงจะ Restart ตัวเองสักทีนึง และการใช้แอพฯส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีงอแงหรือ Crash แต่ประการใด


เปิดแอพฯช้า

สิ่งที่ทำให้อึดอัดมาโดยตลอดคือการเปิดแอพฯที่ค่อนข้างช้า โดยเฉพาะแอพฯ 3rd Party แถมพอเปิดแอพฯก็จะมีจังหวะ "งง" ที่แอพฯนิ่งไปแป๊บนึง แล้วถึงจะเริ่มใช้ได้ อันนี้ทำให้ความรู้สึกในการอยากเปิดแอพฯลดลงไปมาก ใน Mango รู้สึกเหมือนแอพฯจะโหลดเร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่น่าพอใจ


ภาษาไทยไม่สมบูรณ์

ผ่านมาสองปี ระบบปฏิบัติการจากค่ายซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ Microsoft ก็ยังไม่สนับสนุนภาษาไทยสักที ทั้งๆที่ Windows ก็สนับสนุนแทบทุกภาษาทั่วโลกแล้ว แต่บน Windows Phone กลับสนับสนุนแค่บางภาษาเท่านั้น แน่นอน ไม่มีภาษาไทย ...


โดยที่บอกว่าไม่สนับสนุนขอแบ่งเป็นสองส่วนคือ "การพิมพ์" อันนี้ไม่สนับสนุนโดยสมบูรณ์ ถ้าจะพิมพ์ต้องลงแอพฯ PimThai เพื่อพิมพ์ๆๆๆแล้วก็ "ก็อปปี้ไปแปะ" ... และจากประสบการณ์ ถ้าไม่รัก Windows Phone จริง ก็ไม่ใช้หรอกครับ ยากเกินไป ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ไม่ก็ขายทิ้งไปใช้อย่างอื่นง่ายกว่าเยอะ (พูดจริงๆ อย่างตรงไปตรงมา จากคนรอบตัวที่ผ่าน Windows Phone มาหลายคน)

ซึ่งตรงนี้บางรุ่นอาจจะสามารถแฮคเพื่อลงคีย์บอร์ดไทยได้ แต่สำหรับ Lumia 800 ยัง Fully Unlock ได้แค่บางเครื่อง ส่วนเครื่องที่ Fully Unlock ไม่ได้ ก็แฮคเอาคีย์บอร์ดลงไม่ได้


ส่วนการอ่าน อ่านไทยได้ในโปรแกรมส่วนใหญ่ แต่บนโปรแกรมสำคัญๆอย่าง Internet Explorer กลับใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ ... บางเว็บก็อ่านได้ บางเว็บก็อ่านไม่ได้ ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ สรุปคือถ้าจะเอามาใช้เปิดเว็บไทย Windows Phone ไม่ใช่เพื่อนคุณครับ (ลุ้นให้เค้าอัพเดตแก้ไขมาสองปี ล่าสุด build 7710 ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น)

ส่วนอีกโปรแกรมนึงที่ใช้แล้วมีปัญหากับ Encoding ภาษาไทยคือ Email ที่ต่อกับ Yahoo! Mail ปรากฎว่ามันมีปัญหากับ TIS-620 และ windows-874 ซะงั้น ... เฮ่ย!!

ก็เอาเป็นว่า ถ้าจะซื้อมาเช็คเมล Yahoo! และส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย Windows Phone ก็ไม่ใช่ทางเลือกของคุณอีกเช่นกัน ...


ได้ยินว่ากว่าจะสนับสนุนภาษาไทยอีกทีก็ Apollo โน่นเลย


People แอคเคาท์อะไรก็อยู่ด้วยกันได้

Concept ของ Windows Phone ที่น่าสนใจจุดหนึ่งคือ การรวม Account หลายประเภทเข้าด้วยกัน และทุกคนจาก Account ต่างๆ ทั้งอีเมล Social Network เบอร์โทร ก็จะถูกรวมเข้ามาอยู่ใน People ให้เราสามารถเชื่อมต่อกับทุกคนได้ทันที

ก็ค่อนข้างสะดวกและเป็นจุดแข็งของ Windows Phone ในการรวมเอาทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ต้องไปกดหลายๆที่ให้ยุ่งยาก


