"ความรักต้องไม่พยายาม"
บันทึกการเดินทาง ครั้งหนึ่ง ณ ซานฟรานซิสโก ตอน 2: เยี่ยมเยือนเพื่อนพ้อง
4 Dec 2015 11:33   [6301 views]

ที่ไปซานฟรานฯครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว จริงๆกูเกิลส่งไปอีเว้นต์ครับ แต่ว่าไหนๆก็ไปแล้วก็เลยถือโอกาสนี้ตะลอนไปทั่วด้วยเท่านั้นเอง

นอกจากที่ไปลองใช้ชีวิตและเดินเล่นตามบล็อกที่แล้วแล้ว เราก็แอบมีแวะไปหาเพื่อนๆและเยี่ยมเยือนออฟฟิศบริษัทโน้นนี้ด้วย แหม่ ไป Silicon Valley ทั้งที จะไม่แวะไปหาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่นั่นก็กระไรอยู่ งานนี้ก็เลยแวะไปให้มากที่ที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งเอาจริงๆแล้วเป็น Priority ที่สูงกว่าการไปสะพาน Golden Gate ด้วยซ้ำ แฮ่ๆ บล็อกนี้เลยจะเอารูปมาแปะและเล่าโน่นนี่ให้ฟังพอเป็นพิธีขอรับ ^_^

ไปทีละที่เลยละกัน

Apple HQ

ไปถึงที่นั่นวันแรกยังงงๆและสับสนหนทางอยู่เลย แต่ก็ออกหลั่นล้าทันที กระโดดขึ้น Caltrain แบบงงๆและพุ่งไป Sunnyvale เพื่อไปหาเพื่อนแบงค์ที่ทำงานอยู่แอปเปิ้ลและภาวินท์ที่เพิ่งจบ Ph.D. ที่ Stanford มาหมาดๆ

กว่าจะไปถึงก็ 5 โมงครึ่ง ซึ่ง ... พระอาทิตย์ตกแล้ววววว ไปหน้าหนาวแล้วพระอาทิตย์ตกเร็วเกิ๊น -_-

แต่ที่ Apple ไม่เปิดให้คนนอกเดินเข้าออฟฟิศเนื่องจากระบบการรักษาความลับแน่นหนา ก็เลยได้แค่แวะ Company Store ที่อยู่ข้างหน้าแคมปัส

ร้านจัดสวยๆสไตล์แอปเปิ้ล พนักงานที่ Company Store ก็น่ารักมากกกกกกก เป็นกันเองสุดๆ เราถ่ายรูปเล่นกันอยู่ก็มาแจม ฮ่าๆๆ

ชอบการจัดร้านแบบแอปเปิ้ลนะ มีเอกลักษณ์และสวยงาม

และนี่เองก็เป็นครั้งแรกที่ได้ลองเล่น iPad Pro พร้อม Pencil

จะบอกว่าประทับใจมากกกกกกก เออ มันทำดีจริงๆ ยอมรับเลย

ส่วนรูปภายในออฟฟิศแอปเปิ้ลไม่มีหรอกนะ เข้าไปไม่ได้งะ 555 เน้นเจอเพื่อนมากก่า ^ ^ ยังไงก็ขอขอบคุณแบงค์และภาวินท์ที่พาไปเดินเล่นจนดึกดื่นนะค้าบบบบ เดี๋ยวกลับไทยก็เจอกันอีก 555

Facebook HQ

ที่ที่สองที่ไปคือ Facebook HQ

ซึ่งครั้งนี้โชคดีมากที่ได้เจอคนไทยเพียบเลย เนื่องจากไปวันที่เค้ามีนัดกินข้าวระหว่างคนไทยกันพอดี =) ได้กินข้าวที่เฟสบุ๊คด้วย อร่อยๆ แฮ่~~

พอทานเสร็จน้องต้าก็แอบพาทัวร์ Campus แบบเต็มสเกล ซึ่งการจะเข้า Campus ได้ จำเป็นจะต้องมี Host คอยเดินอยู่ด้วยเสมอ ไม่งั้นเข้าไม่ได้นะจ๊ะ Security แน่นหนามาก ยามเยอะมากกก

Facebook Campus ใหญ่มาก เพิ่งเปิดตึกใหม่ไปไม่นานและกำลังจะสร้างตึกเพิ่ม คือเป็นบริษัทที่ขยายตัวเร็วสุดๆ

