ก็คงเป็นแค่อีกครั้งที่บอกว่า ไม่ได้อัพ Blog มานานมากกกกกกกกกกกกก ช่วงนี้งานวุ่นหนะ (ก็วุ่นเหมือนเดิม) แต่สิ่งที่วุ่นเพิ่มขึ้นมาจากเดิมคือกำลังปั้นเว็บ Mobile Application Developer Community แบบจริงจังขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ก็เปิดแบบคร่าวๆไว้แล้วแต่ Content ยังไม่เยอะมากเลยยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กลัวคนเข้าเว็บนอยด์ :p ไว้จะมาแนะนำตัวอีกทีสักอาทิตย์หน้าละกัน :) ส่วนอีกอย่างที่ทำให้ชีวิตแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ เรียกว่าใช้เวลา Research กันวุ่นวายเลยคือ กำลังเล่น Bada แบบเกือบเต็มตัวอยู่ เพราะมีโปรเจคเข้ามาพอดีแถมมีเวลาให้ไม่มาก เลยต้องใช้เวลากับมันมากเป็นพิเศษหน่อย
สำหรับ Blog นี้ขอเขียนเกี่ยวกับมือถือ (อีกแล้ว) แต่คราวนี้มาแบบอัพเดตหน่อยเพราะขอเอา iPhone, Android, WP7 และ Bada มาชนกันเสียหน่อย ว่าอนาคตของแต่ละตัวในมุมของ Developer และการหาเงินจะเป็นยังไง ทีละตัวเลยละกันนะ
iPhone
มาแรงแล้วแรงอีก ฟังดูอาจจะเป็นตลาดที่มีเงินมากมายวิ่งอยู่ตลอดเวลาและ Developer ทั่วไปมองว่ามันคือแหล่งหาเงินที่ดีที่สุดแล้ว!! แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่ภาพลวง... พักหลังตลาดเริ่มแย่ลงเพราะเริ่มมีคนทำ App เยอะขึ้นเรื่อยๆจนมี App ประเภทเดียวกันอยู่เป็นร้อยตัว ทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรง สุดท้ายแอพฯที่จะโด่งดังต้องเกิดจากการบอกต่อกันทางออนไลน์แทบจะล้วนๆ ดังนั้นคนที่ทำรายได้จาก iPhone คือ
1. คนที่ทำ App ซ้ำกันคนอื่นแต่มีการทำการตลาดอย่างหนัก ทุ่มเงินเป็นกอบเป็นกำเพื่อโฆษณาจนติดตลาด ทุกวันนี้มีธุรกิจรับจ้างรีวิวแอพฯบนเว็บเพื่อให้แอพฯเป็นที่ติดหูกันเลยทีเดียว
2. คนที่ทำ App ไม่ซ้ำกับคนอื่น แต่... ก็ต้องทำการตลาดอย่างหนักด้วยเช่นกัน!! ไม่งั้นก็จะกลายเป็นแอพฯที่จมอยู่ในมหาสมุทร
3. เปิดบริการ Service ซึ่งปกติ Service จะลอกไม่ได้ แต่ต้องเป็น Service ฟรีแล้วอาศัยขายโฆษณาเอา
4. App เฉพาะทาง เช่น App ทางการแพทย์ เป็นต้น
ตอนนี้ก็พูดได้เลยว่ามันไม่ใช่ตลาดสำหรับ Freelance Developer เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เป็นตลาดของบริษัทใหญ่ๆหรือผู้ที่มีทุนทำการตลาด มันเป็นตลาดธุรกิจของจริงซึ่งไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเล่นอีกต่อไป
...ถึงจุดนี้คงจะมีคนเถียงว่าไม่จริง... เอาเป็นว่ามันมีโอกาสที่ Freelance Dev สำเร็จอยู่ครับแค่อัตราการสำเร็จมันต่ำมาก
