"มีเพื่อนดี คนเดียว ถึงจะน้อย ดีกว่าร้อย เพื่อนคิด ริษยา..."
สองวันกับ ER
3 Jun 2009 03:55   [4805 views]

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเรามีเหตุให้เข้า ER (Emergency Room, ห้องฉุกเฉิน) ต่อเนื่องสองคืนติด แต่เราไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ พาคนอื่นไปหนะ ซึ่งก็เป็นโอกาสอันดีให้ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เข้าใจโลกของแพทย์มากขึ้น


วันเสาร์... เด็กที่รู้จักเกิดอุบัติเหตุลื่นตกจากที่สูง 1.50 เมตรในท่าที่ไม่สวยงามเท่าไหร่นัก ผลคือเจ็บหัวอย่างหนักแล้วก็ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น จำไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จำไม่ได้ว่าตัวเองลื่นตกลงมา ก็เลยต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปโรงบาลจุฬาฯ


ส่วนเราเห็นว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงมาก (Diag เองเรียบร้อย) ก็เลยจะกลับบ้าน ก็เลยเอารถออกจากที่จอดรถ วนลงมาจากตึก วน วน วน... พอถึงชั้นล่างสุดอยู่ดีๆก็อยากจอดรถเพื่อลงไปซื้อน้ำกิน


เดินไปซื้อน้ำเสร็จแล้วสติก็หลุดลอย เดินไปแบบไม่รู้ตัวไปในทิศที่ไม่ใช่ที่จอดรถอยู่ แล้วสติก็กลับมาหน้าร้าน SwensenS ... มองเข้าไปเห็นน้องนิสิตแพทย์ที่รู้จักกันกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ เราเลยเดินเข้าไปทัก น้องคนนั้นก็หันมาบอกว่า "พี่เนยพาไปโรงบาลหน่อยสิ" ปรากฎว่าพ่อของเด็กคนนั้นโทรหาน้องคนนี้พอดี แล้วเราก็ไปเจอพอดี สุดท้ายเราก็เลยได้ไปเยี่ยมเด็กที่โรงบาล


ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่มาก เพราะนี่ก็เป็นแค่อีกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ -_-


พอไปถึง ER ก็เลยต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปโดยปริยายเพราะเด็กคนนั้นติดเนย เลยถือโอกาสเช็คสมองเด็กไปในตัวด้วยการนั่งเล่นเกมกระดาษกัน


คืนนั้นยาวนานมาก ต้องเฝ้าตั้งแต่สองทุ่มกว่ายันห้าทุ่ม เลยได้เจออะไรที่สนุกสนานตลอดสองชั่วโมงกว่า หะหะ


ต้องบรรยายสภาพห้องฉุกเฉินตอนที่ไปถึงก่อน ต้องบอกเลยว่า "แทบไม่มีที่ยืน" คนไข้แน่นมากกกกก มีทั้งเบาๆกับหนักมากๆ เบาๆไม่พูดถึงละกันพูดถึงหนักๆเลย ก็มี... ฝรั่งโดนมอไซค์ชนแล้วหนี สภาพเลือดเต็มตัว น่าสงสารมาก แล้วก็มีพี่บ้านรับน้องหัวแตกสภาพเลือดอาบแต่เย็บเสร็จแล้ว (เลือดเยอะน่ากลัวมาก) แต่ที่น่ากลัวสุดๆๆๆๆๆๆคือมีคนงานโดนมีดบาดมือซ้ายแบบนิ้วร่องแร่ง น่ากลัวมากกกกกกกก เย็บไปสองชั่วโมงยังไม่เสร็จอ่ะ เห็นตั้งแต่เราเข้ามาจนเรากลับบ้านก็ยังไม่เสร็จ


นอกจากนั้นก็ยังมีคนจากบ้านรับน้องมาอีกเพียบรวมแล้ว 5-6 ราย มีตั้งแต่เบาๆอย่างท้องอืด ปวดท้องหน้าเบี้ยว และก็มีอบจ.คนนึงเป็น Hyperven ชักเข้ามาเลย


