"Fly high but don't fly alone"
ฉาบฉวยมาร์เกตติ้ง
22 Aug 2010 21:09   [6064 views]

ปีสองปีที่ผ่านมาประเทศไทยก็ก้าวเข้าสู่ยุค Social Network Boom บริษัทห้างร้านรวมถึงผู้ค้ารายย่อยนับหมื่นนับแสนรายหันมาจับ Twitter และ Facebook มาใช้ในการตลาด ซึ่งก็คงถูกแหละเพราะโลกมาทางนี้อยู่แล้ว


จุดหมายทุกคนเหมือนกันคือ

Twitter : ต้องมี Follower ให้เยอะที่สุด!!

Facebook Fan Page : ต้องมีคนกด Like ให้เยอะที่สุด!!

Web : คนต้องเข้าเยอะที่สุด!!

ซึ่งมันถูกต้องตามหลักการ แต่ปัญหาอยู่ที่ "วิธีการ" เมื่อแบรนด์ไทยจำนวนมากคิดแต่จะทำตามจุดประสงค์ด้านบนแต่ลืมเรื่องการละเมิดสิทธิ์ การรบกวนและอิมเมจของแบรนด์ไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้เกิดการตลาดที่เราตั้งชื่อไว้เรียบร้อยแล้วว่า "ฉาบฉวยมาร์เก็ตติ้ง" หรือ "การตลาดแบบกูรีบกูจะเอากูไม่สนใจอิมเมจกูจะทำ มีอะไรป่ะ!!"

ที่มีหลายคนเลือกทำแบบนี้เพราะว่าการทำการตลาดแบบฉาบฉวยมันดูง่าย ใครก็ทำได้และเหมือนจะได้ผล เพียงแต่ผลกระทบที่ตามมาอาจจะทำให้แบรนด์วอดวายเลยก็ได้ โดยฉาบฉวยมาร์เก็ตติ้งมีวิธีคิดง่าย "คำนึงแต่ผลจำนวนที่ได้เป็นพอ"


วิธีทำฉาบฉวยมาร์เก็ตติ้งมีหลายแบบด้วยกัน หากคิดจะทำแบบนี้ก็เตรียมตัว... วอดวายได้!!


1) (Facebook) กด Like เยอะๆนะคะ ใครได้ Like เยอะสุดแจกของ!!

วิธีนี้เห็นได้เยอะมากใน Facebook เพราะคนที่จะกด Like สถานะใน Fan Page ได้ก็ต้อง Like Fan Page ก่อน ตรงนี้ทำให้พวก Marketer เล็งเห็นว่าเป็นวิธีเพิ่มคนใน Fan Page ได้ดีนักแล

ถูกที่มันเพิ่มจำนวนได้ดีจริงๆ... แต่ถามว่าถ้าใช้วิธีนี้จะเกิดอะไรขึ้น? อ่ะให้นึกภาพตาม!

หากของรางวัลมีราคามากๆสิ่งที่ตามมาคือ "ความพยายาม" การสมัครสมาชิกใหม่สัก 1000 แอคเคาท์เพื่อจะได้ของชิ้นนี้ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ทำได้ครับ ซึ่งตรงนี้ทางแบรนด์จะแฮปปี้ด้วยเพราะจะได้มี "จำนวน" คน Like เยอะๆ ไม่สนใจหรอกว่าเป็นมนุษย์สัตว์เลี้ยงหรือไส้เดือน เอาหมด!!

เมื่อมีความพยายาม "ความคาดหวัง" จะตามมาเพราะเค้าต้องนั่งเหนื่อยสมัครสมาชิกใหม่ และแน่นอนว่าคนคาดหวังไม่ได้มีคนเดียว แต่มีเป็นร้อยคน สุดท้ายการทำอะไรแบบนี้มันไม่ใช่การแจกไปฟรีๆสำหรับผู้ใช้แต่มันเป็นกิจกรรมที่มี "ต้นทุน"

อะไรก็ตามเมื่อมันมีต้นทุนแล้ว หากไม่ได้ผลตามที่คาดมันคือการ "ขาดทุน" ครับและไม่มีใครชอบขาดทุน ต้องหา "คนรับผิดชอบ" เสมอ

เคสที่จับต้องได้เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆกับ Facebook ของแบรนด์หนึ่งที่แจกกระเป๋าราคาแสนกว่าบาทด้วยวิธีดังกล่าวนี้ สุดท้ายเกิดการประท้วงและอิมเมจตอนนี้ติดภาพลบไปเรียบร้อย


2) จัดแข่งหรูหราแต่เจือกตัดสินด้วยการโหวต!!