แล้วนักพัฒนาจะหาเงินยังไงหละ? คำตอบสุดท้ายคือรับ Outsource มาทำครับ เพราะ Demand ของแบรนด์ต่างๆที่จะทำ App บน iPhone ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่อย่าหวังว่าจะทำ App ขายเอง เพราะถึง App มันจะดีจริงแต่เราไม่มีเสียง สุดท้ายก็จะโดนคนมีเสียงลอกอยู่ดี (ไม่ต้องแปลกใจ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีก ปลาใหญ่กินปลาเล็ก และเกิดขึ้นในทุกวงการธุรกิจ เรียกว่าเราตะโกนสุดเสียงก็ดังไม่เท่าเจ้าใหญ่พูดเบาๆ)
จริงๆการจะทำ App ในนาม Freelance Developer แล้วขายเป็น Retail ผ่าน App Store เองก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แค่อัตราความสำเร็จอาจจะมีแค่ 1 ใน 1000 เท่านั้น ซึ่งถ้าพร้อมเสี่ยงก็ลองดูได้ครับ แค่ไม่แนะนำ... :p
มาถึงตอนนี้ iPhone OS 4.0 ออกมามันพิสูจน์ความคิดอะไรหลายๆอย่างของ Steve Jobs ประเด็นนึงคือทำไมถึงมีบริการ iAd ขึ้นมา? ก็เพราะสตีฟมองเห็นว่าอนาคตของโปรแกรมบน iPhone/iPad คือแอพฯฟรี นั่นเอง และทุกคนต้องอาศัยรายได้จากการขาย Ads นั่นแหละ ยังไงขอให้ลองเอาโมเดลนี้ไปพิจารณา :)
Android
แอนดรอยด์มาแรงจริงๆ ใครๆก็ทำแอนดรอยด์ แต่ตลาด Developer เรียกได้ว่าบัดซบ!! ตั้งแต่ผ่านมายังแทบไม่มีใครได้รายได้จริงๆจังๆจาก End User เลย (ยกเว้น 2-3 Apps ที่ทำมาตั้งแต่แอนดรอยด์ออกมาใหม่ๆ เรียกว่า Long Tail มากๆ)
ทำไมตลาด Dev บน Android ถึงบะโซะจีจีเรอออ?
1. App เขียนง่าย... ง่ายจนใครก็เขียนได้ (เป็นข้อดีและข้อเสียในตัว) ตอนนี้เลยมี App ประเภทเดียวกันเป็นสิบเป็นร้อยตัวต่อ App (ไม่ต่างจาก App Store ของ Apple มากมาย)
2. คนเขียน App เอามันส์ไม่หวังธุรกิจมีเยอะมาก แล้วบาง App ก็ดีกว่าโปรแกรมไม่ฟรีเสียอีก ตลาดเลยเสียไปตามระเบียบ (สังเกตดูได้จากมี App Geek เยอะมากบน Android)
3. Market เปิดสุดๆ ใครจะเอาอะไรเข้าไปก็ได้โดยไม่ต้องผ่านการ Approve
4. API ปิดกั้นจนทำอะไรมากไม่ได้ ตอนนี้ไป Search Market ก็จะเห็น Spam มากมายไม่ว่าจะเป็น App ไฟฉายยอดฮิตหรือ App Gallery เซ็กซี่ที่นิยมเหลือเกิน ส่วน App เทพๆยังไม่ค่อยเห็นนักถ้าไม่รูท... แต่อนาคตอาจจะดีขึ้น
5,6,7,8,9,... ยังมีอีกหลายเหตุผลมากซึ่งส่งผลให้ App เต็มไปด้วย Quantity และ Geeky แต่เหตุผลอื่นๆก็ยังไม่ซีเรียสเท่าปัญหาข้างต้น
ตอนนี้ App บน Android จึงเกิดปัญหาว่า Market เต็มไปด้วย App ฟรี ไม่ค่อยมีใครขายได้ (ตรงตามที่บอกไว้ตั้งแต่มันออกใหม่ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เราไม่จับ Android จริงๆจังๆสักที)
ตอนนี้ Google เริ่มมีการแก้เกมบ้างเล็กน้อยด้วยการแจกมือถือฟรีสำหรับคนที่ทำให้ App ตัวเองโด่งดังบน Market ได้ (ได้มากกว่า 3.5 ดาวและดาวน์โหลดมากกว่า 5 พันครั้ง) แต่ก็เรียกได้แค่ของขวัญของกำนัลเท่านั้น ไม่ใช่เงินเป็นกอบเป็นกำแบบทาง iTunes App Store ... ยกเว้นอนาคต Google ผู้เงินหนาจะแจก(ฟาด)เงินให้ Developer ที่ App ติดอันดับนั่นแหละ อันนั้นค่อยน่าทำหน่อย :p
