ไปหลั่นล้าที่ปายมา 10 วันเต็ม ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศทำงานที่มีความสุขมาก ได้งานเยอะกว่าตอนอยู่กรุงเทพฯเสียอีก เพราะไม่มีสิ่งรบกวนจิตใจ ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก นี่คือชีวิตในฝันเลยหละ ไม่จำเป็นไม่อยากกลับกรุงเทพฯเลย > <
แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมา ซึ่งชีวิตก็เป็นราวกับวางแผนไว้เพราะกลับมาหัวค่ำวันที่ 1 ธันวาพอดี แล้ววันนั้นหนังที่รอคอยมานานอย่าง Vampire Twilight : Breaking Dawn Part 1 ก็ดันเข้าพอดี ! พอกลับถึงกรุงเทพฯก็เลยไปซื้อตั๋วที่ SF รอบดึก(จากผลการทดลองพบว่า กลางคืนคนดูน้อยกว่าและคนที่ดูหนังกลางคืนจะมีมารยาท ไม่ทำให้เสียอารมณ์ระหว่างดูหนัง) แล้วรอดูทันที กรั่กๆๆๆ เปรม
การไปดูหนังครั้งนี้ไม่มีอะไรหวือหวามาก ไม่มีอะไรจะเล่ามากมาย ดังนั้นขอตัดไปที่ตัวหนังเลยละกัน
หนังภาคนี้ต้องยอมรับว่าเราไม่รู้เรื่องย่อมาก่อนเลย รู้แต่มันซั่มกัน (จากตัวอย่างหนัง) ที่เหลือเลยไปติดตามในหนังเอา (ชอบ Kristen Stewart เป็นการส่วนตัว ปริบๆๆ) ซึ่งถ้าถามว่าหนังภาคนี้เป็นยังไง ก็....
- Kristen Stewart ช้านนนนน T_T
- ความรักมันช่างสวยงาม
- และเจ็บปวด
- มาก
- อยากดูภาคต่อไปแล้วววว
- .... หมดละ!!
หนังภาคนี้เน้น Emotional เป็นหลักหนะ ตลอดเวลาชั่วโมงกว่าๆสามารถยุบเหลือใจความได้แค่ A4 ฟอนต์ 16pt สองหน้าเองมั้ง แต่ผู้กำกับสามารถยืดเป็นชั่วโมงกว่าแล้วทำให้มันมีจังหวะลุ้น จังหวะหายใจเข้าออก ได้รับรู้สึกศิลปะในด้านของ "แง่เวลา" และ "ความรู้สึก" เยอะเลยทีเดียวจากหนังเรื่องนี้
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ไม่สามารถให้ดาวได้เพราะมันเป็นหนังภาคต่อ (เอาจริงๆต้องบอกว่าเป็นหนังภาคเชื่อม ภาคนี้เนื้อหากลวงมาก แต่ก็สำคัญมากสำหรับภาคต่อไป) แต่ถ้าให้เทียบเป็นหนังภาคหนึ่ง ภาคนี้ก็คงเป็นภาคที่ไม่ได้สนุกมากมายอะไร แต่ถ้าเทียบว่ามันเป็นหนังที่ยาวมากจนต้องแบ่งเป็นหลายภาค ภาคนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรครับ
เรื่องแนะนำให้ไปดูมั้ย ไม่รู้จะแนะนำไปทำไม เพราะถ้าดูครบทุกภาคอยู่แล้ว ก็คงไม่พลาดกันอยู่แล้วป่ะ หรือถ้าไม่เคยดูก็ไม่รู้จะไปดูภาคนี้ทำไม ... ดังนั้นตัวใครตัวมัน !