ยังไม่พ้นเรื่องโหวต แต่อันนี้ไม่ใช่เรื่องของ Social Network แต่เป็นการแข่งขันใดๆก็ตามที่ตัดสินด้วยการโหวต สุดท้ายปัญหาจะตามมาเสมอไม่ว่าจะเป็น Scale เล็กๆอย่างการจัดประกวดเขียนนิยายหรือประกวดนางสาวบลาๆอะไรก็ตาม หรือกลางๆอย่าง Thailand Blog Awards ที่เพิ่งจัดไป หรือจะใหญ่โคดๆอย่าง Academy Fantasia

การโหวตแบบนี้จะต่างจาก Facebook อย่างนึงตรงที่พวกนี้มักจะไม่มีระบบสมาชิก ใครโหวตก็ได้ จำ IP เอาอย่างเดียว แล้วก็โหวตได้ทุกชั่วโมง.... ฉิบหายกว่าเดิมอีก!!!

เช่นกันว่ามันมี "ต้นทุน" อีกแล้ว ไม่ต่างอะไรกับข้อ 1 แต่สิ่งที่เลวร้ายเข้าไปอีกคือมันเป็นการส่งเสริมให้ผู้ร่วมแข่งขันไปรบกวนผู้อื่นอย่างเต็มใจ ตลอดเวลาเลยที่เราได้รับเมลไม่ก็ MSN ไม่ก็ Facebook เข้ามาบอกว่า "ช่วยโหวตหน่อยนะค้า" ... ถ้าได้รับอาทิตย์ละครั้งหรือเดือนละครั้งคงไม่เป็นอะไร แต่แม่งมาทุกวัน!!!! บางทีมาทุกชั่วโมง ไม่รู้มันจะขยันอะไรนักหนา คนพวกนี้เราเลิกคบไปหลายคนมากๆแล้ว เหมือนเหยียบคนอื่นได้ดีอ่ะ ... สุดท้ายแบรนด์ก็เสียอิมเมจส่วนผู้เข้าแข่งขันก็เสีย... เสียเพื่อนไปเลย คุ้มมั้ย?

ส่วนตัวถ้าจะเข้าแข่งงานไหนก็ตาม เกณฑ์แรกที่ผมจะสแกนดูกติกา หากมีข้อไหนเขียนว่า "ตัดสินจากการโหวต" ถึงแม้เอามาคิดแค่ 10% ผมก็ไม่แข่งครับเพราะนิสัยส่วนตัวไม่ชอบการทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา หากให้โหวตผมก็จะปล่อยไว้อย่างงั้นแหละ หากมีดีคนก็โหวตเอง แต่เอาเข้าจริงมันไม่เคยเวอร์คหรอกครับ คนที่มีเพื่อนเยอะสุดและรบกวนเพื่อนเก่งที่สุด คนนั้นนั่นแหละที่จะได้รางวัล

ก็ขอนะขอ ใครทำแบบนี้ก็เลิกได้แล้ว มันเอาท์ละ


3) ใคร Share หรือ RT เยอะสุดแจกของ!!

ยังมีเห็นอยู่เรื่อยๆ มาร์เก็ตติ้งแบบนี้เป็นการรบกวนและส่งผลเสียต่อแบรนด์โดยตรงเพราะว่ามันจะขึ้นมาบน Timeline เรื่อยๆเพราะตามนิสัยของคนเล่น Twitter คือจะเช็คเรื่อยๆ ถ้าเห็นข้อความอะไรพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมามันจะ "น่ารำคาญมาก"

ทุกวันนี้ก็ยังมีคนทำอยู่เพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว "อยากมี Follower เยอะๆ" แต่สุดท้ายพอหลังจบกิจกรรมทุกคนก็จะผิดหวังและ Unfollow ทิ้งหมดครับ ไม่ต้องห่วง สุดท้ายเอาอิมเมจแบรนด์ไปทิ้งชัดๆ


4) (Twitter) ใครใช้ Hash Tag เยอะสุดรับไปเลย

ไม่ต่างอะไรกับข้อ 3 เป็นการรบกวนอีกแบบแต่อันนี้ Aggressive ไม่ต่างกันและสร้างภาพลบได้อย่างสวยงาม


5) (Twitter) ใคร Follow อั๊ว สุ่มแจกของ

อันนี้ดีอย่างนึงที่ไม่เป็นการรบกวนใคร แต่... ถ้าจบกิจกรรมไปแล้วคุณจะทำยังไงให้เค้า Follow คุณต่อ อย่าลืมนะว่า Follow ได้ก็ Unfollow ได้