ตรงนี้เราสามารถอัพเดต Status โดยตรงจาก People ได้เลย (เช่นการทวีต) แต่เอาเข้าจริง ... ไม่ค่อยเวอร์คเท่าไหร่ โหลดโปรแกรมโดยตรงมาใช้งานจะ Make Sense กว่าเยอะ


แอพฯดีๆนั้นมีอยู่ในนิยาย

จนถึงตอนนี้ใช้ Windows Phone แล้วสองเครื่องด้วยกันคือ Dell Venue Pro และ Lumia 800 รวมเวลากว่า 9 เดือนที่ใช้มันเป็นเครื่องหลัก ปรากฎว่าไม่เคยหาโปรแกรมที่ถูกใจได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว หากอยากได้โปรแกรมประเภทไหนก็ตาม หาให้ตายยังไงก็ไม่เจอ หรือถ้าเจอก็ไม่ดี


ถึงตอนนี้ Marketplace จะมีกว่า 100,000 แอพฯแล้ว แต่แอพฯดีๆนั้นหาแทบไม่ได้ แต่เกมดีๆมาเยอะทีเดียวนะ ราคาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ก็ไม่มีเกมไหนราคาถูกเน้อ


แอพฯมีหมวดหมู่

ตอนแรกก็ค่อนข้างหงุดหงิดนะที่โหลดมากี่แอพฯมันก็มากองอยู่บนลิสต์ทั้งหมด พอเยอะเข้าก็มีตัวอักษรโผล่ขึ้นมาให้ดูเยอะแยะยั๊วเยี้ยเข้าไปอีก

แต่หลักจากใช้สักพักถึงได้รู้ว่า แอพฯแต่ละตัวมีหมวดหมู่ของตัวเองด้วย เช่นแอพฯเกี่ยวกับการถ่ายภาพ แต่งภาพ โปรแกรมก็จะไปปรากฎอยู่บนโปรแกรม Pictures โดยอัตโนมัติ

หรือพวกเกมก็จะไปอยู่ใน XBox Live แอพฯเกี่ยวกับการดูภาพ ดูวีดีโอ เช่น YouTube ก็จะไปโผล่ในส่วนของ Music+Videos นั่นเอง


ระบบเช็คเมลที่ลบเมลง่ายมาก

จะบอกว่าตกหลุมรักระบบเช็คเมลของ Windows Phone มาก ตอนแรกก็ดูงงๆ แต่พอรู้ว่ามันใช้ยังไงแล้วกรี้ดเลย ชอบ ตกหลุมรัก เพราะวันๆมีเมลให้ลบเยอะมาก โดยที่ชอบคือการ Mark ด้วยการจิ้มที่พื้นที่ส่วนหน้าของเมล จิ้มๆๆๆๆ เสร็จแล้วก็กดลบทิ้งทีเดียวเลย =D


เมลไม่ค่อยจะ Sync

แต่ระบบเมลมันน่าปวดตับอยู่อย่างนึงคือมันไม่ค่อย Sync คือมันไม่ Sync โดยอัตโนมัติตลอดเวลา ต้องคอยกดปุ่ม Sync เรื่อยๆ

จากที่ลอง ถ้าปิดเนตไว้นานๆ ตอนต่อเนตใหม่ๆมันจะ Sync อัตโนมัติ จากนั้นจะ Sync เป็นช่วงเวลาแบบจับต้องไม่ได้ว่าจะ Sync ช่วงไหน หรือบางทีก็ไม่ Sync เลย (ทั้งๆที่ตั้งค่าไว้แล้วว่าให้ Sync ทุกๆกี่นาที หรือตั้งให้เมลเข้ามาแบบ Push) และที่น่าหงุดหงิดคือ ตอนลบเมลแล้วมันไม่สั่งไปที่ Server ทันที ต้องกด Sync หลังจากลบเสร็จแล้ว ไม่งั้นต้องรอรอบการ Sync ถัดไปกว่ามันจะลบให้จริงๆ ซึ่งนานมาก ... เซ็ง


Login อีเมล Google App โดนบังคับ Lock เครื่องด้วย

ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบตั้งรหัส Lock เครื่อง ขี้เกียจกดรหัสบ่อยๆ ... แต่พอมาใช้ Windows Phone ก็โดนบังคับให้ Lock เครื่องซะงั้น เพราะทันทีที่ Login เข้าสู่ Email ที่เป็น Google App (และคาดว่าอีเมลที่เป็น non-standard ทั้งหลายด้วย) เครื่องจะเด้งขึ้นมาว่า "คุณต้องใส่รหัสล็อคเครื่องตามกฎบลาๆๆๆๆ" ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเงื่อนไขแบบนี้ แต่ก็เอาหนะ ใช้งานได้ ไม่มีปัญหา แค่รู้สึกตลกดี ...