ถามว่าในแคมปัสมีอะไรบ้าง? ก็มีหมดตั้งแต่ห้องทำงานยันห้องสันทนาการ เช่น ห้องซ้อมดนตรี ห้องเล่นเกมตู้ ไอติม เมคเกอร์ คือคิดอะไรได้ก็มีหมดว่างั้นอ่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสวัสดิการของพนักงาน สามารถใช้ได้ฟรีเลย (ร้านไอติมมันช่างน่าเดินเข้าทุก 15 นาที ให้ตายสิ 55555)

และที่เห็นเดินขวักไขว่อยู่นั่นก็พนักงานทั้งนั้น จะบอกว่าเหมือนเดินอยู่ใน Mall แล้วคนเดินช็อปปิ้งอะไรอย่างงั้น ไม่รู้สึกว่าเป็นพนักงานบริษัทที่กำลังทำงานอยู่เลยจริงๆ

ถามว่าทำไม? ก็เพราะเค้าต้องการสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีความสุขและผ่อนคลาย ไม่ได้เป็นการสปอยล์หรอกเพราะสุดท้ายเค้าก็ตีค่าของพนักงานจากผลงานที่ทำออกมาอยู่ดี ทุกคนจึงต้องรับผิดชอบทุกอย่างเอง เครียดคิดอะไรไม่ออกก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกิน เสร็จปุ๊บกลับไปทำงาน เวลาเข้างานก็คุมเองได้ จะเข้ากี่โมง จะออกกี่โมง บลาๆๆๆ แต่ต้องรับผิดชอบงานให้ได้ รวมถึงต้องทำงานร่วมกับคนอื่นได้ด้วย เพราะอย่างที่บอก สุดท้ายเวลา Evaluate ก็ตัดสินที่ตัวงาน ซึ่งแฟร์มากๆ

ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคนอยากมาทำงานที่นี่เยอะมากๆ

ส่วนบรรยากาศการทำงานที่นั่นเรียกว่าชอบมากกกกกกโดยเฉพาะตึกใหม่ ซึ่งเผอิญมันเป็นที่ที่เค้าทำงานกัน ก็เลยไม่ถ่ายรูปมา เพื่อ Privacy ของบริษัทและพนักงาน แต่ขอให้จินตนาการเหมือนเป็นโกดังเพดานสูงๆ และทุกคนทำงานร่วมกันแบบ Open Space อารมณ์เหมือน Hacker Space ไม่มีผิด ซึ่งบางคนที่ชอบพื้นที่ส่วนตัวคงไม่ชอบ แต่สำหรับเรา เราชอบแบบนี้ >__<

ดูภาพเพิ่มเติมจากในนี้ได้เลย What these photos of Facebook’s new headquarters say about the future of work

สกิลของคนที่นี่บอกเลยว่าอยู่ระดับ A++ คือถ้าไม่เก่งจริงอย่าหวังจะย่างกรายเข้ามาทำงานได้ ถ้าทำงานที่นี่ได้ก็สามารถสมัครงานทุกที่ในโลกได้ไรงี้อ่ะ อันนี้พูดกันแบบไม่ถ่อมตัวว่าตัวข้าพเจ้ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่สมัครเลย แค่ได้เข้าไปเดินเล่นก็เป็นเกียรติมากละ

แล้วก็มีแอบเดินไปเล่นโน่นเล่นนี่มานิดโหน่ย

ไม่ได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ ใช้เวลาไปกับการตื่นตาตื่นใจด้วยตาเปล่า ^^"

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาครับ โดยเฉพาะน้องต้าที่พาเดินเล่นตั้งเป็นชั่วโมงแหนะ แหะๆ แอบถามโน่นถามนี่ไปเยอะเลย ^_^

สุดท้ายแอบซื้อของที่ระลึกกลับมาชิ้นนึง

หากมีโอกาสก็อยากทำงานที่นี่นะ ชอบมากมาย =)

Twitter HQ

เสร็จจาก Facebook ก็วิ่งเข้าเมืองปรู้ดดดดเพื่อไปหาน้องหมู Data Scientist ณ Twitter

ความเทพของน้องหมูนี่ไม่สามารถบรรยายได้ เอาเป็นว่างานเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่เห็นบนหน้าเว็บ Twitter นี่ของน้องหมูทั้งนั้น

