""โอกาส" ก็สำคัญพอกับ "อากาศ" นั่นแหละ"
ทำยังไงให้แข่งชนะ
5 Jul 2009 22:57   [7932 views]

Blog นี้เริ่มเขียนเมื่อมกราคม... ค้างมา 6 เดือนแล้ว หะหะ เพราะว่าตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเขียนหรือไม่เขียนดี มันจะทำให้คนเรามุ่งหวังไปกับการเอาชนะมากไปมั้ย? แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเขียนเพราะอะไรหนะหรอ? รอให้อ่านจบก่อนละกัน

พักหลังนี้เริ่มมีคนเรียกเราว่า "นักล่ารางวัล" เยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ภูมิใจกับชื่อนี้อยู่นะ แต่อีกใจนึงก็คิดว่า มันจะมีคนด่าเราในใจป่าววะว่าวันๆไม่ทำอะไรนอกจากไปแข่งโน่นแข่่งนี่เนี่ย!! หะหะ ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเป็นนักล่ารางวัลก็ได้(วะ) ~.~


Blog นี้เริ่มมาจากที่มีน้องคนนึงมาถามว่า "ทำยังไงให้แข่งชนะครับพี่" ... เป็นคำถามที่น่าสนใจ

เลยตอบกลับไปว่า...ไม่รู้............... ก็แย่ละ!! แล้วชั้นจะเขียน Blog นี้ขึ้นมาทำไม!!



== Part 1 : ไม่มีคำว่า"ชนะแน่นอน" ==

ช่วงที่เริ่มเขียน Blog นี้เราชอบดูรายการ Kasou Taisho มากๆ (ภาษาไทยคือเกมซ่าท้ากึ๋น) ใครนึกไม่ออก มันเป็นรายการที่จะให้คนคิดอะไรแปลกๆแล้วมาแสดงแข่งกัน... สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้จากคนรอบข้างคือ "ทุกคนรู้ว่าใครจะได้ที่ 1"


ใช่แล้ว ใช่เลย ทุกคนรู้ว่าใครจะได้ที่ 1 จึงเกิดความสงสัยในใจ "รู้ว่างานแบบไหนจะได้ที่ 1 แล้วทำไมไม่ทำส่งแข่งให้ได้ที่ 1 (วะ)"


... นั่นดิ!!

หลังจากพิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ที่ทุกคนรู้ว่าใครจะได้ที่ 1 ก็น่าจะเพราะว่ามันมีคู่แข่งปรากฎตัวให้ดูครบทุกคนแล้วนั่นเอง เลยเกิดการเปรียบเทียบว่าของใครดีกว่ากัน สุดท้ายจึงตัดสินได้ว่าใครดีกว่ากัน

ในขณะเดียวกัน การส่งแข่งโดยปกติเราจะไม่เห็นคู่แข่งเลย แล้วเราจะไปรู้ได้ยังไงหละว่าใครจะชนะ!...


เบื้องต้นบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะชนะแน่ๆ (เพราะถ้ามีคนคิดงี้มากกว่า 1 คน แล้วใครหละที่จะชนะแน่ๆ... จริงมั้ย!!)

ดังนั้นทำใจไว้ล่วงหน้าเลยว่า "คุณมีโอกาสแพ้เสมอ"



== Part 2 : แข่งกับตัวเอง ==

อ่านถึงตรงนี้อาจจะมีคนคิดในใจ "แล้วจะเขียน Blog มาทำไมฟะ!!" จริงๆประเด็นมันอยู่ตรงนี้เลย สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือแข่งกับตัวเองและทำมันให้ดีที่สุด ฟังดูเท่นะ แต่มันเป็นเรื่องจริงและถือเป็นกฏปฏิบัติของข้าพเจ้าเลย

จริงๆถือว่ายากนะการแข่งกับตัวเองแล้วเอาชนะตัวเองให้ได้เนี่ย แต่ประเด็นก็คงอยู่ที่ว่า อย่าคิดจะไปชนะคนอื่นเลย ทำของเราให้ดีที่สุดแล้วเอาไปประชันกันดีกว่า