ระบบพิมพ์ทำมาดี แต่ต้องมีสติระหว่างพิมพ์

ระบบพิมพ์ก็ทำมาค่อนข้างดีนะ พิมพ์ง่ายดี รู้สึกกดแล้วไปทันที ไม่มีหน่วงเหมือน Android ให้อารมณ์พอๆกับ iOS เลยหละ ทำให้การพิมพ์ค่อนข้างมีความสุข แต่ที่รู้สึกมีความทุกข์ก็คือ Keyboard อยู่ใกล้กับแถบเมนูด้านล่างมากเกินไป ผลคือหลายครั้งที่พิมพ์ๆอยู่ หรือตั้งใจจะกดคีย์บอร์ดแถวล่าง มันก็ไปโดนเมนูบนแถบเมนูซะงั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมากๆ ประมาณ 1 ใน 2 เลยหละ ทั้งๆที่นิ้วเราก็ไม่ได้ใหญ่อะไรนะ ... บางทีพิมพ์ข้อความยังไม่เสร็จ มันก็กดส่งให้แล้ว ทำให้พักหลังไม่ค่อยใช้มันพิมพ์ส่งอะไรเท่าไหร่ ...


ทัชสกรีนไวไป พิมพ์เร็วๆแล้ววอดวาย

ถึงจะระบบพิมพ์จะทำมาให้พิมพ์ง่าย แต่เริ่มมาปรากฎความฉิบหายก็ตอนพิมพ์เร็วๆ เพราะมันชอบเบิ้ลการกดให้ โดยเฉพาะตอนกด Spacebar ประมาณ 2 ใน 5 ครั้งที่มันเบิ้ลให้ แล้วกลายเป็นว่ามันเดาตัวอักษร '.' มาให้เป็นการจบประโยค ต้องคอยลบแล้วแก้ทุกครั้งไป ... ปัญหานี้ไม่เจอบน Dell Venue Pro นะ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้ใช้มันพิมพ์อะไรเท่าไหร่ อ่านอย่างเดียว ถ้าเริ่มพิมพ์เมื่อไหร่ก็เจอปัญหาเมื่อนั้น (ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะเรารึเปล่านะ อาจจะซวยได้เครื่อง Defect มา)


Multi Tasking ได้ แต่ไม่เคยได้ใช้

ตั้งแต่ Mango ออกมา Multi Tasking ก็ใช้งานได้ค่อนข้างดี แต่เอาเข้าจริงการสลับแอพฯไปๆมาๆด้วยการกดปุ่ม Back ค้างไว้มันแอบยากและใช้ยังไงก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย แถมแอพฯที่เปิดๆไว้แป๊บนึงมันก็หายไปเองโดยไม่ได้ปิด เลยรู้สึกว่าไม่ได้ใช้ Multi Tasking เลย ... แต่สำหรับคนที่คิดว่าได้ใช้เรื่อยๆ ก็บอกไว้ตรงนี้ว่ามันใช้ได้นะคร้บผม


ฟังเพลงดีเลิศ Marketplace มีเพลงให้เลือกซื้อเยอะโคดดดด

ตัวลำโพงของ Lumia 800 ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่มาก เรียกว่าฟังเพลงได้ ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่จะไปสู้กับ Beats Audio ก็คงไม่ได้ คนละเรื่อง แต่พอเสียบหูฟังต้องบอกว่าเสียงดีมากทีเดียว น่าประทับใจเลยหละ แถมประหยัดแบต เล่นยังไงแบตก็ไม่ลด เหะๆ