อย่างไรก็ตาม Google กลับแฮปปี้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพราะเข้าทาง Google เลยที่มีแต่แอพฯฟรี แอพฯฟรีหมายความว่าอะไร? ก็หมายความว่าทุกคนต้องหารายได้จากการโฆษณาหนะสิ!! คราวนี้พี่กูเกิ้ลก็มีความสุขกันไปเลยทีเดียว นี่ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุนึงที่ Apple ทำ iAd มาแข่งก็เป็นได้ (ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด สังเกตดูดีๆ)
อย่างไรก็ตาม การที่ App เขียนง่ายก็จะก่อให้เกิด Creativity ได้เพราะไม่มีข้อจำกัดทางด้านการพัฒนาแล้วก็จะได้ใช้สมองไปทำอย่างอื่นแทน ตรงนี้ต้องอาศัยผู้ใจบุญเป็นแรงผลักดันทำฟรี(หรือเอาแต่ชื่อเสียง)ไปเรื่อยๆ กูเกิ้ลจะได้ครองโลก วะฮะฮ่าาาา -*-
สุดท้ายต้องบอกว่า Android ไม่ตายหรอกและคงจะพุ่งไปสู่อันดับ 1 ได้ไม่ยากและไม่ช้า เพียงแต่คนที่ยิ้มคือ Google, ผู้ผลิตมือถือและ Operator เท่านั้น ทางฟาก Developer.... คงไม่ใช่ตลาดที่ดีนัก ขอฟันธงดังนี้
1. ระยะแรก ทำ Retail App ไปได้เพราะ App ดีๆยังมีน้อย แค่เพียงต้องตระหนักเสมอว่าเตรียมโดนลอกได้เลย ดังนั้น... ถ้าจะทำ.. ทำเกมเถอะ!! รับรองรวย!! (ระยะแรกนะ เพราะตลาดยังไม่มีเกมเท่าไหร่ มี Demand อยู่ๆ)
2. ระยะยาว ฟันไปเลยว่าถ้าจะทำเงินตอนแอนดรอยด์เติบโตแล้วต้องเป็นตลาด Service เท่านั้น ไม่ใช่ตลาด Retail App
3. รับ Outsource มาทำ(อีกแล้ว) เพราะ Demand การทำ App แบรนด์ตัวเองบน Android มีสูงมากกกกกกกก สูงแบบว่าสูงมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก เอาเป็นว่ามีคนมาติดต่อเนยอาทิตย์ละตัวโดยประมาณและยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตลาดนี้น่าสนใจมาก (แต่ต้องมี Connection พอสมควรไม่งั้นงานจะไม่ตกมาถึงท้อง)
Windows Phone 7
ก็คิดแล้วว่าต้องมีวันนี้เพราะ Microsoft มีตังค์ ไม่แปลกหรอกที่จะทุ่มเงินเพื่อเขียน Mobile OS ตัวใหม่ขึ้นมา และก็ถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เขียนโปรแกรมค่อนข้างง่าย มี UI แบบลากแปะได้เลยและโปรแกรมก็เขียนด้วย C# เท่าที่ลองแล้วก็น่าจะมีอนาคตอยู่ในกลุ่มหนึ่ง แต่ตรงนี้บอกอะไรไม่ได้มากเพราะอะไรก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่
สำหรับตลาด Developer เนยเชื่อว่า Windows Phone 7 เป็น OS ที่น่าจับในระดับกลางๆเพราะถือเป็นตลาดใหม่ มีช่องทางและโอกาสเยอะ แต่จุดอ่อนด้อยของมันคือ Microsoft ไม่คิดจะทำมือถือเอง ตอนนี้ที่ประกาศออกมาว่าจะทำ Windows Phone ออกมามีแค่ HTC เจ้าเดียวเท่านั้น ดังนั้นดูตลาดตรงนี้ไว้ก่อน จับไว้ไม่เสียหายเพราะยังไง Microsoft ก็เป็นเจ้าใหญ่ แต่อย่าเพิ่งหวังหรือลงทุนอะไรกับมันมาก (นอกจากจะทำ App ที่ Must-Have จริงๆ ก็ลุยไปเล้ยยย)