บรรยากาศออฟฟิศที่นี่ถึงจะเล็กกว่าเฟสบุ๊ค (อยู่บนตึก) แต่เรื่องแนวคิดอะไรเหมือนกันทุกประการคือมีสวัสดิการอาหารและที่สันทนาการพร้อม

เผอิญว่าดันไปตอนคนเค้ากลับกันแล้ว ออฟฟิศก็เลยเงียบเหงา เลยใช้เวลานั่งคุยและเดินเล่นนิดหน่อย

ดีใจที่ได้เจออีกครั้งคร้าบผมว่าที่คุณพ่อ =D

ช่วงนี้ Twitter กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน มารอดูว่า Dorsey จะทำอะไรกับองค์กรบ้าง ก็ขอเอาใจช่วยคร้าบ ^_^

มหานคร Google

ออฟฟิศสุดท้ายที่แวะไปเยี่ยมคือ Google

เฟสบุ๊คว่าใหญ่แล้ว กูเกิลนี่ขอเรียกว่า "เมือง" เลยละกัน เพราะมันกินอาณาเขตใหญ่มากกกกกก มากมายมหาศาลระดับเดินยังไงก็ไม่หมด โดยออฟฟิศของกูเกิลจะกระจายเป็นอาคารนับร้อยๆอาคาร

แน่นอนว่าใหญ่ขนาดนี้ บริษัทก็เลยจัดจักรยานให้พนักงานได้ใช้ขี่ไปมาระหว่างตึก (เฟสบุ๊คก็มี)

ออฟฟิศที่นี่ดูเป็นบริษัทมากๆ ถึงแม้จะตกแต่งสวยงามมีสีสัน แต่ก็รู้สึกว่าเป็น Corporate สุดๆ รู้สึกถึงความเครียดหน่อยๆถ้าเทียบกับ Facebook แล้ว

แน่นอนว่าถ้าไม่แวะไปถ่ายกับหุ่นแอนดรอยด์ทั้งหลายคงบาปนัก ! ซึ่งกูเกิลเลือกที่จะย้ายแอนดรอยด์รุ่นเก่าๆไปไว้ในอีกตึกนึงจากเดิมที่ทุกตัวอยู่ที่ Googleplex Main Campus เพราะเค้าไม่อยากให้คนไปเพ่นพ่านเยอะ คงเหลือแต่ตัวเวอร์ชันล่าสุดเท่านั้นที่อยู่ Main Campus ลำบากต้องเดินไปสองที่เบย แต่ก็โอเค เดินไปหลายรอบมากทริปนี้ 555

เนื่องจากเวลามีไม่มากก็เลยไม่ได้เดินเยอะ หลักๆก็แอบเข้าไปทานอาหารในโรงอาหารกูเกิลกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทำงานในกูเกิล(ซึ่งมีเยอะมาก) อาหารอร่อยๆๆๆ

ส่วน Engineer ที่นี้ก็ระดับโหดดดดดดดไม่ต่างจากเฟสบุ๊ค ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เป็นอีกที่ที่เข้ายากมากๆๆๆและต้องเก่งจริงๆเท่านั้น ซึ่งคนไทยอยู่ที่นี่เยอะด้วย คนไทยเทพๆระดับโลกเยอะครับ =D

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมทานอาหารกันและขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆประกอบการตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างครับ ไม่เขียนไว้ในนี้ละกันนะะะะ แอบเก็บๆ ^^"

ซื้อของติดไม้ติดมือมาเล็กน้อยพอเป็นพิธี ตอนแรกว่าจะแจก เปลี่ยนใจมาใช้เองละ 555

บล็อกนี้ไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวต่อบล็อกหน้าเป็นบล็อกสุดท้าย พูดถึงเรื่องงาน Summit ที่ไปร่วมงานมาครับ ^_^

บทความที่เกี่ยวข้อง

Jul 19, 2016, 23:59
138142 views
ใช้เนตต่างประเทศ 8 วัน 3GB ในราคารวม 399 บาทด้วย AIS SIM2Fly
Dec 12, 2015, 14:41
10643 views
โอกาสจากการเขียนบล็อกโปรแกรมมิ่งเป็นภาษาอังกฤษ กรณีศึกษาจากบล็อก The Cheese Factory
0 Comment(s)
Loading