App Store ค่ายไหนที่เราชาวหัวลำโพงยังเคยไม่ได้ Submit แอพฯขึ้นไป เราก็ดิ้นรนทุรนทุรายเพื่อให้ได้ Submit!! ล่าสุดก็ได้ส่งแอพฯขึ้น Windows Phone Marketplace หรือที่ในเว็บเรียกหน้า Portal ว่า "AppHub" (ซึ่งเป็นช่องทางเดียวกับที่เอาไว้ Submit เกม XBox) จึงมาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
การสมัครเข้าใช้ AppHub
การสมัครก็สมัครผ่านหน้า AppHub นั่นแหละ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท
1) Individual - บุคคลทั่วไป ค่าเข้าใช้ $99 ต่อปี
2) Student - นักเรียน นักศึกษา ที่สมัครผ่านโครงการ DreamSpark ไม่เสียค่าใช้จ่ายรายปี
3) Company - บริษัท ค่าเข้าใช้ $99 ต่อปี
โดยการสมัครจะต้องใช้ Windows Live ID ด้วย ... งานนี้ก็งงกันไปนิดหน่อยเพราะไม่ได้แต่ Windows Live มาสักพัก ^^"
คนที่สมัครแล้วต้องการจะขายแอพฯ (Paid Membership) จะต้องได้รับการติดต่อจาก GeoTrust ซึ่ง Microsoft Outsource ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้สมัคร ซึ่งตรงนี้เองอาจจะเป็นที่น่าปวดตับอยู่บ้างเพราะบางทีก็ไม่ได้รับการติดต่อจนทำให้แอพฯขึ้นบน Marketplace ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ใน FAQ ได้เขียนไว้ว่าถ้าอยู่ใน USA จะได้รับการติดต่อภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นประเทศอื่นๆจะภายใน 10 วัน
แต่ปัญหาที่คนไทยคงปวดตับกว่าเยอะคือ คนไทยสมัครไม่ได้นะจ๊ะ สาเหตุก็คงเพราะเรืองของภาษี บลาๆๆๆ ทำให้ทาง Microsoft ไม่สามารถจ่ายเงินส่วนแบ่งให้กับคนไทยได้ ส่วนของหัวลำโพงก็เลยใช้วิธีสมัครด้วยบริษัทต่างชาติแทน (ไม่ขอบอกรายละเอียดละกันนะ แค่อยากจะบอกว่ามันไม่มีวิธีที่บริษัทไทยหรือนักพัฒนาอิสระไทย) สำหรับประเทศที่สมัครได้ก็มีอยู่ประมาณ 30 ประเทศ ลองไปดูจากลิงค์นี้ได้
ทั้งนี้สำหรับคนที่อยากส่งแอพฯขึ้น Marketplace แต่ไม่มี Account ก็สามารถติดต่อผ่านผมหรือ Microsoft ได้ เพราะทาง Microsoft จะส่งไปที่บริษัทสิงคโปร์เพื่อ Submit แอพฯให้ แต่แน่นอนว่า Publisher Name ก็จะเป็นของบริษัทนั้นๆไป ส่วนเรื่อง Revenue Sharing ก็คุยกันไปเป็นเคสๆ
Policy การ Submit แอพฯ
ก็ถือว่าแปลกๆนิดหน่อย ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหน โดยแบ่งเป็นสองประเภท
1) แอพฯฟรี (Free App)
แต่ละ Account จะสามารถส่งแอพฯหรือเกมฟรีขึ้น Marketplace ได้ 5 ตัว หลังจากนั้นถ้าจะส่งอีกต้องเสียเงินค่า Submit ตัวละ $19.99 !!! นี่เองเป็น Policy ที่ไมโครซอฟต์เคยบอกว่า "Android Market แอพฯฟรีเยอะเกินไปจนตลาดเสีย เราเห็นปัญหาแล้วเลยป้องกันเรียบร้อย" ... เอิ่ม ป้องกันแบบนี้จะดีหรอครับ - -
2) แอพฯเสียตังค์ (Paid App)
อันนี้ส่งฟรีกี่ตัวก็ได้ (เพราะได้ Revenue Sharing จากการขายแอพฯอยู่แล้ว) โดย Revenue Share จะอยู่ที่ 30:70 โดย 30 สำหรับ MS และ 70 สำหรับนักพัฒนา ซึ่งเป็นมาตรฐานชาวโลก แต่ๆๆ ไม่ใช่ว่าคิดเงิน 1 เหรียญแล้วจะได้ 70 Cents นะ เพราะว่า 30:70 นี้แบ่งจากรายได้หลังหักภาษีแล้ว ซึ่งแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน (นี่แหละที่ทำไมคนไทยถึงยังขายแอพฯไม่ได้) แต่ก็มียกเว้นบางประเทศที่โยนหน้าที่จ่ายภาษีให้กับนักพัฒนาเองเช่นอินเดียเป็นต้น
ต้องใช้อะไรและระบุอะไรในการ Submit บ้าง?