== Part 3 : เปลี่ยนทัศนคติ ==

ปัญหาใหญ่โคดๆของคนไทยคือชอบคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นและทำอะไรเจ๋งๆไม่ได้ หรือที่ชอบพูดกันว่า "ไม่มีปัญญา" อยากจะบอกว่ามันไม่จริงหรอก ทุกคนมีปัญญาทำในสายงานที่ตนเองถนัดเสมอ อยากให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติตรงนี้เหลือเกิน


อีกประเด็นคือเรื่องของความมั่นใจ คงเคยได้ยินกันว่าถ้าอยากจะเก่งต้องคิดว่าตัวเองไม่เก่ง อันนี้ขอบอกว่าเป็นแนวคิดที่ดีแต่ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดเวลา ควรจะใช้แนวคิดนี้ให้ถูกสถานการณ์ด้วย แนวคิดนี้เอาไว้ Bound เราให้อย่าคิดว่าตัวเองเก่งจนไปดูถูกคนอื่น จนสุดท้ายคิดว่าตัวเองแน่ คนอื่นห่วย และไม่รับอะไรเข้ามาอีกเลย สุดท้ายก็จะโง่ลงโง่ลง ซึ่งไมใช่สิ่งที่ดีเลย


แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากคิดแต่ว่าตัวเองโง่คนอื่นเก่ง เราก็จะขาดความมั่นใจซึ่งสำคัญมากๆต่อการทำผลงานสักชิ้นนึงไป ดังนั้นในสภาวะของการทำผลงานใดๆไม่ใช่แค่การทำงานส่งแข่ง เราต้องคิดว่าตัวเองทำได้ เราต้องมั่นใจในฝีมือตัวเอง


ว่ากันว่าถ้าคุณ"คิด"จะทำมันให้เต็มที่ คุณก็สำเร็จไปแล้ว 50%



== Part 4 : ตีโจทย์ให้แตก ==

สิ่งที่เราต้องรู้ให้ได้คือความต้องการของงานแข่งและกรรมการ ต้องตีโจทย์ให้ออกว่างานแข่งนั้นต้องการอะไร เช่นงานแข่ง Android Developer Challenge เค้าต้องการโปรแกรมอะไรก็ได้ที่เจ๋งและช่วยโปรโมท Service ของ Google ได้เช่น Google Maps เราก็ต้องทำออกมาในแนวนั้น ไม่งั้นก็ไม่มีทางชนะหรอก เพราะมันไม่ตรงความต้องการของเค้า


สำหรับข้อนี้ต้องใช้ประสบการณ์การแข่งนิดนึงแต่ก็ไม่ยากหรอก เชื่อสิ ^ ^



== Part 5 : รู้เขารู้เรา ==

ถือเป็นศาสตร์ด้านมืดแต่ก็ต้องทำ ถ้ามีโอกาสรู้ว่าคู่แข่งเป็นยังไงก็ควรจะศึกษาไว้ เราก็สามารถทำงานเพื่อกลบข้อดีของคู่แข่งได้ แล้วนำไปใช้ในการ Present แต่แนะนำว่าอย่า Weight ให้กับการไปสืบเสาะผลงานคนอื่นมากนักเพราะมันมีข้อเสียร้ายแรงได้เช่นกัน คนเราชอบคิดว่าผลงานคนอื่นดีกว่าเราเสมอ ซึ่งจะทำให้หมดความมั่นใจลงไป ทางที่ดีแข่งกับตัวเองและเอาชนะตัวเองให้ได้นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว



== Part 6 : พรีเซ็นต์ต้องเทพ ==

พูดจริงๆ ข้อนี้สำคัญที่สุดแล้ววววววววววววว เจอมาหลายเคสมากที่งานเทพสุดๆ ผลงานแบบ..เมิงทำมาได้เยี่ยงรายยยยย แต่มาตกม้าตายตอน Present พูดไม่รู้เรื่องจนทำให้กรรมการไม่เข้าใจและโยนทิ้งไป ในขณะเดียวกัน บางผลงานแม่งเห่ยมาก แต่ Present ได้อลังการสุดๆ สุดท้ายก็ได้รางวัลไป