ตอนนี้เท่าที่มองตลาด Windows Phone เนี่ย... บอกตามตรงว่ามองไม่ออกว่ามันจะไปได้ดีทางไหน
...เครื่องถูกหรอ? ไม่มีทาง Android ถูกกว่า
...เครื่องเทพหรอ? ก็แล้วไงอ่ะ
...เชื่อมกับ XBox ได้? ... สำหรับคนติด XBox ทั่วโลกตอนนี้มีเยอะมากนะ ก็น่าสนใจ... แต่สุดท้ายก็จะไปติดอยู่ที่ตลาดเกมอีกแล้ว
...เขียนโปรแกรมง่ายหรอ? ... อันนี้น่าสนใจเพราะเขียนง่าย แต่อุปสรรคใหญ่ก็คือ Single Tasking ที่จะทำให้ทำโปรแกรมอะไรแปลกๆไม่ได้ สุดท้ายก็จะทำได้แค่แอพฯทั่วไป... เอิ๊กกก
สุดท้ายเนยคงยังสรุปไม่ได้ว่าควรจับมันมั้ยเพราะถือว่าเร็วเกินไป คงต้องไปดูว่า Marketplace ของ Windows จะทำมาดีแค่ไหนและ Policy จะดีพร้อมหรืองี่เง่าแค่ไหน ถึงจะบอกได้ว่าเราควรจะไปเล่น Windows Phone มั้ย
สั้นๆแค่นี้ละกันสำหรับ Windows Phone 7
Bada
ระบบปฏิบัติการ Bada เป็นระบบปฏิบัติการที่เรียกได้ว่าไม่มีใครมองจริงๆเพราะดันโผล่มาในตอนที่มีสงคราม OS ครั้งใหญ่อยู่
ช่วงนี้เนยศึกษา Bada อยู่อย่างหนัก... หนักพอที่จะทำเป็นเกือบทุกอย่างใน Bada แล้วจึงได้รู้ว่า... (พูดกันตรงๆเลยนะ) มันเป็น OS ที่รวมเอาข้อดีและข้อเสียของ OS อื่นมาอยู่ด้วยกันอย่างครบถ้วน!! ไอ่ข้อดีอ่ะก็โอเคนะ แต่ไอ่ข้อเสียเนี่ยจะเอามาทำม้ายยยยยย รมณ์เสีย -*-
ข้อดี
- ทุกอย่างรันเป็น Native (C/C++) OS จึงเร็ว
- เขียนโปรแกรมค่อนข้างง่าย ลากแปะๆ แต่เพราะมันเป็น C เลยอาจจะยากกว่า Java นิดหน่อย
- มี Home Screen (TouchWiz) ที่สามารถทำ Widget มาวางได้ สะดวกมากมาย แถม Widget ยังเขียนง่ายมากด้วยภาษา HTML/CSS/Javascript ด้วย Widget SDK
- UI ดึงเอาข้อดีของ OS อื่นมาไม่ว่าจะเป็น iPhone, Android และ Palm Pre ทำให้ดูค่อนข้างน่าใช้
ข้อเสีย
- เจือกกกกเป็น Single Tasking!! เลยจบกัน โปรแกรมบรรเจิดๆก็คงหาไม่ได้มากนักเพราะปัญหาทางด้านเทคนิคนี้แหละ
- Policy การส่ง App ขึ้น App Store เรียกว่าลอกความบะโซะชอง Ovi Store (ที่พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เวอร์ค) มา
- ไม่แจก SDK สู่ Public สักที!!! ลอก Palm Pre มาอีกละ (ซึ่งสุดท้าย Palm Pre เจ๊งยับเพราะเล่นตัวเกินไป)
- การ Handle Event ทำด้วยโค้ดล้วนๆ ยากอยู่
- ไม่มีจุดเด่น ทุกอย่างที่ทำบน Bada ได้จะทำบน Platform อื่นได้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นถึงแม้ Samsung บอกว่าครึ่งนึงของ Smartphone จาก Samsung จะเป็น Bada แต่ดูเหมือนในระยะแรกๆแล้ว Samsung กลับไม่ได้หวังอะไรมากมายกับเจ้า Bada เพราะถึงกับบอกว่า "เราไม่เน้น Quantity แต่เราเน้น Quality เราหวังว่าจะมี 1000 Apps ภายในสิ้นปีนี้"... 1000 Apps แม่เจ้า... มันเป็นอะไรที่น้อยมว๊ากกกก!!!