ตามนี้ ไม่น้อยไม่เยอะ
1) Application Package เป็น .xap
2) Application Name และ Description
3) ไอคอนขนาด 173x173 px, 99x99 px และ 200x200 px ในรูปแบบไฟล์ PNG
4) Screenshots ขนาด 480x800 px ในรูปแบบ PNG ใส่ได้มากสุด 8 ภาพ
5) Background art ขนาด 1000x800 px (Optional)
6) ราคา
7) Keywords สำหรับการ Search แอพฯ
8) Category และ/หรือ Sub-category (มีให้เลือกและเลือกได้แค่อันเดียวต่อหนึ่งแอพฯ)
9) Feature app description - บรรยายแอพฯแบบสั้นๆ (สั้นโคดๆ) เพื่อใช้ในการโปรโมท
10) อีเมลสำหรับการ Support
11) เลือกว่าจะให้ใช้ Trial ได้หรือไม่
เป็นอันเสร็จพิธี
การตั้งราคา
ราคาต่ำสุดอยู่ที่ $0.99 และสูงสุดอยู่ที่ $499.99
ไม่มี Refund ก็ชั้นทำ Trial มาให้ลองแล้ว!
iPhone App Store และ Android Market ต่างก็มี Refund หรือการขอคืนเงินจากการซื้อแอพฯ อาจจะเพราะพลาดซื้อหรือซื้อมาแล้วไม่ได้ดั่งหวัง โดยต้องทำในเวลาจำกัด เช่นของ Android Market ต้องทำใน 15 นาที แต่ของทาง Microsoft Marketplace ไม่มีฟังก์ชั่น Refund นะจ๊ะ การซื้อขายถือเป็นสิ้นสุดตั้งแต่การกดซื้อ โดย Microsoft ได้สร้างฟีเจอร์ "Trial" หรือ "การทดลองใช้ก่อน" ขึ้นมาแทน เรียกว่าเอาโปรแกรมตัวเต็มไปลองใช้เลย แต่มีจำกัดเวลานะ ถ้าจะใช้ต่อก็จ่ายเงินซื้อซะดีๆ คุคุคุ แบบนี้ Developer ชอบนะ เขียนแค่ครั้งเดียว :)
การติดตั้งโปรแกรมสำหรับ End User
การเข้าโหลดแอพฯจาก Marketplace ต้องใช้ Windows Live ID ในการ Login เข้าไป ซึ่ง End User สามารถติดตั้งโปรแกรมลงในหลายๆเครื่องได้โดยใช้ Windows Live ID เดียวกัน แต่ Limit ไว้ที่ 5 เครื่อง ถ้าเกินนั้นต้องจ่ายตังค์เพิ่ม
เวลาที่ใช้ในการ Approve แอพฯ
เรียกว่าหงุดหงิดและผิดหวังไปกับทุก App Store ไปเป็นที่เรียบร้อยเนื่องจากความช้าและความงี่เง่าของฝ่าย Approve และตัว Microsoft Marketplace ก็เหมือนจะไม่ต่างกันมาก... เพราะนี่ Submit แอพฯไป 18 วันแล้ว แต่ Status ก็ยังขึ้นเป็น Testing in Progress อยู่เลย!!! โอ้ว ม่ายยยยยย แถม GeoTrust ก็ยังไม่ได้ติดต่อมา เลยไม่รู้ว่าตกลงมันไปคอขวดที่ไหน แต่ที่แน่ๆตอนนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจแล้ว
ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมค่ายต่างๆถึงไม่มีความจริงใจในการปรับปรุง App Store จะมีที่เห็นว่าดีสุดและคงเส้นคงวาก็มีแค่ Apple App Store นี่แหละ ถึงจะทำงานช้า (10 วันเป็นอย่างน้อย) แต่ก็ชัวร์ ส่วน SamsungApps, Ovi Store, Marketplace นี่
หืม? Android Market หรอ... ปล่อยมันไป - -
จบแค่นี้แหละ สวัสดี!