สำหรับเทคนิคการ Present ให้เทพก็จะมี

1. Presentation Template ต้องสวย - พรีเซ็นต์ที่ดีต้องมีธีมเข้ากับเนื้อหาอย่า่งลงตัว ดังนั้นอย่าไปขวนขวายหา Template ที่สวยๆในเนตเพราะมันจะไม่เข้ากับผลงานของคุณ ฮ่าๆๆๆ แนะนำให้ออกแบบเองโลด

2. เนื้อหาใน Present ต้องเห็นแล้ว Wow - คุณมีเวลาไม่มากในการ Present ความประทับใจของหน้าตาและเนื้อหาการ Present จะช่วยให้กรรมการสนใจงานคุณได้มากจริงๆ แต่สำคัญมากว่า "อย่าโกหก" เพราะชีวิตคุณไม่ได้จบแค่การแข่งขันนั้น แต่จะจบไปเลยทั้งอนาคต

3. เนื้อหาอย่าเยอะจนเกินไป - เอาเฉพาะที่สำคัญและกรรมการอยากฟัง เช่นถ้า Present ในงานแข่งธุรกิจก็อย่าไปพูดถึงเทคนิคมากนัก เค้าไม่ได้สนใจ

4. เวลาที่ใช้ Present ไม่ควรเกิน 10-15 นาที เพราะหลังจากนั้นคนฟังจะไม่ฟังแล้ว

5. ก่อนจะเข้าสู่ Presentation แนะนำให้ไปถ่าย/ตัดวีดีโอแนะนำมาเปิดสัก 1 นาทีก่อน - กรรมการก็เป็นคน เค้าเหนื่อยล้าเป็นได้ ดังนั้นการเปิดวีดีโอให้เห็นภาพโดยรวมก่อนจะเป็นการรวบรวมสมาธิกรรมการได้อย่างดีเลยทีเดียว

6. ในกรณีที่เป็นการส่งแข่งแบบที่ไม่เปิดโอกาสให้เราไปพรีเซ็นต์ "วีดีโอแนะนำเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก" เหตุผลเดียวกัน มันจะช่วยให้กรรมการเห็นภาพรวมได้ เพราะคุณไม่มีโอกาสจะไป Present ด้วยตัวเอง



== Part 7 : รักษากติกา ==

ทำตามกติการอย่างเคร่งครัด หากมีข้อไหนที่คิดว่าอาจจะก้ำกึ่งต่อการผิดกติกาให้ติดต่อไปทางผู้จัดว่าทำได้หรือไม่ อย่าคิดอย่างมักง่ายว่าหยวนๆน่า เพราะมันเท่ากับคุณกำลัง "โกง"



== Part สุดท้าย : ชนะแน่นอน ==

เอ๋าๆๆๆๆ จะมีคนด่ามั้ยเนี่ยว่าขึ้นชื่อ Part กวนติง ไหนบอกใน Part แรกไปแล้วไงว่าไม่มีคำว่าชนะแน่นอน... ผมโกหกครับ จริงๆมันมี ^ ^


สุดท้ายหลังจากผ่านการแข่งขันมาแล้วกว่า 10 เวที ก็ได้เรียนรู้ว่าจุดสูงสุดของการแข่งขันไม่ใช่ว่าจะทำยังไงให้ชนะ หากแต่เป็นการแพ้ให้เป็นต่างหาก เพราะนั่นแหละ เราชนะแล้ว (ประโยคคุ้นๆ) คำว่าแพ้ให้เป็นไม่ใช่ว่ายอมแพ้แต่เป็นการยอมรับความพ่ายแพ้และปรับปรุงตัวในงานถัดๆไปแล้วชัยชนะในการแข่งขันต้องเป็นของคุณเข้าสักวันแน่นอน ขอให้ทุกคนโชคดีครับ!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jun 3, 2009, 03:55
4677 views
สองวันกับ ER
Aug 13, 2009, 01:15
7774 views
That's what we called "Life"
0 Comment(s)
Loading