โรงบาลจุฬาฯนี่ถือว่าฮอตจริงๆ มีคนป่วยเข้ามาตลอดเวลา คนเก่ายังไม่ทันออกคนใหม่ก็เข็นเข้ามาอีกละ ตลอดเวลาสองชั่วโมงกว่าที่อยู่ที่นั่นก็เลยได้ความรู้ประดับบารมีไปหลายอย่าง ส่วนใหญ่ได้รู้วิธีรักษาเบื้องต้น อย่างนึงที่จะจำไปใช้เลยคือ Hyperven ที่แต่ก่อนเค้าใช้ถุงครอบปาก แต่ทุกวันนี้หมอเค้าไม่ทำกันแล้ว แต่จะใช้วิธีทำให้คนไข้หายใจช้าลง CO2 จะได้ซึมเข้าเลือด แล้วก็บอกคนไข้ให้หายชักหายมือจีบด้วยตัวเอง มันบังคับได้ด้วยตัวเอง ไม่เกิน 2-3 นาทีรับรองหาย ... ที่จำโดยละเอียดเนี่ยเพราะว่า... คนไข้น่ารักมั่ก

แหะๆ เอาน่าาาาา ขอนิดนึงๆ


นอกจากนั้นก็มี case อื่นๆอีกเรื่อยๆ มีทั้งแบบมีเลือดและไม่มีเลือด ซึ่งเรียกได้ว่าคืนนั้นถ้าเป็นคนจิตอ่อนอาจจะกลับบ้านหลอนไปเลยทีเดียว แต่คนที่ไม่กลัวอย่างเราก็เลยได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น "คนเรามันก็ตายได้จริงๆเนอะ" ใครยังหลอกตัวเองและมัวเมากับความสุขจอมปลอมก็รีบกลับตัวกลับใจซะนะ


ผ่านไป 1 คืน เด็กคนนั้น Admit ไปเพื่อเช็คอาการ 24 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร เราก็กลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า นั่งทำงานต่ออีก 3-4 ชั่วโมงแล้วก็น็อคคาคอมพ์ไป


วันต่อมาเราก็ไปทำธุระที่จามจุรีสแควร์ ดึกๆก็กลับถึงบ้านไป นั่งทำงานได้สักชั่วโมงนึงก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ที่อยู่ใกล้บ้าน "เฮ้ย พี่รถชนหวะ" ซึ่งตอนรับโทรศัพท์ก็ตกใจนิดหน่อย เพราะว่าก่อนหน้านั้น 1 ชั่วโมงเราเพิ่งทักเรื่องการขับรถไปเอง เราก็เลยออกไปดูแลพี่เค้าว่าเป็นอะไรมากมั้ย ปรากฎว่าสภาพรถน่ากลัวมาก ล้อขวาหน้าหลุด เพลาหัก ล้อซ้ายบิด ด้านหน้ายับนิดๆ ส่วนคู่กรณีรถหมุนแล้ว Drift ไปชนคอนกรีตข้างทาง ซึ่งดูจากสภาพของทั้งสองคันแล้วต้องบอกว่าโชคดีมาก เพราะถ้าคุมสติไม่อยู่ทั้งสองคันมีโอกาสคว่ำพอๆกัน แต่ก็แคล้วคลาดมาได้


คืนวันอาทิตย์ก็เลยใช้เวลา 3 ชั่วโมง(อีกแล้ว) ตั้งแต่ตีสองยันตีห้าไปช่วยเป็นธุระให้พี่เค้าเพราะว่ารถพี่เค้าล้อหลุดไปแล้วขับต่อบ่ได้ ลากเข้าอู่อย่างเดียว แถมเชื่อว่าจิตใจพี่เค้าคง Down สุดๆ เลยอยู่ด้วย ขับรถพาไปโน่นนี่จนแน่ใจว่าพี่เค้าสบายใจแล้ว