และที่น่าประทับใจคือ Marketplace มีเพลงให้ทดลองฟังและเลือกซื้อเยอะมากกกกก เรียกได้ว่ามากที่สุดในบรรดา Store ขายเพลงทั้งหลายแล้ว ไม่รู้มันไปหามาจากไหน เพลงไทยก็มีนะ แต่ราคาโดยเฉลี่ยก็เรียกได้ว่าแพง(สำหรับคนไทย)เลยหละ 0.99 เหรียญ หรือทั้งอัลบั้มก็ 9.99 เหรียญ หรือราวๆ 300 บาท

การฟังเพลงทำได้ค่อนข้างสะดวก เพราะพอกดเล่นแล้ว ก็สามารถคุมผ่านหน้าจอ Lock Screen และปุ่ม Volume ได้หลังจากนั้น ไม่ต้องกดเข้าไปให้เปลืองแบตเล่น

ส่วนการโอนเพลงเข้าเครื่อง เราไม่สามารถโอนเป็นไฟล์ตรงๆได้เหมือนแอนดรอยด์ แต่ต้องโอนผ่าน Zune แล้ว Sync เข้าไปครับ เหมือนอารมณ์ iTunes กับ iPhone นั่นแหละ


Nokia Collection

สิ่งที่มือถือ Windows Phone ของโนเกียแตกต่างกับเจ้าอื่นก็คือการที่มันมี Nokia Account Integration และแอพฯของ Nokia บางตัวพ่วงเข้ามาตั้งแต่ซื้อเครื่อง นอกจากนั้นใน MarketPlace ยังมีส่วนของ Nokia Collection ให้ดาวน์โหลดแอพฯจากโนเกียกันด้วย

ซึ่งแอพฯมีทั้งที่โนเกียพัฒนาเอง และที่โนเกียดึงเอามาโปรโมท รวมถึงแอพฯแบบ Exclusive

มีแค่นี้จริงๆที่มือถือโนเกียต่างกับเจ้าอื่น ... ที่ใช้ๆอยู่ก็มี Nokia Drive ใช้งานได้ แต่ไม่ดีเท่าบน Symbian สุดท้ายก็ใช้ N8 อยู่ดี เหะๆ (โดย Nokia Drive อันนี้เป็นเวอร์ชั่นเก่าอยู่นะ มีเวอร์ชั่นใหม่แล้วเป็น Nokia Drive 2.0 สามารถนำทางแบบ Offline ได้ ไม่ต้องต่อเนต ส่วนที่เหลือแทบไม่มีอะไรต่างจากเดิม)


กล้องไม่ดีดีกรี Cairl Zeiss

ข้อดีของกล้อง N9 และ Lumia 800 คือใช้เลนส์ Cairl Zeiss ทั้งคู่ ทำให้ภาพออกมาค่อนข้างคมมาก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด สีที่ออกมากลับทำได้ไม่ดี รวมถึง White Balance / Exposure ก็ทำให้ภาพโดยรวมออกมาไม่น่าพอใจเลย เรียกว่าเลวร้ายเลยหละ ลองเอาภาพมาเปรียบเทียบกันดูระหว่าง Lumia 800 และ HTC One X

ก็จะเห็นได้ชัดว่าภาพถ่ายจาก Lumia 800 ออกมาคม นั่นเป็นข้อดีข้อเดียว เพราะที่เหลือเป็นข้อเสียล้วนๆ เช่นส่วนต่างๆของภาพรายละเอียดภาพหายหมด (ทั้งๆที่ภาพคม แปลกดี) ใบไม้ด้านบนหายเกลี้ยงเลยดูสิ แถมสีกันสาดที่เป็นลายๆก็มองไม่ออกเลยว่ามีอยู่ ส่วนสีต้องบอกว่าไม่ตรงกับสภาวะจริงเลยแม้แต่นิดเดียวครับ


ยังไงลองดูเพิ่มเติมจาก Blog นี้ก็ได้ครับ "เอา N8, iPhone 4S, Lumia 800 มาถ่ายรูปเล่น" คงจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น


แต่ที่ชอบตัว Lumia 800 ก็คงเป็นเรื่องของ "วิธีการถ่าย" เพราะ (1) มันมีปุ่มชัตเตอร์

และ (2) เราสามารถจิ้มจอเพื่อถ่ายภาพได้ทันทีครับ คือโฟกัสเสร็จถ่ายปั๊บ ตอนแรกใช้แล้วก็แปลกๆ แต่พอใช้สักพักก็รู้สึกดีกับวิธีนี้นะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วดี =)


