"เงินไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือไม่มีเงิน"
Battleship ... ID4 ยุค 2012
14 Apr 2012 23:33   [43090 views]

รอดูหนังเรื่องนี้มานานแสนนาน ตั้งใจจะไปดูวันแรกที่หนังเข้าเลย แต่พอหนังเข้าจริง ชีวิตเราก็เจอกับความวุ่นวายนานับประการราวกับโชคชะตาไม่ต้องการให้ดูหนังเรื่องนี้ คิวก็เลยเลื่อนออกมาเรื่อยๆเรื่อยๆ T_T


ล่าสุดเมื่อคืนนี้ไม่สนใจโชคชะตาอีกต่อไป หนีออกจากห้องสี่เหลี่ยมออกไปสู่พารากอน ซื้อตั๋วหนังรอบ 4 ทุ่มครึ่งดูทันที (ชอบดูรอบดึก สงบดี) สนนราคาที่นั่งละ 35 บาท (คุคุ)

ซื้อตั๋วเสร็จท้องก็ร้องงงง ยังไม่ได้กินอะไรเลยหนะ ก็เลยลงไปหาอาหารกันฝั่งสยามเล็กน้อย เพราะสี่ทุ่มแล้ว พารากอนปิดหมด เดินถึงสยามแล้วก็ต๊อกแต๊กๆไปตามเรื่อง ตอนเดินก็ไม่ได้คิดอะไร หยิบมือถือมาเล่นเรื่อยเปื่อย แล้วอยู่ดีๆก็มีน้ำพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงปรี้ดดดดด พุ่งตรงมาใส่มือถือที่ถืออยู่ราวกับเล็งไว้ แถมสองต่อด้วยนะ เด้งไปโดนไอโฟนของณิชชี่อีก แม่นเกินมนุษย์ !


แน่นอนว่าโกรธๆๆๆๆ ตัวเองเปียกไม่ว่าเดี๋ยวก็แห้ง แต่มาสาดใส่มือถือนี่มันเครื่องละสองหมื่น สองเครื่องสี่หมื่นนะคุณณณณ เลยหันหน้าไปมองกะจะวีนเต็มที่ แล้วเสี้ยววินาทีนั้นเอง พบว่าคนที่ฉีดมาหน้าตาน่ารักระดับ 9.95 เต็ม 10 แล้วเค้าก็ยิ้มมาให้ ด้วยการที่โกรธมากตอนนั้นก็เลย .... เลย ... เลย ...​ เลยยิ้มกลับไปด้วยสีหน้าเอนอาย แล้วเดินจากไปแบบเงียบๆ ปริบๆๆๆๆ ... น่ารักแล้วดีอย่างงี้นี้เอง โลกไม่ยุติธรรม !! -0-

จากนั้นก็หาอะไรกิน หม่ำๆๆๆๆ แล้วก็เดินกลับพารากอนโดยไม่ผ่านจุดนั้นอีก กลัวโดนณิชกานต์ตบ ...​ (ซึ่งสุดท้ายก็โดนตบอยู่ดีจากการทวีต)


ถึงโรงก็หิวอยู่ดี เลยซื้อป็อบคอร์นและน้ำกิน นานๆจะซื้อบนโรงกินที คราวนี้จวนตัวจริงๆ ไม่ค่อยมีอะไรกินแถวนั้น ก็เลยสอยป็อบคอร์นไซส์เล็กราคา 80 บาทมา เกือบโดนการตลาดเข้าครอบงำแล้วเหมือนกัน เพราะไซส์ใหญ่ 90 บาท ใหญ่กว่าสองเท่า โชคดีที่สติกลับมาก่อนว่าถ้าซื้ออันใหญ่ก็กินไม่หมด เลยซื้ออันเล็กไป สบายใจแฮ ส่วนน้ำ โค้กแก้วสูงๆหน่อย ล่อไปแก้วละ 60 บาท กำไรของโรงหนังจริงๆ - -


แล้วก็เดินเข้าไปในโรงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ... และโรงเมเจอร์ก็ทำพิษอีกแล้วคับ หลังจากนั่งแหมะลงบนที่นั่งไปได้ 5 วินาที ก็ได้เรียนรู้ว่าไอ่สามคนข้างๆแม่งพูดไม่หยุดเลยยยยย ห่านนนนนนนนน ขนาดเลือกรอบดึกๆแล้วนะ ไม่ช่วยอะไรเลยยยยย หงุดหงิดหันไปมองหน้าหลายรอบมาก เกือบวีนละ แต่ก็ไม่ได้วีน ได้แต่แช่งในใจ (โคดแมน)


แล้วก็นั่งรอหนังเริ่มอีกราวๆ 30 นาที อิ่มตัวอย่างหนังและโฆษณามากขรั่บ (-_--")


