การมาบาเซโลน่าครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกมาเมื่อสองปีก่อน (ปี 2009) ในครั้งนั้นศึกษาไปอย่างดีว่าต้องซื้อซิมการ์ด Local ที่ไหนเพื่อเอาไว้ใช้อัพโหลดรูปหรือเล่นเนต ฯลฯ แต่พอเอาเข้าจริงก็หาร้านซื้อไม่ได้ ... อด ...

มาครั้งนี้ก็ศึกษาไปจากไทยเช่นกัน โดยร้านที่จะไปซื้อมีชื่อว่า The Phone House ก็คงคล้ายๆกับ Jaymarts หรือ Blisstel บ้านเรานั่นแหละ มีขายซิมการ์ดและมือถือติดแพลนของ Operator เจ้าต่างๆ

วิธีการศึกษาก็คือเข้าเว็บ The Phone House (http://www.phonehouse.es) เว็บแม่มสุดยอด มีบอกด้วยว่าร้านอยู่ที่ไหน!! เสร็จโจรฮะเสร็จโจร แล้วไปจิ้มดูว่าร้านที่อยู่ใกล้ที่พักมันอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วก็จดใส่ Google Maps และ Ovi Maps ไปอย่างมั่นใจ

// บิน // บิน // บิน // บิน // ถึงบาเซโลน่า // เก็บของเข้าห้อง //

ณ บาเซโลน่า ทันทีที่เก็บของเสร็จก็เดินออกไปตามหาร้าน The Phone House ทันทีตามพิกัดที่จิ้มไว้ ซึ่งการเดินทางเพียง 400 เมตรนี้เป็นอะไรที่ลำบากมากเพราะถนนหนทางที่นั่นมันออกแบบโดยผู้ออกแบบเขาวงกต -_- เข้าใจแล้วที่เค้าบอกว่าเดินไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด ที่นี่เลย บาเซโลน่า ใช่เลย ทุกอาคารทุกซอยเราไม่สามารถหาความแตกต่างได้ด้วยตาเปล่า แม่เจ้า!!

ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินกว่าจะถึง (แม่เจ้า) กวาดตามองซ้าย .... กวาดตามองขวา .... .... .... .... ไม่มี!!! เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย ได้ไงอ่ะได้ไง มาจากเว็บมันเลยนะเว้ย!! อ่อๆ มองโลกในแง่ดี ร้านมันคงปิดไปแล้วมั้ง (แล้วทำไมไม่เอาออกจากเว็บ?!?)

ยังไม่ยอมฮะ เดินไปอีกร้านนึงที่จิ้มไว้เช่นกัน อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ดีนะเนี่ยที่หาไว้สองที่ คุคุคุ ซึ่งพอไปถึง .... .... .... .... ที่นี่ก็ไม่มี!!

แม่มครับ หมดแรง เดินทางมาอย่างเหนื่อย พอมาถึงที่กลับไม่เจออะไร เลยหน้าบูดไปงาน MWC เลย

// เวลาผ่านไป // ผ่านไป // ผ่านไป // ผ่านไป // ... //

ตัดภาพไปวันที่ 3 ของการอยู่สเปน (เนื่องจากวันที่สองต้องไปอยู่ที่งาน bada Developer Day ทั้งวัน) ในวันที่ 3 นี้มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะต้องไปซื้อซิมการ์ดให้ได้ (ภาษาอังกฤษวันนั้นเริ่มเข้าที่แล้ว) โดยอาศัยการเตรียมตัวในคืนก่อนหน้า แต่ไม่เปิดแม่มละเว็บ Phone House เนี่ย ไปเปิด Google Maps แล้ว Search หาเอาแทน!

ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าตำแหน่งที่ในเว็บ Phone House ปักหมุดไว้ไม่มีร้านอยู่เลย -_- แต่ไปมีอยู่ที่นึงที่ห่างไปอีกประมาณ 200 เมตร แต่เราไม่เชื่อ ... (ณ นาทีนั้นต่อมความเชื่อคนง่ายลดลงเหลือ 0) ก็เลยใช้ฟีเจอร์ Street View ของ Google Maps ไปกวาดตาดูแบบ Virtual หาร้าน The Phone House ... เจอแล้ว!! ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้สบายใจขึ้นแสนเท่าเพราะรู้สึกว่ามันมีตัวตนจริงๆละ

ก็เลยเดินไปอย่างมั่นใจ พอถึงจุดก็เจอร้านตรงกับที่เจอใน Street View ทุกอย่าง (สุดยอด!) เลยเข้าไปซื้อซิมอย่างใจเย็น

โดยบอกที่ร้านไปว่าอยากได้ซิมที่ใช้เนตเป็นหลัก (ซึ่งจริงๆแล้วศึกษามาก่อนหน้าแล้วว่าต้องเป็นซิม Pre Paid ยี่ห้อ Yoigo ที่จ่ายค่าเล่นเนตวันละ 1.20 ยูโร) ทางร้านก็เสนอ Yoigo มา ก็เลยตรงกัน ปิ๊งๆ จัดมาเลยซิมนึงเพ่!

การซื้อซิมไม่ได้ใช้อะไรมากมายนอกจาก Passport กับเวลาอีกประมาณ 20 นาที (นานสาดดดด) พร้อมกับเงิน 20 ยูโร แบ่งเป็น 10 ยูโรสำหรับค่าซิมการ์ดและอีก 10 ยูโรเป็นค่าเครดิต คำนวณเงินแล้วก็เสียดายเงินนิดหน่อยเพราะใช้แค่ 2.4 ยูโรเท่านั้น ต้องโยน 7.6 ยูโรทิ้ง ... เอาวะ!! ไม่เป็นไร T_T (Ovi Store ก็ไม่สนับสนุน Operator Billing ที่สเปน จะเอาเงินไปซื้อแอพฯก็ซื้อไม่ได้ ชิ)

รูปแบบซิมการ์ดก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากของไทย แต่ที่จะต่างก็คงเป็นซิมการ์ดจะมาพร้อม SIM PIN Lock Code ด้วย ดังนั้นจำตัวเลขนี้ให้ดีถ้าไม่อยากซื้อซิมใหม่ -_-

วิธีการเปิดใช้เนตก็ง่ายมากมายอีกนั่นแหละ แค่เสียบซิมแล้วตั้ง APN ให้ Type เป็น internet แล้วก็ใช้ได้เล้ยยยย โดยเครือข่ายก็ไม่กระจอก เป็น 3.5G นะจ๊ะ เร็วมากกก แต่ด้วยราคาเพียง 1.20 ยูโรต่อวันเค้าเลยจำกัดปริมาณข้อมูลไว้ที่ 100 MB ต่อวัน ... ตอนแรกก็กลัวว่าจะไม่พอ แต่ปรากฎว่าแบตหมดก่อนจะใช้เนตหมดทู้กกกกกที ... 3G มันกินแบตได้อีก กราบบบ

สรุปประสบการณ์การซื้อซิมที่สเปนขอบอกตามนี้

1) การซื้อทำได้ "ง่ายมาก" แต่อย่าลืมพก Passport กับเงินสดไปเหนาะๆ 20 ยูโร

2) แต่ร้าน The Phone House "หายากมาก"

3) อย่าไปเชื่อเว็บ The Phone House ว่ามันมีร้านอยู่ตรงไหน เชื่อไม่ได้เลย!! ... ให้ไปหาใน Google Maps เอาแทน

4) แต่อย่าเพิ่งเชื่อ Google Maps เปิด Street View ดูด้วย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน คุคุ

5) เครือข่ายมันแรง แบตหมดไวมาก เตรียมตัวรับมือไว้ด้วย

ก็จบเรื่องราวเพียงเท่านี้ พยายามหาคนไทยที่เขียนเรื่องการซื้อซิมที่สเปนแล้วหาไม่ได้เลย ก็เลยลุยเองเขียนเองเลยละกัน หะหะ ก็ประมาณนี้แหละครับ เจอกันใหม่ Blog หน้า สวัสดี :)