ได้รับการอนุเคราะห์จากพี่เอ @worawisut ให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทดสอบ DTAC 3G ในฐานะ Press (อยู่นอกเหนือ 2000 คน) หลังจากใช้งานมาสองอาทิตย์เต็มๆจึงถึงเวลามารีวิวให้ดูกันอย่างเป็นทางการเสียที
สำหรับ Aircard ที่ได้รับมาจาก DTAC เป็น Aircard แบบ USB ที่รับความเร็วได้สูงสุดถึง 7.2 Mbps ได้รับมาพร้อมกับซิมการ์ด DTAC ที่สามารถใช้บริการ 3G ได้สามเดือนโดยมีลิมิต Total Bandwidth ไว้ที่ 5 GB ต่อเดือน (เพื่อป้องกันคนเอาไปโหลดบิต)
ใช้งานจริง
USB Aircard ที่ได้รับมาก็จะเหมือน USB Aircard รุ่นอื่นๆคือมีความกว้างมากทำให้มีปัญหากับการเสียบคอมพิวเตอร์ ตรงนี้เราเลยไปซื้อ USB Hub มาแก้ไขซึ่งก็ทำงานได้ดีทีเดียว
เริ่มทดสอบหละนะ ลองเสียบเข้าไปดูดิ๊ ฉึกกกกก
และนี่เป็นความน่าประทับใจอย่างแรก ทันทีที่เสียบ USB เครื่องก็ตรวจเห็น USB Aircard เป็น Disk Drive สองตัว ตัวนึงเข้าอ่านไม่ได้แต่อีกตัวนึงทำตัวเหมือน Thumb Drive ที่มาพร้อมกับ Driver อย่างครบครัน ซึ่งมันทำงานแบบ Autorun ที่ทยอยลง Driver อย่างอัตโนมัติทันทีที่เสียบ Aircard เข้าไป เทพมาก!! เรียกได้ว่าไม่ต้องพกพาอะไรไปให้น่ารำคาญใจ แค่พก Aircard อันเล็กๆนี้ไปก็ใช้งานได้ทุกเครื่องแล้ว
หลังจากลง Driver และโปรแกรมเรียบร้อยก็จะมีโปรแกรมต่อเนตของ DTAC ปรากฎตัวออกมา
ตรงนี้เรา Capture ตอนอยู่บ้านก็เลยไม่มีสัญญาณ 3G ถ้าอยู่ในพื้นที่ให้บริการตรงส่วนที่เขียนว่า EDGE DTAC จะกลายเป็น WCDMA DTAC เราก็แค่เพียงกด Connect จากนั้นเนตไร้สายความเร็วสูงก็จะพร้อมใช้ทันที!!
สำหรับครั้งแรกเวลารวมตั้งแต่เสียบ Aircard ลง Driver และต่อเนต ทั้งหมดไม่ถึง 2 นาทีเท่านั้นเอง ส่วนครั้งต่อๆไปเสียบปุ๊บรอไม่เกิน 20 วินาทีก็ได้ใช้แล้วอ่ะ สุดยอดดดด
ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะ Windows แต่ Mac OS X ก็ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย ^ ^
ผลการทดลองใช้งาน
ใช้มาสองสัปดาห์เต็ม ย้ายไปทดสอบหลายต่อหลายที่ไม่ว่าจะเป็นจุฬาฯ เซ็นทรัลเวิร์ล สยามและจามจุรีสแควร์ พบว่าจุดที่วิ่งได้เร็วที่สุดคือจามจุรีสแควร์ สถานที่ตั้งออฟฟิศดีแทคนั่นเอง วิ่งได้สูงถึง...
โอ้วจอร์จ~~~~ ทำไปได้ (อันนี้ถือว่าช้าแล้วนะ จริงๆเร็วได้กว่านี้อีก น่าโหลดบิตชะมัด!! แหะๆ)
แต่แน่นอน สิ่งที่แลกมากับความเร็วสูงปรี้ดนี้ก็คือ... Aircard ร้อนมาก ร้อนแบบมากกว่าคำว่าอุ่นไปหน่อยนึง แต่ก็พอรับได้ไม่ได้น่าเกลียดอะไร โดยรวมถือว่าผ่าน!
จากการทดสอบสองอาทิตย์เรียกได้ว่าประทับใจมากถึงมากที่สุด บอกก่อนว่าพักหลังนี้เนยแทบจะไม่ตื่นเต้นกับของเล่นใหม่เลยเพราะเริ่มอิ่มตัว แต่ 3G จาก DTAC นี้กลับทำให้เราตื่นเต้นได้ ยังไม่พอ มันเปลี่ยนชีวิตการทำงานเราไปเลยแหละ! อย่างที่บอกใน Blog ที่แล้ว เราเริ่มย้ายที่ทำงานไปตามร้านกาแฟต่างๆ สาเหตุหลักที่เราทำอย่างงั้นได้ก็เพราะเรามี 3G นั่นเอง ทำให้เรื่องเนตไม่เป็นปัญหากับเราอีกต่อไป!!
ส่งท้าย
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากจบการทดสอบ 3G ของ DTAC หละ? ขอตอบตรงนี้ว่า... 3G ของ DTAC ก็จะหายไป ไม่สามารถให้บริการต่อได้เพราะว่ายังตกลงเรื่องความถี่ไม่ได้เสียที ตอนแรก DTAC มีความถี่ 850 MHz ไว้ครอบครอง แต่ไปๆมาๆ TRUE ก็เอาไปดื้อๆซะงั้น ตอนนี้ DTAC เลยหวังพึ่งความถี่ 2100 MHz ซึ่งจะประมูลกันเดือนธันวาคมนี้ (ถ้าไม่เลื่อนอีกเป็นครั้งที่ห้า) ถึงตอนนั้นคงจะรู้กันว่าทิศทาง 3G จะเป็นยังไง (แต่เดาว่าปีหน้าก็ยังไม่เรียบร้อยหรอก) ดังนั้นใครยังด่า DTAC ว่าเมื่อไหร่จะเข็น 3G ออกมาสักทีตามเจ้าอื่นไม่ทันแล้วก็ให้คิดใหม่เสีย ตรงนี้ไม่ได้มาพูดเพราะเราเป็นเด็ก DTAC แต่เอาความจริงมาเล่าให้ฟังต่างหาก เดี๋ยวเอาไปพูดกันแบบผิดๆจะโดนด่ากลับเอา แหะๆ
ถ้าถามผมว่า 3G จะเปลี่ยนชีวิตคนแค่ไหน? สำหรับคนทั่วไปคงไม่ แต่ถ้ามันมีออกมาให้บริการจริงๆ ผมคนนึงหละที่ 3G จะเปลี่ยนชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า ^ ^
สุดท้ายขอขอบคุณ DTAC และพี่เอ @worawisut ที่เลือกข้าพเจ้าไปร่วมทดสอบ 3G นะครับ :)