เขียนมาโคดยาว ยังไม่ถึงตัวหนังเลย ๕๕๕​ เอาหละๆๆๆ ถึงตัวหนังสักที


เนื้อเรื่อง

หนังเริ่มต้นมาได้ดีทีเดียว มีการปูเรื่องชนิดที่เดาไม่ออกเลยว่านี่มันหนังเอเลี่ยน ถึงกับนั่งพิจารณาว่าเข้าผิดโรงรึเปล่าเลย แต่ก็ไม่ผิด เพราะพอเนื้อเรื่องเริ่มดำเนินไปทาง Battleship ตอนที่ปูเรื่องมาตอนแรกก็ทำให้เนื้อเรื่องทั้งหมดสมบูรณ์ขึ้นและอินกับมันมากขึ้น


โดยเนื้อเรื่องคร่าวๆเป็นเรื่องของพระเอกที่มีนิสัยฉลาดแต่ระห่ำ อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ต้องมาสู้กับเอเลี่ยนที่ฉลาดและไฮเทค กลางมหาสมุทร แบบ One-To-Many ด้วยเหตุผลบางประการ (ภาษา Geek มาก)


อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมีจุดอ่อนหลายจุดมาก สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ อะไรที่ควรจะฉลาดล้ำสุดๆ กลับทำอะไรที่ไม่ฉลาดอยู่ร่ำไป เทคโนโลยีที่ก้าวไกลกว่ามนุษย์โลกเป็นหมื่นเป็นแสนปี กลับทำสิ่งที่ควรจะทำได้ไม่ได้ ตัวเรื่องเสนอความโหดร้ายของมนุษย์ต่างดาว แต่พอเอาเข้าจริงมันก็โหดร้ายแบบไม่สุด มียั้งๆอย่างไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าเทียบกับ ID4 เมื่อสิบกว่าปีก่อน ต้องบอกว่า ID4 ทำเนื้อเรื่องออกมาได้สมบูรณ์กว่ามาก เรื่องนั้นมีความสิ้นหวังอย่างสุดๆ เหมือนให้ตายยังไงก็ไม่มีทางรอดแล้ว แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยวิธีระห่ำแต่มีเหตุผล แต่เรื่องนี้มี Way ของมันว่า "เน้นความมันส์" ซึ่งทำได้สุดยอดมากกกกกกกก ไม่เป็นรองใครและใครเลย ก็เลย Trade Off กันไประหว่างความมันส์และเนื้อเรื่อง


สรุปคือเป็นหนังที่มีอารมณ์ตลก มันส์ สะใจ ขาดแต่ดราม่า (ถ้ามีนะ จะยกให้เป็นหนังกลมกล่อมประจำใจแทน Armageddon ไปเลย) ตอนไปดูอย่าไปคิดมากกับเนื้อเรื่อง ดูเอามันส์แล้วตอนนอนฝันถึงเรื่องนี้แน่ๆ !


นักแสดง

เรื่องนี้นักแสดงเพียบ คับคั่งและคุ้มคลั่งมาก ตัวดำเนินเรื่องหลักมีราวๆ 12 คน ราวกับ The Avengers ! แต่ที่เด่นที่สุดมีสามคนคือพระเอก Taylor Kitsch (พระเอก John Carter ที่เจ๊งไปนั่นเอง) ต่อไปเป็นตัวที่จะเอกก็ไม่เอกจะรองก็ไม่รอง แต่โดดเด่นเพราะชื่อและการเข้ากล้อง (กี่ฉากๆก็โผล่มา ถ่ายอยู่นั่น) เป็นใครไปไม่ได้ Rihanna นั่นเอง โผล่มาทุกฉากจริงๆ คาดว่าค่าตัวอาจจะสูงสุดในเรื่อง - - สุดท้ายแฟนพระเอก Brooklyn Decker เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอีกฝั่งนึง โดยครึ่งนึงเด่นเพราะบทบาท อีกครึ่งเด่นเพราะนม ... - -

นอกจากตัวหลักแล้ว ตัวรองทั้งหมดก็ทำให้หนังดำเนินไปอย่างกลมกล่อมได้ บางคนก็ตลกโคด บางคนก็ถึกโคด บางคนก็เก่งโคด ทุกคนมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง และทำให้ทุกอย่างดำเนินไปเป็นทีมอย่างสวยงาม


สรุป

ให้คะแนนหนังไปเลย 8.5 เต็ม 10 เป็นหนังที่มันส์มาก และได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของคนเขียนบทในการแก้ปัญหาที่ดูเป็นไปไม่ได้ในเวลาที่มืดแปดด้าน แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่เท่มาก (ถึงจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่) ความรู้สึกค่อนข้างกลมกล่อมในทุกๆด้าน แต่เสียดายอย่างคือดันไม่มี Theme Song ทำให้พอดูหนังจบ ก็เลยจำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ขาดก็แค่เรื่องดราม่าและเพลงประกอบของตัวเองนี่แหละ ไม่งั้นคงได้คะแนนมากกว่านี้ละ


สรุปสั้นๆคือ ใครไม่ดูถือว่าพลาดดดดดด จบนะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jan 1, 2010, 01:50
3821 views
สวัสดีปีใหม่
Apr 15, 2012, 14:04
21907 views
นักวิทยาศาสตร์พบต้นเหตุ Crop Circle แล้ว
0 Comment(s)
Loading