คะแนนของกล้องขอให้แค่ 4 เต็ม 10 พอ ถ้าคุณคิดจะเอามันมาเพื่อถ่ายภาพจริงๆจังๆแล้วหละก็ Lumia 800 ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักครับ


Full Unlock (ยัง)ไม่ได้

ในโลกไอโฟนมี JailBreak ในโลกแอนดรอยด์มี Root ส่วนโลกของ Windows Phone มี Unlock ครับ โดย Unlock มีหลายแบบ เช่น Developer Unlock ทำเพื่อส่งแอพฯเข้าไปทดสอบในเครื่องจริง และ Full Unlock ทำเพื่อเข้าถึงส่วนใดๆของเครื่องก็ได้ ประโยชน์ก็เช่นเข้าไปแก้ Registry หรือยัดคีย์บอร์ดของตัวเองเข้าไปนั่นเอง


Windows Phone ตั้งแต่ 7.5 เป็นต้นมา การ Fully Unlock เริ่มทำได้ยาก และ Lumia 800 ที่มาพร้อม Windows Phone 7.5 ก็ไม่ต้องแปลกใจที่มัน Full Unlock ไม่ได้


จริงๆจะบอกว่า Full Unlock ไม่ได้ก็ไม่ถูกนัก เพราะจริงๆมี Hacker เมืองนอกจัดให้เรียบร้อยแล้วหละ แต่ปัญหาคือ เงื่อนไขการ Full Unlock คือ Lumia 800 ของคุณต้อง Bootloader Unlock จากโรงงานมา ซึ่งตรงนี้มีแค่เครื่องแถบๆยุโรปบางประเทศและบางล็อตเท่านั้นที่ Bootloader Unlock มาให้ สรุปคือ ... ยัง Full Unlock ในทุกเครื่องไม่ได้นั่นอง ก็อย่าหวังจะยัดคีย์บอร์ดไทยลง ทำไม่ได้ๆ


แบตมหาอึด

ตอนแรกที่ได้เครื่องมาต้องชาร์จแบตทุกวัน แต่พอเมื่อเดือนสองเดือนก่อนโนเกียได้ปล่อย Firmware Update รหัส 12070 มา ปรากฎว่าประหยัดแบตขึ้นถึง 3 เท่าเหนาะๆ ตอนนี้ชาร์จทุก 2 วันครึ่ง - 3 วัน และก็ใช้งานเรื่อยๆด้วยนะ หลักๆแบตจะหมดไวถ้าต่อ 3G ครับ แต่ถ้าต่ออย่างอื่นเช่น WiFi แบตจะลดช้ามากๆ ยกนิ้วให้เรื่องแบตเลย เยี่ยม !


Backup / Restore บน Windows ไม่ได้ แต่บน Mac ได้ ... !!

ตอนก่อนหน้านี้ช่วงที่พยายามถ่ายวีดีโอรีวิว ข้าพเจ้าพยายามค้นหาวิธีการ Backup และ Restore OS ผ่าน Zune ปรากฎว่าหลายชั่วโมงผ่านไปจึงได้คำตอบสั้นๆว่า "ทำไม่ได้" ... บัดซบ !!


ซึ่งเหตุผลของการทำไม่ได้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ "Zune ยังไม่ได้ใส่ฟีเจอร์นี้เข้าไป" แต่จริงๆแล้วตัวระบบปฏิบัติการและ Zune มันทำได้อยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่มีการอัพเฟิร์มแวร์ มันจะ Backup และถ้าอัพแล้วพัง มันจะให้เรา Restore กลับได้ เพียงแต่ Microsoft ไม่ยอมใส่ฟีเจอร์นี้ให้สามารถ Backup / Restore ตลอดเวลาได้ และไม่ว่าจะอัพ Zune กี่เวอร์ชั่น มันก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี - -


แต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็หาหนทางได้ ... ทำยังไงรู้มั้ย ... Backup ผ่านโปรแกรม Windows Phone 7 Connector ที่เอาไว้ Sync กับ Windows Phone บน Mac และโปรแกรมนี้ก็ถูกพัฒนาโดย Microsoft เหมือนกัน แต่บน Mac กลับ Backup ได้ ... กลายเป็นว่า Microsoft Windows Phone ไม่สามารถ Backup บน Microsoft Windows ได้ แต่กลับทำได้บน Mac OS X ... อะไรกันฟระ ชีวิต !!


