ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ขอเริ่ม Blog นี้ด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง


หลังจากเมื่อวานซืนมาโพสท์ว่าไปหาหมอมาและก็กลับบ้านไป พอถึงบ้านก็นั่งทำโน่นทำนี่ไปแล้วก็นอน หวังเพียงว่าตื่นมาอาการปวดหัวและไข้จะหายไป แต่... พอตื่นมา... โคดปวดหัวเลยยยยยยยย ยังไม่พอ เริ่มเกิดอาการหอบและเจ็บปอดอย่างรู้สึกได้ เลยคิดว่าน่าจะมีเรื่องผิดปกติกับปอดแล้วหละ ยังไม่หมดเพราะไข้ยังไม่ลดลงสักกะนิด วัดตอนตื่นนอนได้ 38 กว่าๆ เป็นอะไรที่เซ็งมั่กกกกกกก


แต่ก็ไม่แคร์ เกิดมาเป็นคนต้องทนกันไป กินยาตามหมอให้มา ใช้ชีวิตตามปกติ วัดไข้อีกทีตอนสี่โมงเย็น... 39 องศา!!! แม่เจ้าาาาาา ไม่เคยไข้สูงขนาดนี้มาก่อน ยังไม่พอ จากนั้นเลยนั่งวัดไข้มันทุก 10 นาทีเลย ซึ่งปรากฎว่ามันค่อยๆขึ้นค่อยๆขึ้น หลังจากวัดไปอีกสองรอบปรากฎว่าไข้ 39.4 องศา เฮือกกกกก


ตอนนั้นก็อยู่ในอาการเมาไข้แล้วหละคือโลกมันเบลอๆตาเห็นอะไรเป็นขาวๆวิ้งๆหมด เลยรู้สึกว่าไม่ดีแล้วจึงโทรบอกแม่ว่าคืนนี้จะไปนอนโรงบาลนะ แม่ก็โอเคๆๆ เราก็นั่งรอแม่อยู่บ้าน 3-4 ชั่วโมง ระหว่างรอก็มีออกไปโอนเงินให้แม่นิดหน่อยที่โลตัสหน้าบ้าน โอ้วววว มันไม่สนุกเลยกับการใช้ชีวิตโดยมีไข้ 39 กว่าๆเนี่ย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดินแต่ละก้าวต้องใช้ความพยายามเพราะว่าฤทธิ์ไข้หวัดใหญ่มันทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความร้อนจากลมหายใจที่ออกมาก็ทำให้รู้สึกว่าโลกมันช่างร้อนซะเจรงงงงง


แล้วก็ขับรถปุเลงๆกลับถึงบ้านอย่างมึนงง จากนั้นทำบร้าอะไรไม่ได้แล้วนอกจากนั่งเล่นคอมพ์อยู่เฉยๆสลับกับลงไปนอนรอ เพราะตอนนั้นเดินไม่ไหวละ กล้ามเนื้อไม่มีแรง หายใจก็ลำบาก เจ็บปอด เจ็บซี่โครง เจ็บไปโม้ดดดด


ถามว่าทำไมเราไม่กินยาลดไข้หละ? สาเหตุคือ... เรากินไทลินอลไม่ได้ -_- กินแล้วจะอาเจียนใน 1 นาทีเนื่องจากเหตุผลส่วนตัวบางประการ สรุปคือต้องไปหาหมอให้เค้าฉีดยาให้แทน


ไปถึงก็ช่างน้ำหนัก วัดไข้ อะไรไปตามสูตร น้ำหนักที่วัดได้ก็ 52.4 กิโลกรัม (ทำไมที่บ้านวัดได้ 51.4 หว่า) ส่วนไข้วัดได้ 38.5 เหอะๆๆๆ (ชอบใช่มั้ยเฟอร์)


แล้วก็นั่งรอหมอไปตามระเบียบ รอไป 30 นาทีได้ วันนี้นานหน่อยเพราะคนไข้เยอะมากกกกก ส่วนใหญ่ก็มาเพราะหวัดนี่แหละ ระบาดหนักจริงๆ พอถึงเราหมอก็มองหน้า "หน้าคุ้นๆนะ" เอิ๊กกกก ไม่คุ้นได้ไงหละค้าบบบบ เพิ่งไปมาเมื่อวานนนนน