ฟังดูมีอะไรแย่ๆเยอะนะ แต่....ถ้าถามเนย เนยกลับคิดว่า Bada เป็นตลาดที่น่าจับมาก มากกว่า Windows Phone เสียอีกเพราะ Samsung เป็นผู้ผลิตมือถือเอง นั่นแปลว่าจำนวนของมือถือ Bada จะต้องมีสูงแน่นอนเนื่องจากมันกระจายไปทั่วโลก แน่นอนว่ามันจะทำให้โอกาสในการหาเงินสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งมันเป็นตลาดใหม่ก็จะทำให้การแข่งขันในตอนแรกมีน้อย นี่แหละช่วงขุดทอง!! (หมายเหตุ: นิยามของคำว่าขุดทองคือการหาเงินใน "ระยะสั้นๆ")
แต่ทั้งนี้คงต้องดูกันอีกแหละว่า "ความง่ายในการซื้อ" ของมันมีแค่ไหน ถ้าซื้อ App ยากสุดท้ายก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่าได้อยู่เหมือนกัน
ใครจะอยู่ใครจะไป?
จุดนี้ต้องบอกว่าทั้ง 4 OS จะรอด แต่ทำนายไว้ว่า OS ที่จะมีคนใช้เยอะเป็นอันดับ 1 ในสองปีข้างหน้านี้คือ Android รองลงมาคือ Symbian, Blackberry, iPhone, Bada และ Windows Mobile 7 ตามลำดับ (ทั้งนี้ขอตัด WebOS และ Maemo/MeeGo ทิ้งเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนของอนาคต หรือเรียกสั้นๆว่าริบหรี่...)
ส่งท้าย
นอกเหนือจากนี้ ถ้าใครจะทำ App เพื่อขายบนมือถือ OS ต่างๆขอแนะนำดังนี้
1. ถ้าจะทำ Retail อย่าทำขายคนไทย... น่าจะได้เงินจากกลุ่มที่เข้าใจตลาดของลิขสิทธิ์ แค่กลุ่มนั้นมีไม่เยอะ...
2. การรับงาน Outsource เป็นชิ้นๆเวอร์คที่สุดในตลาดมือถือ รับค่าจ้างทำโปรแกรมเอานี่แหละ
3. ถ้าจะทำ App ขายแบบ Retail แนะนำให้เน้น Creativity และเจาะตลาดเป็นกลุ่มๆไปเช่นโปรแกรม Localize ของประเทศ xx หรือโปรแกรมสำหรับคนศาสนา yy
4. แนะนำว่าทำ Service จะหารายได้ได้ง่ายและยั่งยืนกว่าทำ App
5. อย่าจับ Platform ใด Platform หนึ่งเพราะคุณจะตายไปพร้อมมันถ้ามันถึงเวลาตาย แต่ก็แนะนำให้จับทีละอันนะ แค่ถ้ามีเวลาก็ไปลองเล่นตัวอื่นบ้าง
ปล. ถ้าเขียนไม่ละเอียดก็ขอโทษด้วยจริงๆ ตอนนี้เวลาแทบไม่มี งานรัดตัวมากๆ ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากรู้เพิ่มเติม ถามได้ครับ จะมาตอบให้ :)