คู่แข่ง iPhone ไม่ใช่แอนดรอยด์

หลังจากใช้มันมาสักพักก็เริ่มจับจุดได้ว่า Windows Phone ถูกพัฒนามาโดยพื้นฐานของการเป็นคู่แข่งกับ iPhone โดยตรง แต่ไม่แม้แต่คิดที่จะแข่งกับแอนดรอยด์ ซึ่งตรงนี้อาจจะเพราะวันที่มันถูกเริ่มโปรเจค มีเพียงแค่ iPhone อยู่ในตลาดก็เป็นได้ เหมือนที่แอนดรอยด์ตอนเริ่มโปรเจคก็ถูกทำมาเพื่อแข่งกับ BlackBerry นั่นแหละ เพียงแต่เจ้านั้นไหวตัวทัน กลับลำไปแข่งกับ iPhone ก่อนจะสายเกินแก้และได้ดีจนทุกวันนี้


ทำไมผมถึงคิดว่า Windows Phone เกิดมาเพื่อแข่งกับ iPhone หรอ? ลองดูสิ ทุกอย่างบน Windows Phone ราวกับลอก iPhone มายังไงอย่างงั้น ไม่ว่าจะเป็นการ Single Tasking (ในตอนแรก) การ Sync กับคอมพ์ผ่านแอพฯเฉพาะเท่านั้น (Zune) รวมถึงการออกแบบให้มีความเรียบง่าย ปรับแต่งอะไรไม่ค่อยได้ มีการควบคุมทุกอย่าง อารมณ์เหมือนเห็น iOS ทำมาแล้วดี ก็เลยอยากทำระบบปฏิบัติการของตัวเองในแนวเดียวกันบ้าง แต่ส่งให้ผู้ผลิตเจ้าต่างๆไปผลิตให้แทนเพื่อขยายฐานลูกค้า


ดังนั้นจึงขอสรุปว่า Windows Phone เกิดมาเพื่อแข่งกับ iPhone โดยตรงครับ และให้ตายยังไงก็แข่งกับ Android ไม่ได้ เพราะแนวคิดต่างกัน กลุ่มลูกค้าต่างกัน อยู่คนละ League กันตั้งแต่ต้น จะแข่งกันได้ยังไง แต่กับ iPhone สิ คงแข่งกันอย่างเมามันส์ (และเหมือนผลแพ้ชนะก็เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆละ)


สรุป

โนเกียทำ Hardware มาได้ดีมากจนถึงดีที่สุด การออกแบบและดีไซน์รวมถึงงานประกอบอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ในส่วนของฮาร์ดแวร์ก็คงเสียแค่กล้องที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ส่วนที่เหลือ ... ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ Windows Phone ซึ่งความเห็นส่วนตัวขอเรียกว่ามัน "ห่วย" เลยหละ สองปีที่แล้วยังรู้สึกว่ามันดูดีมีอนาคต แต่นี่ผ่านมาสองปีแล้ว ระบบปฏิบัติการยังคงอยู่ในระดับครึ่ง Feature Phone ครึ่ง Smart Phone ดีกว่าตอนแรกนิดนึงที่เป็นเวอร์ชั่น pre Alpha ส่วนตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็น pre Alpha 2 แล้ว ... ถ้าเทียบกับแอนดรอยด์ ผมว่ายังอยู่คนแถวๆ Cupcake อยู่อ่ะ อย่างเดียวที่รู้สึกว่า OS นี้ทรงพลังคือ มันลืนเสมอต้นเสมอปลายมาก ไม่ว่าแอพฯจะเยอะแค่ไหนมันก็ลื่นได้ตลอด แต่ที่น่าเศร้าคือไมโครซอฟต์พัฒนา Windows Phone ช้ามากกกกกก ทั้งๆที่เป็นบริษัทใหญ่มาก และมีเงินเยอะมาก เหมือนกับไม่ตั้งใจทำเลยหละ จริงๆควรจะพัฒนาเร็วกว่านี้ 2-3 เท่าด้วยซ้ำ ... ซึ่งถ้าเป็นอย่างงี้ต่อไป โนเกียอาจจะเข้าสู่สภาวะเงินสดติดลบได้ภายในปีนี้ แต่ก็เป็นการตัดสินใจของโนเกียเองที่เอาชีวิตตัวเองไปผูกกับบริษัทอื่น จนล่าสุดถูก Rank ให้เป็นหุ้น "ขยะ" (Junk) ไปแล้วโดยหลายสำนัก แอบเสียใจเล็กๆ ...