เลยอธิบายหมอว่าหายใจมีปัญหา เจ็บปอด ปอดแหก บลาๆๆๆๆ หมอก็เลยเอาหูฟังมาตรวจ แล้วหมอก็บอกให้ Admit ละกันนะ พร้อมส่งเราไปนอนเตียงห้องฉุกเฉิน ตรวจ Zap วัดไข้ วัดความดัน ฉีดยาลดไข้แก้ปวด (เป็นการฉีดยาแก้ปวดที่เจ็บและนานที่สุดในโลก ร่วม 40 วิได้มั้งกว่าจะฉีดเสร็จ) จิ้มน้ำเกลือ (เป็นการจิ้มน้ำเกลือที่เจ็บที่สุดแล้ว โดยพยาบาลคนเดิม จิ้มก็นาน กว่าจะแปะนู่นแปะนี่ ล่อไป 3 นาทีได้ แถมยังปล่อยน้ำเกลือไหลเข้ามาแบบไม่หยุดแล้วเดินหนีไป กว่าจะกลับมาจูนน้ำเกลือให้มันก็ไหลเข้ามาตัวเราไปกว่า 100 ml แล้ว เย็นวาบไปทั้งตัว เฮ้อออออ) แล้วก็มีไป X-Ray ปอด เซ็นประกัน(ที่เพิ่งสมัครเมื่อสามเดือนที่แล้ว ได้ใช่ซะละ!)


รู้สึกว่าเป็นการเข้าห้องฉุกเฉินที่วุ่นวายโคดๆแล้ว ๕๕๕ กว่าจะได้ไปนอนบนห้องอย่างสงบสุขนี่ก็ล่อไปครึ่งชั่วโมงได้ พอถึงห้องก็รู้สึกร่างกายแข็งแรงแล้ว ไม่รู้สึกว่าตัวร้อน ไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักผ่อนในโรงแรม เปิดทีวีดู เอาไอโฟนมาจิ้มเล่น บลาๆๆๆ แต่ที่ไหนได้... พยาบาลมาวัดไข้อีกรอบ ปรากฎว่า 38.5 เอิ่มมมม เลยโดนพยายามจับเช็ดตัวแบบรุนแรงไปทีนึง ขูดแรงหนังแทบเปิด!!


เช็ดตัวเสร็จก็ดูทีวีต่อ... ๕๕๕ จนถึงร่วมๆเที่ยงคืนครึ่งก็เข้านอนอย่างสบายใจ


แล้วเมื่อคืนนี้ไข้อันสูงลิบก็ทำให้ข้าพเจ้าได้อาบน้ำระหว่างนอน -_- เหงื่อออกเหมือนไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลมายี่สิบรอบ!! มีพยาบาลมาตรวจไข้เรื่อยๆก็เลยตื่นมาดูสภาพตัวเองเรื่อยๆแล้วก็ได้เห็นว่าเหงื่อออกเป็นเม็ดๆจริงๆ แล้วตอนตื่นมาตอนเช้าเตียงก็เปียกไปทั้งเตียง... แต่สาบานว่าไม่ได้ฉี่ราดนะ -_-


แต่ก็ถือว่าดีเพราะตอนเช้าพยาบาลมาตรวจพบว่าอุณหภูมิลดเหลือ 37 แล้ว กรี้ดดดด รู้งี้นอนแต่วันแรกแล้วววววว ส่วนอาการอื่นๆก็ยังอยู่คือไอบ่อย เจ็บหน้าอก เจ็บซี่โครง หมอเลยไม่ยอมให้กลับบ้าน อยู่ดูอาการต่ออีกวันนึง แล้วก็ไล่แม่ที่มาเฝ้าไข้กลับบ้านด้วยเพราะกลัวแม่จะติดไข้หวัดใหญ่ ตอนนี้เราเลยอยู่ในห้องอย่างเดียวดาย และแน่นอน ตอนนี้เราก็เลยไม่อนุญาตให้ใครมาเยี่ยม ฮ่าๆ หรือใครอยากติดไข้หวัดใหญ่กับเค้าก็มาเราได้นะ ^ ^


ส่วนผลว่าเราเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รึเปล่ายังไม่ออก ต้องรออีกหลายวันเลย ได้ข่าวว่ามีคนส่งตรวจเยอะมาก แต่ถ้าถามเรา เราก็คงอยากเป็นสายพันธุ์ใหม่เพราะว่าเป็นทั้งทีก็อยากจะมีภูมิคุ้มกันสายพันธุ์ใหม่ไปเลย ไม่อยากมาป่วยเพราะพันธุ์ใหม่อีก (พันธุ์เก่าเรามีภูมิแล้ว ไม่กลัว)


ล่าสุดตอนนี้ไข้ก็ขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 37.5 (แต่คิดว่าน่าจะอยู่ที่ 37.8 เพราะเพิ่งไปแปรงฟันมาเลยวัดได้น้อย) เดี๋ยวเขียน Blog เสร็จคงจะไปนอนแล้วหละ


อื้มๆ ทิ้งท้ายไว้ว่าเดี๋ยวประเทศไทยคงจะมีนโยบายปิดประเทศภายใน 2 เดือนนี้แหละ (ไม่ได้มีสายใดๆ แต่เป็นการคาดเดาล้วนๆ) ใครได้รับผลประทบก็เตรียมตัวรับมือมันให้ดีหละ


ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะทุกท่าน แค่กๆๆๆ