6) ใครบอกต่อเพื่อนเยอะที่สุดรับของไปเลย

ก็ยังมีคนทำเรื่อยๆพวกวิธีแบบ MLM ส่วนใหญ่จะเห็นกับพวกกิจกรรมต่างๆ จริงอยู่ที่มันเป็นการให้รางวัลแบบสมเหตุสมผล แบรนด์ก็พร้อมจะให้ของ คนชวนเพื่อนก็เต็มใจจะชวน แต่...ได้ถามคนที่ถูกชวนรึยัง? เพราะเกือบ 100 ทั้ง 100 คนรับคำชวนไม่ได้อะไรเลยนอกจากเป็น "เครื่องมือ" ของเพื่อนอีกต่อหนึ่ง


7) เอาของไปรีวิวนะแล้วชมเยอะๆด้วยหละ

จริงๆมันเป็นแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ามาร์เก็ตติ้งแบบนี้ มีให้เห็นตั้งแต่ชาติปางก่อนจนถึงป่านนี้ แต่ตอนนี้พอยุคการตลาดผ่านอินเทอร์เนตเริ่มบูมๆๆหลายแบรนด์ก็เริ่มมองเห็นว่าการรีวิวสินค้านี่แหละจะเป็นช่องทางการโฆษณาถึง End-User ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เพียงแต่แบรนด์จะไม่ชอบที่จะให้ของรีวิวแล้วออกมาดูแย่ (แน่นอนอยู่แล้วหละ) ก็จะมีตลอดที่บอกว่าช่วยอวยให้หน่อยสิ ช่วยพูดเชียร์ให้หน่อยสิ ...

สำหรับคนที่รีบของมารีวิวแล้วอวยต้องถามตัวเองไว้ก่อนว่า "พร้อมจะขายวิญญาณตัวเองให้สักแบรนด์นึงรึยัง" ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยได้เพราะหากสินค้าไม่ดีแต่บอกว่าดี คนที่จะเสียไม่ใช่แบรนด์หรอกแต่เป็นคุณ แบรนด์ยังไงก็ขายได้แต่คุณจะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไป :)

วิธีที่ดีที่สุดคือทำสินค้ามาให้มีคุณภาพและให้ Reviewer เป็นคนบอกต่อดีที่สุดครับ จำไว้ว่า Viral เป็นการบอกต่อไม่ใช่การโกหกต่อๆกันไป ^_^


8,9,10-1000000)

จริงๆยังมีอีกหลายวิธีมากที่เรียกได้ว่าเป็นฉาบฉวยมาร์เก็ตติ้ง (จั๊มป์แมกกาซีนก็อีกอัน) ซึ่งทั้งหมดมีองค์ประกอบรวมได้แก่

- การทำให้ผู้เข้าร่วมมีต้นทุน
- การรบกวนผู้อื่น
- การโกหก
- การทำอะไรที่ไม่มีคำว่ายุติธรรมแต่ประกาศว่ายุติธรรม


ไม่ได้บอกว่าวิธีเหล่านี้ห้ามทำ แต่ถ้าคิดจะทำจงรู้ว่ามันเป็นดาบสองคมอย่างรุนแรง แน่นอนว่าตอนแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีมากแต่สุดท้ายปัญหาใหญ่หลวงจะตามมาอย่างที่ บอย โกสิยพงศ์เคยแต่งเพลงไว้ว่า "สุขก็เตรียมไว้ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล" ... (ไม่เกี่ยว)


ดังนั้นหากคิดจะใช้วิธีการเหล่านี้ก็คิดด้วยว่าจะ Handle กับปัญหานับร้อยที่จะตามมาอย่างไร โดยถ้าคิดจะทำอะไรลองแก้ปัญหาที่ผม Highlight ไว้ในแต่ละหัวข้อ ถ้าแก้ได้ทุกคำก็เชิญทำได้ :)


แล้ววิธีที่ดีที่สุดหละ? จำไว้ว่า "โลกนี้มันไม่มีทางลัด" หรอก ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ก็ต้องใจเย็นๆ แทนที่จะคิดว่าทำยังไงให้มี Follower แบบลัดๆเปลี่ยนไปคิดใหม่ทำใหม่ว่า จะทำยังไงให้ Content โดนใจกลุ่มเป้าหมาย แล้วจากนั้นคนจะเดินมาหาคุณเองครับ


จบบริบูรณ์

บทความที่เกี่ยวข้อง

Nov 23, 2010, 00:50
4957 views
โนเกียกำลังจะกลับมา (มั้ง)
Aug 23, 2010, 22:30
4063 views
ได้เป็น Celeb แล้ว!!
0 Comment(s)
Loading