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีคนเจ็บเล็กน้อยอยู่คนนึง เป็นผู้หญิงท้องอ่อนๆที่ซี่โครงไปกระแทกรถตอนรถหมุน พาไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในถนนวิภาวดีฯ... ปรากฎว่าหมอห้องฉุกเฉินบอกว่ามดลูกแข็งตัว รกลอก ต้อง Admit!! โหว เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่หมอเฉพาะทางก็ตรวจได้ แล้วทางโรงบาลก็บอกว่าพรุ่งนี้จะให้หมอมา Ultrasound ให้งดน้ำงดอาหาร ก็โอเคๆ จากนั้นก็เลยแยกย้าย เราพาพี่เค้าไปส่งบ้าน แล้วเราก็กลับมาทำงานต่อจน 7 โมงแล้วเข้านอน


ตื่นมาก็พบรายงาน... เลยเที่ยงแล้วหมอยังไม่มาตรวจเลย!! แสรดดดดด ถ้าคนไข้เป็นอะไรเค้าคงเป็นไปแล้วหละ แสรดดดดดด ซึ่งกว่าหมอจะมาตรวจก็ล่อไป 4 โมงเย็น แสรดดดดดด (อีกรอบ) ให้พิจารณาเอาเองนะว่าใครทำสิ่งที่ควรหรือไม่ควร แต่ส่วนตัวหงุดหงิดมาก!!! Admit ตีสี่แต่มาตรวจ 4 โมงเย็น เหอะๆ... โดนชาร์จไปสองวัน~~~ พยายามไม่คิดไปทางอื่นแล้วนะ แต่มันหาเหตุผลอื่นไม่ได้จริงๆนอกจาก....... ไม่พูดดีกว่า คิดเอาเอง


แต่ก็ดีผลการตรวจพบว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนก็เลยโล่งไป จิตใจทุกคนก็ดีขึ้นแล้ว ที่เหลือก็แค่ซ่อมรถ ^ ^


จากประสบการณ์สองวันที่ผ่านมา ก็ได้เห็นความแตกต่างของ ER โรงบาลเอกชนและโรงบาลรัฐอย่างลิบลับ

1. โรงบาลรัฐคนเยอะโคดดดด โรงบาลเอกชนนางพยาบาลนั่งกินส้มตำแบบไม่มีอะไรทำ

2. โรงบาลรัฐนางพยาบาลโหดสาดดดดด ตะคอกคุยกับคนไข้ ไม่สนใจใยดีเลย แต่โรงบาลเอกชนนี่แทบจะอุ้มคนไข้

3. โรงบาลจุฬาฯมีหมอประจำอยู่แต่โดยทั่วไปจะใช้นิสิตแพทย์ปี 6 มา Diag และรักษา แล้วก็มีนิสิตแพทย์ปี 5 มาเข้าเวรอีกร่วมสิบคน เวลาปี 6 ตรวจใคร ปี 5 ก็จะไปมุงๆทีนึง

4. นิสิตแพทย์จุฬาฯน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก แทบจะขอเบอร์หมอ ส่วนโรงบาลเอกชน... อย่าพูดถึงเล้ย


แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับจากการไป ER มาสองวันคือความเข้าใจใน "ชีวิต" ใครรู้สึกอยากตาย รู้สึกเดียวดาย รู้สึกย่ำแย่ในชีวิต แนะนำให้ไปยืนตรง ER โรงบาลจุฬาฯสักคืนนะ รับรองว่าคุณจะเห็นค่าของชีวิตมากขึ้นเยอะเลย ^ ^

บทความที่เกี่ยวข้อง

Aug 10, 2009, 21:07
13951 views
ประสบการณ์ทำ Passport
Mar 7, 2009, 07:07
5976 views
Notary Public
0 Comment(s)
Loading