และโดยส่วนตัวคิดว่ามันยังไม่เหมาะกับคนไทยเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุผลเดียวเลยคือ มันยังไม่สนับสนุนไทยสมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ HTC เคยเอา Mozart และ HD7 มาขายแล้ว และผลก็เป็นอย่างที่เห็น คนขายทิ้งกันหมด เพราะมันใช้ไทยไม่ได้ และนี่ผ่านไปเป็นปี ปัญหาเดิมก็ยังอยู่ และเชื่อว่าเหตุผลการขายทิ้งก็จะยังเหมือนเดิมอยู่


แต่ถ้าให้เทียบในบรรดา Windows Phone ทั้งหมด ต้องยกให้ Lumia 800 และ 900 เป็นมือถือ Windows Phone ที่น่าซื้อที่สุด ด้วยเหตุผลด้านความสวยและการเป็น Partner ตรงกับ Microsoft แต่ถ้าให้เทียบกับมือถือในตลาด Windows Phone คงเป็นตัวเลือกอันดับที่ไม่สูงนักครับ iPhone กับ Android น่าซื้อกว่าเยอะ แถมแอนดรอยด์ที่ส่วนตัวคิดว่าดีกว่ายังราคาถูกกว่า Lumia อีกต่างหาก ... แต่ถ้าเบื่อ iPhone เบื่อ Android แล้วอยากลองของใหม่บ้าง เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ Lumia คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในบรรดา Window Phone จริงๆ ซื้อมาเล่นกันได้ๆ

สรุปของสรุปคือ ข้อดีมี จุดแข็งมี แต่ข้อเสียก็มี จุดอ่อนก็มี ด้านบนช่วยกระจายเป็นข้อๆให้ดูแล้ว เอาไปพิจารณาการซื้อดูครับ ถ้าถามว่าจะซื้อ Lumia 800 ดีมั้ย? ถ้าเครื่องที่ไม่มีอนาคตเลยเช่น N9 ผมจะแนะนำว่าอย่าซื้อเลย หรือเครื่องมีอนาคตมากๆก็บอกว่าซื้อโลด ส่วน Lumia 800 นั้นอยู่ตรงกลางครับ ไม่มีใครช่วยคุณตัดสินใจได้นอกจากตัวคุณเอง อยากให้ลองและดูด้วยตัวคุณเองก่อนว่าเหมาะกับคุณมั้ย ถามว่าอนาคตมันมีมั้ย? ตอบได้ว่ามี รอมันอัพเป็น Apollo แล้วชีวิตจะมีความสุขกับมันมากรับรอง แต่กว่าจะมาคงอีกหลายเดือนแหละ และถ้าถามว่าซื้อมาใช้จะเสียใจมั้ย? ก็คงตอบได้ว่า "ไม่" ครับ ;)


สำหรับงานศิลปะชิ้นนี้จะมีวางขายในไทยเร็วๆนี้ ใครสนใจก็ไปจับจองได้ครับ ราคาฟันแล้วที่ 15,400 บาทครับผม


ก็ขอจบไปกับรีวิวฉบับบ้านๆอีกหนึ่งรีวิวจากทางข้าพเจ้า คาดว่ารีวิวนี้จะอยู่ได้อีกหนึ่งปีเป็นอย่างน้อย เพราะนี่ผ่านมาสองปีแล้ว Windows Phone ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย และคิดว่าอีก 1 ปีถัดไปก็คงยังไม่มีอะไรต่างจากนี้เท่าไหร่หรอก ... (-_--") ก็ไว้รุ่นไหนทำตัวให้เราอยากรีวิวได้อีก ก็จะรีวิวแบบบ้านๆให้ชมกันอีกจ้า สวัสดีครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Apr 6, 2012, 01:02
14178 views
ซวยอีก One X Defect เพียบ
Apr 15, 2012, 18:38
17418 views
1 อาทิตย์กับ HTC One X
0 Comment(s)
Loading